

บทที่ 2 พี่ชาย
“ขิม ขิม จะรีบอะไรหนักหนานะ” สนฉัตร ประชาสัมพันธ์สาวคนสวยของบริษัทเรียกเขมิกาที่มาทำงานพร้อมกันเมื่อสามปีก่อนเพราะจะสั่งขนมไปฝากแม่แฟน
เขมิกาได้ยินคนเรียกชื่อแว่วๆแต่เธอต้องรีบไปก่อนท่านประธานจะมา
“สวัสดีจ้ะ คุณพิ”
“สวัสดีย่ะ แม่ขิม สายนะหล่อนวันนี้” พิสิต หนุ่มหน้าตาดีวัยเดียวกันกับเขมิกาแต่ใจเป็นสาวเลขาของท่านรองประธานก็คือคุณประพาภรรยาของคุณไกรภพท่านประธานมีลูกชายสองคน คนโตกำลังเรียนปริญญาเอกที่อเมริกาอีกคนก็จบปริญญาโทและบริหารงานที่โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
“แม่ไม่สบายน่ะ ขิมก็เลยไปส่งขนมให้ท่านก็เลยสาย ยังไม่มีใครมาใช่ป่ะคุณพิ.”
“ยังเลย ท่านโทรมาบอกว่าจะเข้าสายเห็นว่าจะไปโรงงานกับคุณปรมัตน่ะ”
“เฮ้อ, ค่อยยังชั่ว” ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตัวเองที่อยู่ห่างจากโต้ะทำงานของพิสิตประมาณหกเมตรซึ่งชั้นบนสุดมีห้องทำงานของท่านประธานกับท่านรองแล้วก็มีห้องประชุมเล็กใหญ่ห้องรับแขกหรูหราเพื่อต้อนรับลูกค้าที่มาติดต่องาน
เขมิกาดูตารางนัดหมายของเจ้านาย ก่อนจะโทรไปคอนเฟิร์มกับคู่ค้าของบริษัทเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและจัดแฟ้มงานที่เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายส่งมาให้ว่าอันไหนเร่งด่วนก็เรียงเป็นระเบียบรอเจ้านายจนสิบเอ็ดโมงสองสามีภรรยาก็เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะท่าน” เขมิกากับพิสิตก็ลุกขึ้นไหว้เจ้านายทั้งสอง
“สวัสดีสาวๆ มีงานอะไรเร่งด่วนบ้างเอาเข้ามาเลย” คุณไกรภพบอกเลขาสวยที่ทำงานเก่งเห็นความตั้งใจและอีกอย่างหนึ่งคือคุณหญิงดลยาท่านแอบฝากหลานสาวทำงานสองสามีภรรยาก็เต็มใจรับเพราะยังไงก็เป็นหลานเพราะไกรภพเป็นเพื่อนกับดนุพันธ์พ่อของเขมิกา
“ก็มีด่วนอยู่สามงานค่ะท่านประธาน ที่เหลือไม่เร่งเท่าไหร่แต่ตอนบ่ายท่านมีนัดกับมิสเตอร์ทามิดะที่โรงแรมนะคะ”
“ขอบใจมากหนูขิม ลุงขอจัดการงานพวกนี้ก่อน อ้อ สั่งอาหารกลางวันมาให้ลุงกับป้าพาด้วยนะ.”
“ค่ะท่านประธาน” เขมิการับคำสั่งแล้วก็เดินออกไปโทรสั่งอาหารจากร้านประจำมาให้แม่บ้านจัดโต้ะอาหารรอเจ้านายทั้งสองส่วนตัวเองกับพิสิตก็ลงไปกินที่ห้องอาหารของบริษัท
“เขมิกา เมื่อเช้าฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้งไม่ได้ยินเหรอยะ” สนฉัตรวางจานอาหารบนโต้ะและนั่งตรงข้ามกับเขมิกา
“ขอโทษจ้ะสน พอดีขิมรีบน่ะเมื่อเช้าไปส่งขนมให้แม่ก็เลยมาสายกลัวท่านประธานมาถึงก่อนเลยไม่ได้ยินเธอเรียก”
“ฉันจะไปเยี่ยมแม่แฟนก็เลยจะสั่งขนมของคุณแม่ขิมไปฝากท่านน่ะ” สนฉัตรบอกเพื่อนร่วมงานเพราะแม่แฟนติดใจขนมฝีมือแม่ของเขมิกา
“ขอโทษด้วยนะสน พอดีแม่ไม่สบายก็เลยหยุดทำขนมสี่ห้าวันน่ะ”
“จริงเหรอ ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” สนฉัตรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเธอรู้จักแม่ของเขมิกาและยังได้กินขนมฟรีบ่อยๆ
“ดีขึ้นแล้วล่ะ ร่างกายอ่อนเพลียก็เลยไข้ขึ้นอากาศเปลี่ยนด้วยแหละก็เลยป่วย”
“ขอให้ท่านหายไวๆนะขิม”
“ขอบใจจ้ะ”
พิสิตถือจานอาหารกับน้ำมานั่งกับสองสาวก็กินข้าวไปคุยกันอย่างออกรสพออิ่มก็แยกย้ายกันไปทำงานจนเย็นก็เก็บของเตรียมกลับบ้าน
ชีวิตของเขมมิกาเป็นแบบนี้ทุกวันหญิงสาวไม่เคยเถลไถลไปไหนอย่างมากก็ไปดูหนังกับเพื่อนบ้างส่วนมากจะช่วยแม่ทำขนมมากกว่าเพราะท่านไม่ยอมอยู่เฉยๆทั้งที่เธอก็ทำงานมีเงินเดือนเยอะพอจะดูแลแม่ได้ไหนจะรายเดือนที่คุณหญิงย่าโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือนไม่ขาดอีกล่ะ
“แม่ขาขิมจะไปซื้อของใช้ที่ห้างแม่กับพี่เวียงจะเอาอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานถามแม่กับเวียงวันนี้เป็นวันหยุดสิ้นเดือนของเธอ เขมิกาก็นัดกับเพื่อทั้งสามคนกินอาหารกันที่ห้างเพราะนี่ก็ปลายปีแล้วเหลืออีกเดือนเดียวก็จะขึ้นปีใหม่
“ก็มีแต่ของใช้เท่านั้นแหละลูก”
“ถ้าน้ำตาลมันลดราคาเหมือนคราวก่อนก็ซื้อมาด้วยนะหนูขิม” เวียงบอกเขมิกาเพราะครั้งก่อนหญิงสาวซื้อมาให้หลายสิบถุงเพราะถูกกว่าในตลาด
“ค่ะพี่เวียง งั้นขิมไปก่อนนะคะเดี๋ยวยัยพวกนั้นจะรอค่ะ” สาวร่างเล็กน่ารักปากรูปกระจับจมูกเชิดงอนมัดผมยาวสลวยเป็นหางม้าเดินออกไปที่รถ
“นับวันหนูขิมยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะคะพี่จัน” เวียงเดินตามจันทราไปข้างบ้านสถานที่ทำขนมของพวกเธอ
“พี่เป็นห่วงลูกอยู่นะเวียง จนป่านนี้ยังไม่มีแฟนพี่อยากให้ลูกเจอผู้ชายดีๆไม่ต้องหล่อรวยขอแค่เป็นคนดีรักเดียวใจเดียวก็พอพี่จะได้นอนตายตาหลับ” คนเป็นแม่ก็ห่วงลูกสาวเรื่องคู่ครองเพราะไม่อยากให้ตกสภาพเหมือนเธอแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขมิกาเป็นลูกสาวของดนุพันธ์ อภิโชคธนานนท์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการพันล้านหมื่นล้านและเป็นนักลงทุนที่กว้านซื้อที่ดินทำเลทองไว้เก็งกำไรและสร้างบ้านสร้างคอนโดหรูขาย
