บทที่ 6 เพื่อนบ้าน
@คอนโดหรู
หลังจากเลิกงานตะวันจึงลงมือเข้าครัวทำเมนูของหวานเพื่อสุขภาพเป็นฟักทองนมสด และไม่ลืมที่จะทำเผื่อเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เพราะอยากจะผูกมิตร เมื่อเสร็จก็จัดการแช่ตู้เย็นครึ่งชั่วโมงแล้วทานจึงนำของหวานอีกชามในตู้เย็นหน้าตาหน้ารับประทานถูกจัดตกแต่งสวยงาม ที่สำคัญดีต่อสุขภาพเมื่อดูที่ข้าง ๆ ระเบียงพบว่าห้องที่ติดกันมีไฟเปิดอยู่และมีคนอยู่จึงตัดสินใจยกชามของหวานและเดินไปทำความรู้จักเพื่อนบ้านคนใหม่
ก็อก! ก๊อก! ก๊อก! ตะวันถือชามของหวานและเคาะประตูเรียกเพื่อนบ้านสักครู่ก็มีคนเดินมาเปิดประตู
แคร่ก!....
“…………………..”
ใบหน้าหล่อเหลาผิวเนียนละเอียดริมฝีปากหยักสีชมพูจมูกโด่งเป็นสันในชุดนอนสีน้ำเงินที่ไม่ได้สวมแว่นสายตากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และยาสระผม กับผมที่ไม่ได้เซทจัดทรงเขาช่างดูดีหล่อสะอาดสะอ้าน สายตาคมกริบก็ได้เลิกขึ้นสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เพล้งงง! เสียงชามของหวานหล่นลงที่พื้นชามที่เป็นแก้วแตกกระจาย
“พี่เขื่อน!” ตะวันตกใจที่พบว่าเพื่อนบ้านใหม่ของเธอคือหมอเขื่อนอาจารย์หมอปากร้าย และเป็นคนหักอกเธอเมื่อตอน ม.ต้น จึงเผลอเรียกชื่อเค้า
“อืม! ยัยผมหน้าม้าเธอทำห้องฉันเลอะ” จากที่อึ้งอยู่เธอรีบตั้งสติแล้วมองดูตรงพื้นหน้าประตู
“เอ่ออ! คือขอโทษค่ะไม่รู้ว่าเป็นพี่จริง ๆ ตะวันแค่จะมาทักทายแล้วเอาของหวานมาให้” มือบางยกขึ้นมาไหว้หมอเขื่อนด้วยสายตารู้สึกผิดเธอแทบจะร้องไห้
“ช่วยทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย” หมอเขื่อนสุดแสนสะอาดและเจ้าระเบียบสั่งให้เธอรีบเก็บกวาด
“ค่ะ! ฉันจะรีบทำให้เดี๋ยวนี้” ตะวันนั่งลงเก็บเศษแก้วแล้วรีบไปหาถังขยะมาใส่
“โอ้ยย! ” เลือดจากนิ้วมือบางไหลเธอถูกเศษแก้วที่แตกและคมบาดนิ้ว คนตัวโตที่ยืนกอดอกอยู่นั้นเห็นและรีบคว้ามือของคนร่างบางขึ้นมาดูแผล ซึ่งแผลมันลึกพอสมควรมือบางนั้นสั่นเทาตกใจเพราะเลือกออกมาในปริมาณเยอะพอสมควร
“รีบเข้ามาทำแผลในห้องฉันก่อน” เขาดึงแขนเรียวให้มาทำแผลแต่ตะวันไม่ยอมเดินเข้าไปข้างในห้องของหมอหนุ่ม
“ชั้นทำเองได้ค่ะคุณหมอ ไม่รบกวนดีกว่า” ตะวันกำลังจะหันหลังกลับเพื่อที่จะไปจัดการแผลที่ห้องตัวเอง
“นี่ยัยผมม้า…ถ้าเธอยังดื้อและเก่งกว่าหมอละก็เชิญ” เธออึ้งกับวาจาที่สุดแสนจะร้ายกาจและเย็นชาของเค้าตะวันไม่ตอบแล้วกำลังหันหลังกลับ
หมับ! มือหนาคว้าที่ข้อแขนเล็กดึงเข้ามาและพามานั่งที่โซฟาหรู บรรยากาศภายในห้องนั้นสะอาดเอี่ยมเหมือนกับโรงพยาบาล เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่ทุกตัวมีมูลค่ากลิ่นไอในห้องนั้นหอมสะอาดสดชื่น
“นี่ฉันแค่พูดประชดเธอนี่มัน....” สายตาดุแต่อบอุ่นมองไปที่ใบหน้าหวานที่ตอนนี้เธอใจเต้นแปลก ๆ
“อยู่เฉย ๆ นะเดี๋ยวฉันจะทำแผลให้” สักพักหมอเขื่อนก็เดินเข้ามาพร้อมกล่องยาและอุปกรณ์ทำแผล
“คุณหมอเพิ่งย้ายมาใหม่หรือคะปกติห้องนี้ว่างมาเกือบสองปีแล้ว” ตะวันที่นั่งดูคนตัวโตล้างแผลและกำลังจะปิดแผลให้
“อื้ม! เพิ่งกลับมาได้อาทิตย์เดียวที่นี่ใกล้โรงพยาบาลที่สุด” หมอเขื่อนทำแผลให้เธอเสร็จอย่างชำนาญ
“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ นะคะ ฉันจะไปทำความสะอาดต่อและต่อไปจะไม่มารบกวนแล้วค่ะ” ตะวันกล่าวขอบคุณและรีบลุกขึ้นไปเพื่อจะทำความสะอาดต่อ
“เดี๋ยว!…นั่งลงก่อนฉันจะเป็นคนเก็บกวาดเองเดี๋ยวแผลก็ปริหรอกห้ามโดนน้ำด้วย” หมอเขื่อนที่มองดูตะวันและสั่งเธอให้นั่งพัก เมื่อเขาจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยก็ปิดประตูและเดินมานั่งข้าง ๆ
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่คอนโดนี้คนเดียวล่ะ” หมอเขื่อนสงสัยเพราะตะวันน่าจะอยู่กับครอบครัวอีกอย่างเธอก็เป็นผู้หญิง
“คือชั้นทำงานที่กรมแล้วอีกอย่างคอนโดก็ใกล้ที่ทำงานมาก ๆ” หมอเขื่อนพอจะเดาออกว่าตะวันเธอยังไม่ได้แต่งงาน และที่เค้าเห็นเธอที่ไปทานข้าวกับชายหนุ่มที่ภัตตาคารอาจจะแค่คนคุยหรือแฟน
“นี่ยัยผมหน้าม้าเธอเลิกแทนตัวเองว่า ชั้น ดิฉัน ได้แล้ว” ตะวันทำหน้าเจื่อน ๆ และมองคนตัวโตที่นั่งข้าง ๆ กลิ่นกายหอมสะอาดมาจากตัวเขานั้นทำให้เธอแอบยิ้มกริ่ม
“แล้วจะให้ชั้นเรียกตัวเองว่ายังไง คนไข้ ยัยผมหน้าม้า…” ตะวันเริ่มหายตื่นเต้นและกวนประสาทหมอเขื่อน
“เอ๊ะ!…ยัยนี่ก็แทนตัวเองเหมือนตอนนั้นสิ แล้วก็เรียกฉันว่าพี่เขื่อนหรือพี่หมอ” สายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยหวานด้วยสายตาเจ้าชู้เป็นประกายจนเธอเขินอายไม่กล้าสบตา
“หึ! อีพี่หมอบ้าหยอดเก่งชะมัดสงสัยจะมีสาว ๆ ตกเป็นเหยื่อเพียบ” ตะวันคิดในใจเป็นอีกครั้งที่เธอถูกหมอเขื่อนตก
