บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

และด้วยไม่อยากให้ชายทั้งสองสงสัยในตัวเธอ กอปรกับหวาดกลัวด้วยที่จู่ๆ ก็ดันมารู้แผนการลักพาตัวน้องชายของมหาเศรษฐีในเมืองวาดิมูซา หญิงสาวจึงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ และไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าตาของคนร้ายทั้งสอง แต่ถึงเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวก็ไม่มีทางได้เห็น เพราะพวกเขานั่งหันหลังให้กับเธอ

การวางแผนก่อการร้ายลักพาตัวน้องชายของมหาเศรษฐีในเมืองวาดิมูซายังคงดำเนินต่อ และญาดารินก็ยังคงแอบฟังต่อเช่นเดียวกัน

“งานนี้ถ้าเราทำสำเร็จ พวกเราได้รวยเละแน่”

“นายแน่ใจหรือว่าพี่ชายมันจะยอมจ่าย เจ้านายวางแผนเรียกเงินไม่ใช่น้อยๆ เลย”

“จ่ายแน่ นายก็รู้กิตติมศักดิ์ของมันดีนี่ ว่ามันรักน้องชายคนนี้มากแค่ไหน”

“หลังจากได้เงินแล้ว ทำยังไงกับตัวประกัน”

“แกจะเก็บไว้ทำซากหรือวะ ก็ฆ่าทิ้งหมกทะเลทรายสิ”

“ฮ่าๆ จริงด้วย จะเก็บมันไว้ทำไม”

ชายฉกรรจ์ทั้งสองส่งเสียงหัวเราะน่าสะพรึงกลัว และคำพูดในประโยคท้ายของพวกเขาแทบทำให้หนังสือที่ถืออยู่หลุดจากมือของญาดาริน

‘บ้าชะมัด พวกมันจะฆ่าตัวประกัน’

ญาดารินร้องตะโกนอยู่ในใจ แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว และก็ทำใจกล้าค่อยๆ เหลือบสายตามองคนร้ายทั้งสอง แต่หญิงสาวได้เห็นแค่เพียงแผ่นหลังของพวกมันเท่านั้น

“เอารูปของมันมาดูอีกที กูจะได้จำหน้ามันให้ได้แม่นๆ จะได้ไม่จับผิดตัว”

“ไม่มีทางผิดตัวหรอก ไอ้ฟาทัสมันมีอยู่คนเดียวในเมืองนี้”

“เอารูปของมันมาให้กูดู”

ภาพถ่ายของหนุ่มน้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่อของคนร้าย ถูกโยนลงบนโต๊ะเพื่อให้เพื่อนร่วมกระบวนการได้ยลโฉม และเป็นครั้งแรกที่ชื่อของเหยื่อได้หลุดมาจากปากของพวกมัน ซึ่งญาดารินได้ท่องชื่อของเหยื่อไว้จนขึ้นใจ

‘ฟาทัส พวกมันเรียกชื่อของเหยื่อชื่อฟาทัส’

และก่อนที่คนร้ายจะได้ปรึกษาวางแผนชั่วไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ของหนึ่งในคนร้ายก็ดังขึ้น และญาดารินก็ได้ยินคนรับสายพูดกับปลายทางว่า

“ครับ ได้ครับ พวกผมจะไปหาเจ้านายเดี๋ยวนี้ครับ” กดตัดสายการสนทนาแล้ว ก็เอ่ยบอกเพื่อนร่วมทีมว่า “เจ้า

นายเรียกพวกเราให้ไปพบเดี๋ยวนี้”

“ได้ ไปกันเลย”

ร่างใหญ่ของชายฉกรรจ์ทั้งสองผุดลุกขึ้นยืน โดยไม่ลืมโยนธนบัตรลงบนโต๊ะเพื่อเป็นค่ากาแฟด้วย ทันทีที่ได้ยินเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บนประตูดังขึ้น บอกให้รู้ว่าคนร้ายทั้งสองได้เปิดประตูเดินออกจากร้านแล้ว ญาดารินก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตั้งใจจะถ่ายภาพของคนร้ายทั้งสอง แต่ก็ไม่ทันการแล้ว เพราะพวกเขาเดินพ้นจากร้านกาแฟและขับรถยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว

“ทำยังไงดีญาดา”

ญาดารินถามตัวเองด้วยน้ำเสียงร้อนรน หันไปมองเจ้าของร้านกาแฟ อยากถามอีกฝ่ายว่าได้ยินเหมือนที่เธอได้ยินหรือเปล่า และก็ตัดสินใจผุดลุกขึ้นไปถามเจ้าของร้านซะเลย