“พี่จันอย่าพูดอย่างนี้สิคะ เราต้องอยู่ช่วยกันเลี้ยงหลานก่อนค่ะ” เวียงบอกพี่สาวที่เธอรักและเคารพที่ทำให้เธอมีเงินเหลือส่งไปให้พ่อแม่และสร้างบ้านหลังเล็กให้ทั้งสองอยู่ตอนแก่ที่ดำเนินสะดวกและจะกลับไปเยี่ยมทุกสามเดือน
“พี่พูดเผื่อไว้น่ะ ก็อยากเลี้ยงหลานนี่แหละพี่ถึงได้เป็นห่วงยัยขิมน่ะ” ทั้งสองพูดคุยกันและทำขนมไปด้วยวันนี้มีบัวลอยไข่หวาน ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมตาโก้ และตระกูลทองทั้งหลายที่ทำทุกวันส่วนขนมไทยโบราณตำรับชาววังเช่น บุหลันดั้นเมฆ จ่ามงกุฏ ทองเอก ส้มฉุน เรไร และอื่นจะทำอาทิตย์ละครั้งและช่วงเทศกาลเพราะต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันกว่าจะออกมาสวยงามน่ากินส่วนขนมอย่างอื่นก็สับเปลี่ยนกันไปไม่ซ้ำแต่ละวัน
สาวสวยร่างเล็กสูงร้อยหกสิบห้าจอดรถแล้วเดินเข้าไปในห้างเพื่อซื้อของก่อนแล้วถึงจะไปเจอเพื่อนหญิงสาวมาถึงก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมงจึงเดินเข้าไปในแผนกของกินของใช้ในซุปเปอร์มาเกตใช้เวลาเดินครึ่งชั่วโมงก็ได้ของตามที่จดรายการมาครบก่อนจะไปคิดเงินที่แคชเชียร์
“กริ้งๆ กริ้งๆๆ”
“ว่าไงนุช แกมาถึงแล้วเหรอ” เสียงหวานพูดใส่โทรศัพท์แล้วใช้ไหล่หนีบไว้เพราะเธอกำลังเข็นรถเข็นของที่ซื้อมาไปเก็บที่รถ
“เพิ่งมาถึงจ้ะ แกล่ะถึงไหนแล้ว นุชโทรหา ชามา กับ รส ใกล้จะถึงแล้วล่ะ” วรนุช เดชพิพัฒน์ ลูกสาวคนเล็กของนักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านครบวงจรและรับออกแบบก่อสร้างบ้านอาคารคอนโด ที่ทุกคนรู้จักกันดี
“ขิมกำลังเอาของไปเก็บที่รถ แกรอเดี๋ยวนะ เฮ้ย.”
“ขิม ขิม เป็นอะไรของแกวะ” วีรนุชเรียกเพื่อนเมื่อได้ยินเสียงเฮ้ยแล้วสายหลุดๆไป
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ” เขมิกาละล่ำละลักขอโทษหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถซุปเปอร์คาร์สีดำสนิทที่จอดตรงหน้า
“เข็นรถยังไงของเธอฮ๊า ไม่ดูตาม้าตาเรือดูสิจะมีปัญญาชดใช้มั้ยเนี่ย” ไฮโซสาวเปิดประตูรถลงมาดูรถหรูของแฟนหนุ่มที่ถูกรถเข็นของในห้างที่ยัยซ่อซ่าหน้าสวยเข็นมาชน
“ดิฉันขอโทษค่ะ ที่ไม่ทันระวัง ดิฉันขอชดใช้ค่าเสียหายให้นะคะ” ตายแน่ล่ะยัยขิมเอ้ย ลัมโบกินี่เชียวนะและรอยครูดประมาณหนึ่งคืบลึกด้วยจะราคาเท่าไหร่วะเนี่ย สาวร่างเล็กคิดแล้วหน้าเสีย
“แน่ใจเหรอว่าเธอมีปัญญาชดใช้น่ะ”
“พอแล้วกานต์ ขึ้นรถเถอะไม่เป็นไรหรอก” เสียงห้าวดังมาจากในรถทำให้เขมิกามองหนุ่มหล่อเจ้าของรถที่ถอดแว่นตาออกทำให้เธอพูดไม่ออกแล้วเขายังยิ้มให้เธออีก ขุนศึก อภิโชคธนานนท์ ลูกชายคนโตของดนุพันธ์กับคุณสิริ และเป็นพี่ชายต่างแม่ของเขมิกานั่นเอง
