บทที่ 2 เปิดตัวอาจารย์หมอ
@ห้องผ่าตัด
บรรยากาศในห้องผ่าตัดนั้นเย็นเฉียบทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมสำหรับการผ่าตัดหัวใจในครั้งนี้ คนไข้เป็นเด็กอายุเพียงแปดขวบเคสนี้ถือเป็นเคสที่ยากเนื่องจากยังเป็นเด็ก และถ้าการผ่าตัดถ้าเกิดผิดพลาดอาจส่งผลระยะยาวต่อเด็กได้ในอนาคต
“วิสัญญีแพทย์ช่วยเช็คดูความดันชีพจรและดูความพร้อมของคนไข้ด้วย” อาจารย์หมอเขื่อนวันนี้ลงมือผ่าตัดให้กับเคสเด็กแปดขวบ โดยมีทีมงานแพทย์พยาบาลคอยเป็นลูกมือทุกการรักษาจะสามารถมองเห็นได้จากกล้องวงจรปิด และชั้นบนที่เป็นห้องกระจกใสสำหรับแพทย์ที่ต้องการดูขั้นตอนการผ่าตัด
“หมอภูเย็บต่อเส้นเลือดตรงนี้” อาจารย์หมอสั่งให้หมอภูช่วยเย็บและเค้ากำลังสอน
“ครับอาจารย์หมอ” ทุกคนช่วยกันโดยต้องทำแข่งขันกับเวลาถ้าหากช้าไปกว่านี้จะเกิดอันตราย
“นี่…อย่าตกใจตั้งสติ” อาจารย์หมอที่เห็นหมอภูเริ่มประหม่าเพราะตอนนี้ความดันและชีพจรของคนไข้ต่ำลง
“นี่กูบอกว่าให้มีสติ” อาจารย์หมอเขื่อนดุหมอภูที่ตอนนี้เค้าวางมือและสนใจแต่ชีพจรทุกคนต่างกลัวและเงียบกริบ
“พยาบาลขอ forceps” พยาบาลยื่นอุปกรณ์ให้อาจารย์หมอเขื่อนและเช็ดเหงื่อให้กับเขา ภายใต้ความกดดันและตื่นเต้นมากเพราะเวลากำลังจะหมดและการผ่าตัดยังไม่สำเร็จ
“นี่ทุกคนดูผมนะ” อาจารย์หมอเขื่อนได้ทำการผ่าตัดและเย็บแผลให้คนไข้พร้อมกับสอนศัลยแพทย์ทุกคน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการความดันและชีพจรของคนไข้ก็เริ่มดีขึ้น
“complete.”
เสียงปรบมือชื่นชมการผ่าตัดที่ผ่านไปได้ด้วยดีดังขึ้นจากด้านบนห้องกระจกซึ่งมีทีมแพทย์และบอร์ดบริหารคอยยืนมองดูอยู่ ทุกคนต่างชื่นชมและทึ่งกับความสามารถของอาจารย์หมอ อัครินทร์ หรือหมอเขื่อนนั่นเองเขาเก่งและเป็นศัลยแพทย์มือดีคนหนึ่งที่ฝีมือและการวินิจฉัยนั้นเฉียบขาด มีเพียงสายตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่มองดูด้วยความริษยาและพยาบาท
หลังจากออกมาจากห้องผ่าตัดอาจารย์หมอและลูกศิษย์นักศึกษาแพทย์อินเทิร์นทุกคน ที่ได้ร่วมงานและสังเกตการณ์ต่างมารวมตัวกันที่ห้องทำงานของอาจารย์หมอ
“โห! อาจารย์หมอครับผมเพิ่งจะเคยเห็นทักษะการใช้ scalpel ผ่าแบบเลือดไม่ทะลักแบบนี้…สุดยอดมากเลยช่วยสอนผมด้วยนะครับ” คชานักนักศึกษาแพทย์อินเทิร์นก้มลงพร้อมยกมือไหว้อาจารย์หมออย่างเคารพ เค้าคิดเพียงแค่ว่าตอนนี้อาจารย์หมออัครินทร์คือแสงสว่างที่จะนำทาง และจะเรียนรู้วิชาจากอาจารย์หมอให้มากที่สุดอาจารย์หมอนั้นเก่งสมคำล่ำลือจริง ๆ ที่วันนี้เขาได้เห็นมันกับตา
“ได้สิ…..ผมจะสอนอินเทิร์นทุกคนแต่มีข้อแม้ว่าต้องสามัคคีและทำงานกันเป็นทีม” อาจารย์หมอยิ้มให้กับลูกศิษย์และทีมงานที่วันนี้ได้เจอและร่วมงานกันเป็นวันแรก
“เอาล่ะผมอนุญาตให้ทุกคนไปพักได้ ถ้าใครมีคำถามหรือสงสัยอะไรปรึกษาผมได้…เชิญครับ” อาจารย์หมอในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสวมแว่นสายตาสีใส ใบหน้าเรียวขาวสะอาด ยืนยิ้มกริ่มให้กับเหล่าทีมงานแพทย์และพยาบาลจนสาวๆแอบเขินและยิ้มตาม
ก๊อก! ก๊อก! ก็อก!