“ค่ะ…ตกลงค่ะพี่หมอตะวันขอถามอะไรหน่อยสิ” ตะวันค้างคาใจกับเหตุการณ์วันนั้น
“พี่หมอจำตะวันได้ด้วยหรือคะ” มือหนายกขึ้นมาดีดที่หน้าผากมนจนเกิดเสียงดัง
“เป๊าะ!” ตะวันถึงกับทำกับหน้ายู่และลูบที่หน้าผากเบา ๆ ด้วยความเจ็บ
“หึ! พี่ไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้นถึงเธอจะโตขึ้นไม่ถักเปียแล้ว ไม่ได้ไว้ผมหน้าม้าพี่ก็จำเธอได้” หมอเขื่อนแทนตัวเองว่าพี่ปากหยักได้รูปเผลอยิ้มออกมา ตะวันถึงกับลืมตัว ลอบมองดูรอยยิ้มที่ละลายสายตาเธออย่างไม่วางตา
“ปีนั้นที่พี่ต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนต่างประเทศ เพราะพ่อกับแม่เสียกะทันหัน โดยอุบัติเหตุทางรถยนต์คุณปู่จึงส่งพี่ไปเรียนต่อนี่ก็เพิ่งจะกลับมาช่วยงานที่โรงพยาบาล” สายตาของคนตัวโตสั่นไหวเมื่อเขาพูดถึงการจากไปของพ่อและแม่
“ตะวันเสียใจด้วยค่ะตะวันไม่ทราบจริง ๆ คิดว่าพี่เกลียดตะวันจนย้ายโรงเรียนหนีซะอีก” ใบหน้าหวานยิ้มให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงใจ เธอรู้สึกโล่งและดีใจที่เค้าไม่ได้รังเกียจเธอจนย้ายโรงเรียน และที่ฝันซ้ำ ๆ ถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเธอก็รู้สึกเสียใจมาตลอดมาวันนี้เหมือนได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการแล้ว
“จะบ้าเหรอเธอสำคัญตัวเองมากไปรึเปล่า ต่อให้ฉันเกลียดเธอฉันคงไม่ย้ายโรงเรียนหนีปัญญาอ่อน” ทั้งสองต่างพูดคุยกันถึงเรื่องราวของตัวเองและการใช้ชีวิตที่ผ่านมา หมอเขื่อนเขาก็ไม่มีเพื่อนที่ไทยนอกจากหมอหนุ่มรุ่นน้องอย่างหมอภูจึงสนิทสนมกับตะวันได้เร็ว ต่อหน้าคนอื่นเขาจะพูดน้อยแต่กับตะวันเขาสามารถคุยและเป็นตัวของตัวเอง
“นี่มันก็ดึกแล้ว ตะวันขอตัวก่อนนะคะ” ตะวันดูเวลาเกือบสามทุ่ม
“อื้ม! จริงสิพี่ต้องนอนสามทุ่ม ส่วนฟักทองนมสดพรุ่งนี้ค่อยเอามาให้ใหม่นะ แล้วแผลเธอต้องมาล้างด้วยพี่เลิกงานหนึ่งทุ่ม” หมอเขื่อนเขาอยากเจอตะวันอีกจึงใช้ของหวานและแผลมาเป็นข้ออ้างบังหน้า ซึ่งเธอก็ยังงง ๆ และคิดว่าเขาอาจต้องการเพื่อนคุยจึงตกลงและเดินยิ้มกลับห้องไป
“ยัยผมหน้าม้า…เธอนี่มันซื่อบื้อ” หมอหนุ่มยิ้มกริ่มและเดินเข้าไปนอนที่ห้องนอนก่อนนอนเขาก็คิดถึงแต่ใบหน้า และรอยยิ้มอันสดใสของสาวสวยอย่างปานตะวันที่เขานั้นไม่เคยลืมเลือน