บทที่ 7
หลิวซืออิงและหยางตงฉวนปรากฏตัวหน้าบ้านสกุลโจวตามเวลานัดหมาย ระหว่างรอบ่าวในบ้านมาเปิดประตู ทายาทสกุล หยางก็ยังแสดงออกชัดว่ากังวลกับการตัดสินใจของสหาย ถึงกับขอร้องให้นางลองคิดทบทวนดูอีกสักครั้ง
“ข้าแก่กว่าเจ้าเกือบสองปี อย่างน้อยก็ควรจะฟังกันบ้าง”
“สรุปท่านอยากเป็นพี่ชาย มิใช่สหาย” หลิวซืออิงย้อนถาม
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าแค่กลัวท่านพี่จะจับได้”
หยางตงฉวนเกรงว่าจะถูกผู้ดูแลสำนักศึกษาชงหยวนจับได้ว่ามิได้ทำหน้าที่ตามที่ได้รับคำสั่ง
“เจ้าเงียบได้แล้ว”
ประตูบ้านสกุลโจวเปิดออก เจ้าของบ้านยิ้มกว้างต้อนรับ ไม่ต่างจากแรกพบกันเมื่อวาน ส่วนคุณหนูกลับมีสีหน้าบึ้งตึง ราวกับถูกทำให้ไม่พอใจอะไรสักอย่าง นางจ้องมองหยางตงฉวนสลับกับว่าที่อาจารย์คนใหม่ไปมา
เมื่อวานมองไกลๆ ว่าสวยมากแล้ว ยามอยู่ใกล้ยิ่งสวยราวกับเทพธิดา สวยกว่านางคณิกาที่มาติดพันท่านพ่อตั้งหลายเท่า นางยิ้มน้อยๆ มองดูแล้วอบอุ่นใจ ต่างจากเหล่าอาจารย์ใจร้ายที่บิดาเคยว่าจ้างมาโดยสิ้นเชิง
คุณหนูโจวหว่านฉิน อายุเกือบสิบสามปีแล้ว รูปร่างมีส่วนโค้งส่วนเว้าสมวัย ทว่ามองดูแล้วยังมีนิสัยที่เป็นเด็กอยู่มาก สังเกตจากการที่ยืนขยับตัวไปมา บอกชัดว่านอกจากเรื่องการศึกษาแล้ว ยังควรต้องได้รับการอบรมเรื่องมารยาทอีกด้วย
“นี่ลูกสาวของข้า โจวหว่านฉิน”
คุณชายเฉินเอ่ยแนะนำอย่างเป็นทางการ คราวนี้เขาไม่ต้องการบังคับใจนาง จนเป็นเหตุให้เกิดการอาละวาด ไล่อาจารย์จนเตลิดเปิดเปิงไปอีก
แต่สังเกตจากที่นางไม่พูด ก็คงจะพอใจอยู่ประมาณหนึ่ง
“ข้าชอบนาง นางเป็นคนสวย ข้าอยากให้นางมาเป็นอาจารย์ของข้า” โจวหว่านฉินเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี
โจวหว่านฉินเลือกอาจารย์หญิงผู้นี้ เพราะว่านางมีคู่รักแล้ว ทั้งยังมีท่าทีหนักแน่น ไม่ใช่สตรีโลเลเปลี่ยนใจง่าย และนั่นหมายความว่านางจะต้องรอดพ้นเสน่ห์ร้ายของท่านพ่ออย่างแน่นอน
“ยังไม่ทันได้สนทนา ก็ตัดสินใจได้แล้วหรือ”
ผู้เป็นบิดาเอ่ยถาม
“ข้าชอบนาง ดูยังเด็ก คงจะคุยกันรู้เรื่องกว่าพวกอาจารย์แก่ๆ” โจวหว่านฉินกลอกตา เมื่อนึกถึงเหล่าอาจารย์ที่นางไม่ชอบ
“เช่นนั้นก็ตกลง ลงนามในสัญญากันได้เลย”
“ข้าจะลงนาม ก็ต่อเมื่อคุณหนูยอมทำตามกฎสามข้อ”