“คุณคะ ไม่ทราบว่าเมื่อสักครู่ได้ยินที่ลูกค้าทั้งสองคนนั้นพูดกันไหมคะ”

เจ้าของร้านกาแฟคลี่ยิ้มให้พร้อมกับปฏิเสธว่า “ไม่นี่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าพวกเขาพูดจาแทะโลมคุณ บอกผมได้นะครับ”

ญาดารินมองเข้าไปในดวงตาของชายผู้นี้และได้เห็นความจริงใจที่เขาตอบออกมา จึงเชื่อว่าเขาไม่ได้ยิน และไม่

ได้สนใจคนร้ายทั้งสองจริงๆ

“เปล่าค่ะ พวกเขาไม่ได้มาสร้างความรำคาญใจให้กับฉันหรอกค่ะ” ญาดารินเอ่ยปฏิเสธ ก่อนจะถามราคากาแฟเพื่อจ่ายเงิน “ว่าแต่ค่ากาแฟเท่าไรคะ”

“สองดีนาร์ครับ”

ญาดารินหยิบสกุลเงินของประเทศจอร์แดนจำนวนสองดีนาร์เพื่อจ่ายให้กับเจ้าของร้าน พลางคลี่ยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่ายด้วย และขณะเดินกลับมายังโต๊ะของตนเพื่อหยิบหนังสือที่วางไว้บนโต๊ะ ดวงตาทั้งคู่ก็สะดุดกับภาพถ่ายที่ตกอยู่ใต้โต๊ะที่คนร้ายทั้งสองได้นั่งดื่มกาแฟในก่อนหน้านี้

หญิงสาวหันไปมองเจ้าของร้านกาแฟซึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย จึงก้มลงหยิบภาพถ่ายมากำไว้ แล้วหยิบหนังสือของตนเองเดินออกจากร้านกาแฟ ทว่ายังไม่เดินไปไหนนอกจากยืนอยู่ด้านหน้าร้าน และพิจารณามองภาพ

ถ่ายของหนุ่มน้อยที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อการลักพาตัว

“คนนี้หรือที่ชื่อฟาทัส ยังเด็กอยู่เลย อายุคงไม่เกินสิบหกปี”

ญาดารินพึมพำออกมาหลังจากได้มองภาพถ่ายของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแล้ว และก็เกิดคำถามขึ้นในหัวสมองจนต้องเอ่ยออกมาอย่างตัดสินใจไม่ถูก

“เอายังไงดีญาดา ทำเป็นเฉยเมยไม่รู้เรื่อง แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายเด็กหนุ่มที่ชื่อฟาทัส ที่ต้องดูแลน้อง

ชายของเขา หรือจะไปแจ้งตำรวจบอกเรื่องที่เธอได้ยินคนร้ายพูดกัน”

ญาดารินตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไรดี ดวงตาทั้งคู่ยังคงทอดมองภาพถ่ายของหนุ่มน้อยฟาทัสแทบไม่กะพริบตา

“อย่าไปยุ่งเลยญาดา เธอมาเที่ยวนะ ไม่ใช่มาทำตัวเป็นนางเอกคอยช่วยเหลือผู้ที่กำลังได้รับอันตราย”

บอกตัวเองเช่นนั้นแล้ว ญาดารินก็เดินเข้าใกล้ถังขยะซึ่งอยู่ไม่ห่างสักเท่าไร จากนั้นก็ทิ้งภาพถ่ายของฟาทัสลงถังขยะ แล้วหมุนตัวเดินกลับโรงแรมที่พัก

ใช่! มันไม่ใช่เรื่องของเธอ มันควรเป็นหน้าที่ของพี่ชายของฟาทัสที่จะปกป้องน้องชายของเขาให้พ้นภัยจากคนร้าย ส่วนเธอก็เป็นแค่เพียงนักท่องเที่ยวที่อยากมาเห็นมหานครศิลาสีชมพูเท่านั้น

แต่! เท้าเล็กพาผู้เป็นเจ้าของก้าวเดินได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็มีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อมีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวสมอง

“แต่ถ้าเธอนิ่งดูดาย และเด็กคนนี้ต้องตายทั้งๆ ที่เธอพอช่วยได้แต่กลับไม่ช่วย เธอจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตเลยนะญาดา”

ญาดารินนิ่งเงียบหลายอึดใจหลังจากเอ่ยออกมาเช่นนั้น และคำว่าคุณธรรม ก็ทำให้หญิงสาวไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป หญิงสาวหมุนตัวเดินตรงเข้าหาถังขยะก่อนจะหยิบภาพถ่ายของฟาทัสมาถือไว้ แล้วถามกับผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมาว่าสถานีตำรวจอยู่ที่ไหน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel