บทที่ 3
“คุณพูดภาษาของพวกเราได้ด้วยหรือครับ” ชาลีร้องถาม ไม่นึกว่านักท่องเที่ยวสาวชาวไทยจะพูดภาษาอาหรับได้ แถมพูดได้คล่องซะด้วย
ญาดารินอมยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ โดยไม่ลืมถามความเห็นจากชาลีด้วย “ฉันพูดได้นิดหน่อย ไม่ทราบว่าฉันพูดอาหรับหรือใช้คำศัพท์ได้ถูกต้องไหมคะ”
“คุณพูดได้เก่งในระดับหนึ่งเลยละครับ แม้สำเนียงอาจจะเพี้ยนบ้างในบางคำ แต่ก็ถือว่าเก่งมากๆ ที่คุณสามารถพูดภาษาของพวกเราได้”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ ฉันเรียนภาษาอาหรับเพื่อมาท่องเที่ยวในประเทศจอร์แดนโดยเฉพาะเลยค่ะ”
“ผมดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ หวังว่าคุณจะรักประเทศจอร์แดนและแนะนำให้เพื่อนๆ ของคุณได้มาเยือนประเทศของเรา”
“ฉันหลงรักประเทศจอร์แดนนานแล้วค่ะ ไม่เช่นนั้นไม่เลือกมาเที่ยวประเทศจอร์แดนแน่นอนค่ะ”
ญาดารินคลี่ยิ้มหวานขณะเอ่ยบอก ไม่ใช่เพราะหลงรักประเทศจอร์แดนหรอกหรือ และเพราะต้องการรับผิดชอบความฝันของตนเอง หญิงสาวจึงเรียนรู้ภาษาอาหรับและดั้นด้นเดินทางข้ามทวีปมาเที่ยวยังดินแดนฟ้าจรดทรายจนได้
ชาลีถึงกับยิ้มหน้าบานกับคำพูดของนักท่องเที่ยวสาวชาวไทย และก่อนจะเอ่ยพูดต่อ ก็มีคำถามจากหญิงสาวถามต่อว่า
“อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงเมืองวาดิมูซา”
“ตอนนี้เราเข้าเขตเมืองวาดิมูซาแล้วครับ อีกราวๆ ยี่สิบนาทีก็ถึงใจกลางเมืองวาดิมูซา ซึ่งเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ครับ”
“ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นนครเพตรา ที่ลือกันว่าถูกแกะสลักจากภูเขาทั้งลูก และพอแสงแดดสาดส่องกระทบลงมา หินเหล่านี้ก็กลายเป็นสีชมพู มันเป็นจริงเหมือนที่เขาพูดกันไหมคะ คุณชาลี”
แทนที่จะตอบคำถามให้นักโบราณคดีสาวได้คลายความสงสัย ชาลีกลับอมยิ้ม เอ่ยตอบให้หญิงสาวต้องร้องโอดครวญกลั้วเสียงหัวเราะร่วน
“จะเป็นจริงดั่งคำเล่าลือของนักท่องเที่ยวหรือไม่ ผมคิดว่าคุณญาดาไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองดีกว่าครับ”
“โธ่ บอกหน่อยก็ไม่ได้” ญาดารินโอดครวญพร้อมกับหัวเราะร่วนไปด้วย “เห็นทีว่าฉันต้องรีบไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตามคำแนะนำของคุณแล้วค่ะ”
ชาลีหัวเราะผสมโรง และก็ไม่ลืมแนะนำถึงสิ่งที่ต้องทำในขณะมาท่องเที่ยวในเมืองวาดิมูซา ให้นักท่องเที่ยวสาวได้แวะไปเยือน
“ใกล้โรงแรมของคุณ จะมีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ร้านหนึ่ง ร้านนี้อยู่คู่กับเมืองวาดิมูซามาได้ราวๆ สิบปีแล้วครับ เป็นร้านที่ชงกาแฟด้วยวิธีการชงแบบดั้งเดิม กลิ่นของกาแฟหอมละมุน ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ ผมบอกได้เลยว่าคุณต้องหลงรักร้านนี้แน่นอนครับ”
“แหม! คุณพูดเชิญชวนจนฉันได้กลิ่นกาแฟลอยมาเลยค่ะ” ญาดารินสัพยอกกลั้วเสียงหัวเราะ พร้อมทำตามคำ
แนะนำแกมเชิญชวนของชาลี “ฉันไม่มีพลาดแน่นอนค่ะ ว่าแต่...ถ้าบอกทางร้านว่าคุณชาลีแนะนำมา ฉันจะได้ส่วนลดค่ากาแฟไหมคะ”
“ผมคิดว่าไม่นะครับ” ชาลีตีสีหน้าจริงจังขณะเอ่ยปฏิเสธ ก่อนจะหัวเราะร่วนเสียงดังลั่นรถ
“นึกว่าจะได้สักสิบเปอร์เซ็นต์”
ญาดารินแกล้งโอดครวญอีกครั้ง พลอยหัวเราะตามชาลีไปด้วย และก็นึกถึงคำพูดของครูสอนภาษาอาหรับที่เคยบอกกับเธอว่าชาวจอร์แดนมีอัธยาศัยดี และต้อนรับดูแลนักท่องเที่ยวดีมาก เห็นจะเป็นจริงดั่งที่อาบูพูดไว้ไม่มีผิด
การสนทนาอย่างออกอรรถรสระหว่างญาดารินที่พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ วัฒนธรรมต่างๆ ของชาวจอร์แดน
จากชาลียังคงสนทนากันไม่มีหยุด และในที่สุด ชาลีก็ขับรถมาถึงโรงแรมที่ญาดารินได้จองไว้สำหรับการพักอยู่ในเมือง
วาดิมูซาเป็นเวลาสี่วันด้วยกัน
และก่อนจะจากกัน ชาลีก็ไม่ลืมล่ำลาพร้อมกับอวยพรให้กับนักท่องเที่ยวสาวด้วย “ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขกับการท่องเที่ยวชมนครเพตรา ยินดีต้อนรับสู่ประเทศจอร์แดนอีกครั้งครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณชาลี ขับรถกลับด้วยความปลอดภัยนะคะ”
ญาดารินอวยพรกลับคืนบ้าง ก่อนจะจับมือล่ำลากับชาลี จากนั้นก็เดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อทำการเช็คอินเข้าพัก และเมื่อพนักงานของโรงแรมพามายังห้องพัก พร้อมกับชี้นิ้วบอกให้หญิงสาวเห็นว่าภูเขาสูงใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม มีนครเพตราซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น ก็แทบทนรอให้ถึงวันรุ่งขึ้นไม่ไหว เพราะวันนี้เธอเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางไกลนานนับสิบชั่วโมงแล้ว จึงวางแผนไว้ว่าจะชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของนครเพตราในวันพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้เราเจอกันนะเพตรา วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ขอนอนพักเอาแรงก่อน”
ฝากถ้อยคำไปถึงนครเพตราอันลึกลับและสวยงามแล้ว ญาดารินก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม เข็มนาฬิกากระดิกยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไป หญิงสาวก็ผล็อยหลับด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดเดินทางมาจากประเทศไทย