บทที่ 4
ร่างบางระหงที่อยู่บนรองเท้าส้นสูงปรี๊ดถึงสี่นิ้วครึ่ง ก้าวฉับๆ ไปตามทางเดินด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มหวานหยดเพื่อทักทายเลขาหนุ่มที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดขึงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น
เหอะ! เหมือนเจ้านายไม่มีผิด
"คุณธารอยู่ในห้องใช่ไหมคะ" มาริสาเอ่ยถามอย่างมีมารยาท ทั้งที่ความจริงแล้วเธออยากจะพุ่งเข้าไปกระชากประตูห้องทำงานของเขาทันทีที่มาถึงแล้วด้วยซ้ำ
"ครับ"
เมื่อเลขาหนุ่มตอบกลับมา หญิงสาวก็ไม่วายโปรยยิ้มหวานแบบนางเอ๊ก นางเอก ไปให้เขาอีกครั้ง
"ขอบคุณค่ะ" ว่าจบมือเล็กก็เอื้อมไปจับลูกบิด
"คุณมัดจะรับเครื่องดื่มอะไรไหมครับ"
นางเอกสาวหันมามองคนถามอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาน้อยๆ อย่างมีจริตจะก้าน "ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ครับ"
ร่างบางส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง พร้อมกับผลักประตูเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
พลั่ก!
เจ้าของห้องทำงานที่กำลังนั่งพิมพ์งานด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหลือบตามองผู้มาเยือนเพียงเล็กน้อยและพ่นลมหายใจออกมาเหมือนทุกที
"ไฮ... ทักทายกันด้วยสีหน้าอื่นหน่อยได้ไหม ฉันเห็นหน้านิ่งๆ เหมือนคนพึ่งฉีดโบ (ท็อกซ์) มาสามปีแล้วนะ" เจ้าของร่างบางบ่นกระปอดกระแปด แล้วเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับคู่หมั้น
"มาทำไม" เขาถาม
"มาทำไม ไม่รักก็ไม่มา เป็นอะไร ไม่รักก็คงไม่มา"
คนที่ตั้งใจจะมาป่วนแกล้งเขาด้วยการร้องเพลงแทนการตอบคำถาม พร้อมทั้งหยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของอีกฝ่ายขึ้นมาใช้ต่างไมโครโฟน
"คุณมัด ผมต้องทำ..."
"ทำไมไม่รับ... สักที ทำไมไม่รับ... สักที อย่าปล่อยให้รออย่างนี้ ฉันน้อยใจ ทำไมไม่รับ... สักที หรือว่าวันนี้เธอรักคนใหม่ บอกฉันให้เข้าใจ ได้ไหมเธอ"
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ร้องเพลงไม่หยุด ธารวิชญ์จึงเลิกสนใจและหันไปอ่านเอกสารที่ลูกค้าส่งมาให้เขาทางอีเมลล์ต่อ
"นี่! ฉันร้องเพลงไม่เพราะเลยหรือไง"
"ไม่ใช่ว่าไม่เพราะ แต่ผมจะทำงาน" ชายหนุ่มบอกปัด
"ไม่ใช่ว่าไม่เพราะ แปลว่า เพราะ"
คนโดนป่วนถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้คู่สนทนาอย่างยอมจำนน "แล้วแต่จะคิดครับ"
"โอเค งั้นฉันจะคิดแบบนี้"
"คุณมัด" ธารวิชญ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเย็น
"ว่าไง"
"บอกธุระของคุณมาเถอะ ผมมีงานยุ่งทั้งวันนะ" เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงและสายตาของตนเลย เขาจึงต้องใช้น้ำเย็นเข้าช่วย ด้วยการพูดคุยกับคนตรงหน้าอย่างประนีประนอม
"ฉันจะมาขอถ่ายรูป"
"ถ่ายรูป?" ธารวิชญ์ทวนคำพลางขมวดคิ้วหนาเป็นปมแน่น
"ใช่ รูปคู่ของเรา"
"ผมไม่ถ่าย เคยบอกไปหลายรอบแล้วนะ" เขาบอก แต่คนฟังกลับไว้ไหล่น้อยๆ ประมานว่าเธอไม่แคร์ แล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าซะงั้น
"ฉันจำเป็นต้องใช้"
"ทำไม" ธาวิชญ์ถาม
"ทำไมอะไร แค่ถ่ายรูปคู่กับคู่หมั้นตัวเอง งานของคุณมันคงไม่หดไม่หายไปหรอกมั้งคุณธาร" ร่างบางว่าประชด
"ผมหมายถึงว่าทำไมคุณต้องใช้รูปคู่ต่างหาก"
"ฉันมีข่าวไม่ดีนิดหน่อย"
และทันทีที่ได้ยินคำตอบของคู่หมั้นสาว ชายหนุ่มก็จ้องดวงหน้าหวานหยดของนางเอกสาวเบอร์ต้นๆ ของวงการอย่างอ่อนใจ
เขาต้องหมั้นหมายกับเธอเพราะเป็นคำขอจากผู้มีพระคุณ แถมอีกฝ่ายก็เต็มใจหมั้นกับเขาด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ในตอนแรกธารวิชญ์เห็นว่าเราต่างก็วินๆ กันทั้งสองฝ่าย แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย
ชีวิตที่เคยสงบสุขของเขา โดนเธอป่วนจนแทบไม่มีชิ้นดี ต่อให้ไม่ได้เจอหน้ากัน แต่เวลาที่เธอมีข่าวกับพระเอกคนไหน คนรอบตัวเขาก็มักจะถามถึงอยู่เสมอ จนพนักงานในบริษัทแทบจะเอาเขาไปพูดลับหลังว่าโดนเธอสวมเขาอยู่รอมร่อ
คิดดูเถอะ... ว่าเขาได้ประโยชน์อะไรจากการหมั้นครั้งนี้บ้าง