หลิวซืออิงจ้องมองว่าที่ลูกศิษย์ตาไม่กะพริบ หากไม่ปรามกันแต่แรก ชีวิตของนางก็คงจะลำบากน่าดู
“ถูกจ้างมาแท้ๆ ยังจะเรื่องมากอยู่อีก”
คุณหนูสกุลโจวบ่นพึมพำ
“ข้อหนึ่งเชื่อฟังคำสอน ข้อสองรักษามารยาท”
“เรื่องเยอะจริงเชียว” โจวหว่านฉินเริ่มไม่พอใจ
“หากคุณหนูทำสองข้อแรกได้ ข้อสามนอกเวลาเรียน ข้าจะตามใจท่าน หากไม่ใช่เรื่องที่ผิด ข้าก็จะไม่ขัดใจ”
“ท่านอย่ามาพูดเล่นราวกับเด็กหน่อยเลย” นางซ่อนความสนใจเอาไว้ไม่มิด
“ข้าอายุยี่สิบปี มิใช่เด็กแล้ว ยามเอ่ยคำสัตย์จึงควรต้องรักษาคำพูด” หลิวซืออิงปดเรื่องอายุ ด้วยต้องการให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือขึ้นมาอีกหน่อย
“ถ้าเช่นนั้นหลังเลิกเรียน ท่านพาข้าไปเดินตลาดได้หรือไม่”
“หากเจ้าเชื่อฟังคำสอนและรักษามารยาท เรื่องเล็กน้อยที่ขอมา ข้าย่อมทำให้ได้”
หลิวซืออิงยิ้มหวานให้กับลูกศิษย์ เด็กสาววัยนี้ล้วนต้องการเพื่อนรู้ใจมากกว่าการถูกควบคุม หากนางให้อิสระกับโจวหว่านฉินสักหน่อย ก็จะทำให้แผนทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างไม่ลำบากนัก
หนังสือสัญญาถูกวางลงบนโต๊ะ หลิวซืออิงอ่านมันโดยละเอียด ค่าจ้างนับว่าสมน้ำสมเนื้อดี ช่วงเวลาการจ้างงานสามเดือนและสัปดาห์หนึ่งทำงานห้าวัน ทุกข้อดูสมเหตุสมผล จนกระทั่งข้อสุดท้ายที่ทำให้นางถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“ต้องพำนักอยู่ในบ้านสกุลโจว ข้าต้องพำนักในบ้านท่านเช่นนั้นหรือ”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น หว่านฉินมิได้ต้องการแค่อาจารย์ ทว่าต้องการพี่เลี้ยงควบคุมความประพฤติของนางด้วย”
“เช่นนั้นก็อย่าลงนามเลยนะซืออิง” หยางตงฉวนกระซิบ กลัวว่าสหายจะยอมรับข้อเสนออันน่าหวาดเสียว
กระต่ายน้อยย่อมมิอาจสู้เสือ...
“ตกลง!”
ซืออิงมองว่าการอยู่เรือนสกุลโจวเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ยิ่งนางได้อยู่ใกล้คุณชาย โอกาสแทรกซึมเพื่อหาจุดอ่อนชิงตัวเขากลับบ้านจิ้นฝูก็จะเพิ่มมากขึ้น ยิ่งคุณหนูของบ้านมีท่าทีเป็นมิตรกับอาจารย์คนใหม่ นางก็ยิ่งสบายใจว่าภารกิจในครั้งนี้คงมิใช่เรื่องยาก
แต่ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางกังวลใจ
ยามลงนามในสัญญา หลิวซืออิงไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดสายตาของคุณชายเฉินจึงแพรวพราวยิ่งนัก!
