บทที่ 3
“เออ ได้ๆ มากินข้าวเย็นที่บ้านข้าได้เลย อยู่ ๆ ต้องให้อยู่สิน่า ข้าจะให้เหมียวทำไข่พะโล้ของโปรดเอ็งให้เลย แค่นี้นะ”
นาวีวางโทรศัพท์ พลางเดินยิ้มกริ่มมาหาลูกสาว ที่เพิ่งจะถอยรถเข้าบ้านมา พยายามไม่มองหน้านิชญา ที่ลงมาจากก่อนแล้วทำตาขวางๆ ใส่เขาก่อนจะยกมือไหว้บิดา อย่างไม่เต็มใจแล้วยืนหน้ามุ่ยมองเขาอยู่
“เหมียว วันนี้พ่ออยากให้เหมียวโชว์ฝีมือทำกับข้าวหน่อยสิลูก ทำไข่พะโล้ให้พ่อสักหม้อนะ แล้วก็ทำอะไรอีกสักสามสี่อย่างวันนี้เรามีแขก”
“แขกดอยเหรอพ่อ”
ประโยคนี้เป็นของนิชญา นาวีหันไปว้ากใส่ทันที
“แขกดอยน่ะมันแก ไอ้แหมว! แกอย่าทำเสียมารยาทกับแขกของพ่อเชียวนะ เย็นนี้ทำตัวเรียบร้อยหน่อย ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่สมกับอายุของแก อย่าทำตัวเป็นเด็กเหมือนหน้าตาสิ”
“พ่อ!”
นิชญาว่าทำหน้างอ พลางเดินกระแทกเท้าเข้าบ้าน ทิ้งให้นาวีท้าวเอวแล้วส่ายหัวตามหลังลูกสาวตัวดี
“มันไม่รู้จักโตจริง ๆ ลูกสาวคนนี้”
“พ่อจะให้เหมียวทำของหวานด้วยไหมคะ ในตู้เย็นมีแตงไท เหมียวจะได้ทำแตงไทน้ำกระทิ หวานๆ เย็นๆ อากาศร้อนอย่างนี้กินแล้วชื่นใจดีนะคะ”
เสียงหวานใสของบุตรสาวคนโต ทำให้นาวียิ้มออก เขาพยักหน้า
“ดีลูก พ่อกำลังอยากกินพอดี วันนี้อากาศมันอ้าว ๆ ชอบกลไม่รู้ว่าฝนจะตกหรือเปล่า”
“แขกของพ่อเป็นใครเหรอคะ” นภัสนันท์อดถามไม่ได้ เพราะนานๆ ทีบิดาจะมีแขกมาหาที่บ้าน
นาวีเป็นข้าราชการอายุปลดเกษียน ทำงานเขียนบทความเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวของธรรมชาติ ต้นไม้ต่างๆ เพราะเขาเป็นอดีตป่าไม้จังหวัด เลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ไว้หลายอย่าง ทำฟรีบ้างได้เงินบ้างตามประสา เวลาว่าง เขาก็จะชวนลูกสาวสองคนไปเที่ยวป่าตั้งแคมป์ ทักทายลูกน้องเก่า ตามอุทยานแห่งชาติที่ต่างๆ แต่ว่าตอนนี้ลูกสาวทั้งสองคน มีร้านขนมเลยไม่ค่อยว่างไปกับเขานัก เพราะที่ร้านกำลังมีชื่อและมีรายได้ดี สองพี่น้องมีเงินเดือนให้พ่อด้วย นาวีไม่ชอบอยู่เฉย ถ้าว่างจากงานหนังสือ มีใครให้ไปอบรมให้เด็กๆ และคนในชุมชนฟังเขาก็ไป เพื่อให้ผู้คนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติ และหวงแหนมันไว้ตราบนานเท่านาน
“อาเอกไงลูก เขาจะพาพ่อชินมาด้วยจะได้รู้จักกันไว้”
นาวีพูดยิ้มๆ นภัสนันท์มีประกายวูบไหวในแววตาก่อนจะหายไป หล่อนยิ้มให้ผู้เป็นบิดาแล้วขอตัวไปทำอาหารในครัว นาวีอดมองตามร่างบางของลูกสาวไปไม่ได้ ยังไงๆ เขารู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่คิดจะหมั้นหมาย นภัสนันท์กับอชิน เพราะนภัสนันท์ก็สมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ถ้าได้คนดี ๆ ที่ไว้ใจได้ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
..............................................................................................................................................