“เชิญเข้ามาครับ”อาจารย์หมอที่หลังจากแนะนำตัวกับทีมงานและผ่าตัดเคสยากที่ใช่เวลาหลายชั่วโมงได้พักผ่อนสายตาที่โต๊ะทำงาน และสะดุ้งเสียงเคาะประตูจากพยาบาลสาว
“อาจารย์หมอคะ คือท่านประธานเรียกให้เข้าพบที่ห้องค่ะ” พยาบาลสาวที่ทำท่าเอียงอายยืนบิดตัวพูดเสียงอ่อนหวานจนหมอเขื่อนแอบขำและเผลอส่งยิ้ม
“อ่อ! ครับเดี๋ยวผมจะรีบไป” ว่าแล้วขายาว ๆ ก็รีบเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวและไปพบท่านประธาน
@ห้องประธาน
“เขื่อน….หลานปู่” หมอวัยชราเดินเข้ามากอดหลานชายคนโปรดและดีใจที่ไม่ได้เจอในรอบหลายปี
“สวัสดีครับคุณปู่สบายดีนะครับ” มือหนายกไว้ที่อกปู่อย่างเคารพและคิดถึง
“เอ้ออๆ! ก็ตามประสาคนแก่น่ะ ดูสิตอนนี้หลานปู่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วและเก่งมากด้วย รู้ไหมปู่กับย่าภูมิใจในตัวหลานมาก ๆ” ใบหน้าหมอชราที่ยิ้มจนเห็นริ้วรอยบนใบหน้าและดีใจกับความสำเร็จของหลานชายผู้เป็นที่รัก
“กลับมาอยู่ที่บ้านเรานะเขื่อน ปู่กับย่ารอหลานทุกวัน” สายตาเศร้า ๆ มองใบหน้าหล่อเหลาในชุดกาวน์สีขาวสะอาด
“ผมยังไม่พร้อมในตอนนี้ครับแต่ผมจะไปเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ นะ” หมอเขื่อนพยายามให้กำลังใจและสัญญาว่าจะไปหาย่า
“ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องนั้นใช่ไหม ปู่เข้าใจในฐานะคนเป็นพ่อก็ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่คิดถึงลูกชายและลูกสะใภ้ที่เป็นหมอด้วยกัน บางวันปู่ยังต้องคอยปลอบย่าเพราะคิดถึงลูกชายเพียงคนเดียวเช่นกัน”
“ตอนนี้ผมหายจากโรคซึมเศร้ามาหลายปีแล้วผมกลัวที่จะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้น และมันอาจกระทบกับอาชีพของผมด้วยครับ” หมอเขื่อนเขาก็ไม่อยากปิดบังสาเหตุที่ยังไม่พร้อมกลับบ้านให้ปู่ฟัง
“อื้ม! ไม่เป็นไร ปู่กับย่ารอได้ไว้เราแวะไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันนะ”ปู่ยิ้มให้กับหลานชายและจับที่มือของเขาอย่างอ่อนโยน
“ครับ…ปู่ตอนนี้ผมเช่าคอนโดใกล้ ๆ โรงพยาบาลเราผมต้องปรับตัวที่ไทยอีกเยอะเลยครับ” หมอเขื่อนและปู่ต่างพูดคุยและเพลิดเพลิน จากการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เพราะน้อยครั้งมากที่ปู่และหลานจะได้เจอกันเนื่องจากหมอเขื่อนต้องเรียนและรักษาตัวที่ต่างประเทศนาน ๆ ครั้งถึงจะกลับ และปู่กับย่าต้องบริหารโรงพยาบาลจึงไม่มีเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน
@คอนโดหรู
“นี่นังพลอยคืนวันเสาร์ฉันมีนัดดูตัวกับลูกชายเพื่อนแม่อีกแล้วแกมีแผนอะไรดี ๆ มั้งที่จะปฏิเสธ” ตะวันหลังจากเลิกงานก็หงุดหงิดกับคนเป็นแม่ที่นัดดูตัวหาคู่ให้เธออีกแล้ว จึงโทรปรึกษาเพื่อนสนิทอย่างพลอยเพราะทั้งคู่ยังอยากครองตัวเป็นโสดและสนุกกับการใช้ชีวิต
“ก็แกล้งป่วย หรือว่าบอกไปเลยว่าไม่ชอบผู้ชายไรงี้สิ” พลอยใสเธอก็หมดมุขที่จะนำเสนอเพราะตะวันนั้นใช้มาจนหมดแล้ว
“โอ้ยย! มันแผนเดิมปะแก” ตะวันที่หงุดหงิดกับงานแล้วยังต้องมาหัวเสียกับการถูกจับคลุมถุงชนของพ่อแม่
“งั้นมึงก็รีบหาแฟนและแต่ง ๆ ไปซะ มันจะได้จบ ๆ” พลอยใสก็เบื่อที่จะต้องมาคอยสรรหาสารพัดวิธีเอาตัวรอดให้ตะวันเหมือนกัน
“ก็กูยังไม่เจอคนที่ใช่ พระเจ้าคงสาปให้กูไม่มีคู่แน่เลย ฮือ ๆ ๆ” ตะวันเริ่มงอแงและเบื่อกับการต้องถูกบังคับ