“มาพี่เหมียว เดี๋ยวแหมวช่วยปอกเปลือกไข่”
นภัสนันท์มองน้องสาวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กับกางเกงยีนขาสั้น ใช้ที่คาดผมคาดไว้ ไม่ให้ผมหน้าม้ามาปรกตา หล่อนยิ่งดูเหมือนเด็กสาวรุ่นๆ มากขึ้น เมื่ออยู่ในเครื่องแต่งกายแบบนี้ หล่อนยื่นถาดที่กำลังปอกเปลือกไข่อยู่ให้น้องสาว
“เดี๋ยวพี่จะไปดูหมูหน่อยว่าเคี่ยวได้ที่หรือยัง”
“พ่อสั่งออเดอร์ขนาดนี้ สงสัยอีตานั่นจะมาแหงๆ”
นิชญาว่า มือเรียวปอกเปลือกไข่ไปด้วย
“ก็ดีนี่พี่กับเขาจะได้รู้จักกันไว้ก่อน”
นภัสนันท์เอ่ยเสียงเรียบ นิชญามองด้านหลังของพี่สาว ที่รวบผมยาวไว้อย่างเรียบร้อย อย่างจะให้ทะลุเข้าไปในหัวใจ หล่อนไม่เข้าใจนภัสนันท์จริงๆ ให้ตายสิ ปากไวเท่าความคิด นิชญาเลยโพล่งออกมาตรงๆ
“พี่เหมียว นี่พี่เหมียวยอมรับหมั้นเพราะประชดพี่ฟากหรือเปล่า”
มือที่กำลังคนหมูในหม้อสั่นนิดๆ นภัสนันท์เม้มปาก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปรกติ
“พี่ไม่ได้ประชดใคร เพียงแต่พี่อยากจะให้พ่อดีใจก็เท่านั้นเอง มันก็ไม่เสียหายนี่แหมว พ่อก็บอกแล้วว่าจะให้พี่กับเขาดูกันไปก่อน ถ้าไม่พอใจก็ไม่เป็นไรไม่ต้องหมั้นก็ได้”
“พี่เหมียวแน่ใจนะ”
นิชญายังจ้องพี่สาวไม่เลิก นภัสนันท์หันหน้ามายิ้มให้น้องสาว สายตาของนิชญาทันเห็นประกายเศร้าๆ ของพี่สาวแต่ก็แค่แวบเดียว มันก็กลายเป็นปรกติ
“พี่แน่ใจแหมว เลิกพูดถึงพี่ฟากเสียที พี่ไม่อยากพูดถึงเค้า”
“ถ้าพี่ฟากรู้ว่าพี่เหมียวไม่ได้คบกับพี่แม็กซ์ พี่ฟากจะเป็นยังไงนะ”
นิชญาเริ่มตั้งคำถามต่อ หล่อนมองเห็นมือของพี่สาวสั่นน้อยๆ ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันนิดหนึ่ง แล้วนภัสนันท์ก็ยิ้มเย็นเมื่อมองสบตาน้องสาว นัยน์ตาสีน้ำตาลส่งประกายเจ็บปวด มองมาทำให้นิชญาใจหาย
“พี่ไม่อยากรู้เรื่องของเขาแหมว ถ้าแหมวพูดเรื่องของเขาอีก พี่ก็จะไม่พูดกับแหมว ผู้ชายคนนี้ตายไปแล้วสำหรับพี่”
“โอเค แหมวเลิกพูดก็ได้ แหมวขอโทษค่ะพี่เหมียว”
นิชญารีบพูด แล้วรีบละมือจากงานตรงหน้าเข้าไปลูบแขนพี่สาว หล่อนซบหน้ากับบ่าพี่สาวอย่างประจบ
“แหมวไม่พูดแล้วนะ เรามาลุ้นกันดีกว่า ว่าที่คู่หมั้นของพี่เหมียวจะหล่อหรือเปล่าน้อ”
“ปอกไข่เสร็จแล้ว แหมวก็ปอกแตงไทให้พี่ก็แล้วกันนะ”
นภัสนันท์พูดสั้นๆ หล่อนลูบแขนน้องสาวตอบแล้วยิ้มหวานให้ เป็นสัญลักษณ์เหมือนจะบอกว่าหล่อนหายโกรธแล้ว นิชญารีบไปทำงานต่อทันที เลิกชวนพี่สาวคุยเรื่องระคายใจไว้เพียงเท่านั้น
“แหมว พี่ฝากดูไข่พะโล้หน่อยนะ อีกห้านาทีแหมวปิดไฟให้พี่ด้วย ไม่รู้ว่าใครโทรมา”
นภัสนันท์ว่า เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือ ที่วางไว้บนโต๊ะเตรียมอาหารดังขึ้น หลังจากที่สองสาวช่วยงานครัวด้วยกันเงียบๆ จนเกือบเสร็จ นิชญาไม่ได้ชวนพี่สาวคุยอีก เพราะเห็นสีหน้าขรึมเฉยของ นภัสนันท์เข้า เลยไม่อยากกวนใจ เมื่อคล้อยหลังนภัสนันท์ นิชญาก็มองหม้อไข่พะโล้ที่กำลังเดือดปุดๆ อย่างประสงค์ร้าย
“ออเดอร์พิเศษของพ่อ แหมวจะทำให้พิเศษเลย รับรองอร่อยเหาะแน่ๆ”
.