บทที่ 10 สุราพาเพลิน
บทที่ 10 สุราพาเพลิน
ด้านเซียวเหมยลี่ในยามนี้นั้นก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก นางรินสุราที่นำมาจากจวนของตนเองใส่จอก ก่อนจะยกขึ้นดื่ม จอกแล้วจอกเล่า ในสมองพยายามคิดหาทางช่วยตระกูลเซียวจากหนี้ที่ไม่ได้ก่อในครานี้ให้ได้
แต่คิดเพียงใดนางก็คิดไม่ออก เมื่อมองดูไปที่นอกหน้าต่างนางก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ยามนี้ถึงเวลาปรุงยาสมุนไพรให้ฟางเทียนอวี้แล้ว นางจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วจัดเตรียมสมุนไพรก่อนจะเดินตรงไปที่เรือนใหญ่มันที
ส่วนฟางเทียนอวี้นั้นก็ได้ข่าวจากพ่อบ้านโจวที่ส่งให้ไปสืบ ได้ความว่า บิดาของเซียวเหมยลี่นั้นแท้จริงติดหนี้การพนันจนนำสำนักร้อยบุปผาไปจำนอง แต่กลับหลอกคนในตระกูลว่าไปเซ็นค้ำให้สหายสนิท และคนที่บิดาของเซียวเหมยลี่นำสำนักร้อยบุปผาไปจำนองเอาไว้นั่นก็คือฟางเจียเอ๋อร์น้องชายต่างมารดาของเขา
"ท่านอ๋อง ได้เวลาแช่สมุนไพรแล้วเพคะ"
ฟางเทียนอวี้เงยหน้าไปมองเซียวเหมยลี่คราหนึ่ง เขารับรู้ได้ถึงสายตาที่ทุกข์ใจของนาง ทุกครายามที่นางเจอหน้าเขาจะต้องหาทางเอ่ยวาจาจิกกัดเขา แต่วันนี้นางกลับเงียบ
รู้สึกเงียบหูพิลึก!!
"ไปเตรียมของให้พร้อม อีกเดี๋ยวข้าจะตามไป"
"เพคะ"
เซียวเหมยลี่เดินโซเซเข้าไปในห้องนอนของฟางเทียนอวี้ ฟางเทียนอวี้ถึงกับขมวดติ้วมุ่นเมื่อได้กลิ่นสุรามาจากกายของนาง
นี่นางดื่มสุราด้วยหรือ? เป็นสตรีที่ไร้การอบรมเกินไปแล้ว!!
เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซียวเหมยลี่ก็นั่งลง ก่อนจะยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วของตนเอง สุรานี่แรงใช่ย่อยเลย นางดื่มเพียงไม่กี่จอกก็เมาเสียแล้ว
ฟางเทียนอวี้เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะตรงไปที่หลังม่านกั้น แล้วจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด ก่อนจะเดินลงไปแช่ในอ่างน้ำ สมุนไพรช่วยทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ยามนี้ ผื่นแดงตามใบหน้าและร่างกายก็หายไปเกือบหมดแล้ว
"โอววว รู้สึกดีจริงๆ"
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามเขาก็ลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำ กำลังจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาคลุมร่างกายก็ต้องสะดุ้งตกใจเสียก่อน
"นี่เจ้า!!ยังไม่ออกไปอีกหรือเซียวเหมยลี่!!"!!!"
เซียวเหมยลี่ก้าวเดินเข้ามาหาฟางเทียนอวี้ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เขา
"กำลังจะออกไปแล้วเพคะ แต่บังเอิญหม่อมฉันเห็นพระองค์ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าจึงจะเข้ามาช่วยสวมให้น่ะเพคะ"
"ไม่ต้อง ข้าสวมเองได้"
"ให้หม่อมฉันช่วยเถอะนะเพคะ"
เซียวเหมยลี่จ้องมองฟางเทียนอวี้ด้วยแววตาที่ลุ่มหลง ฟางเทียนอวี้ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัวบอกเขาทีว่านางเป็นอันใด!!!
ด้านเซียวเหมยลี่นั้นพยายามส่ายศีรษะไปมาเพื่อพยายามไล่ความรู้สึกวาบหวิวนี้ออกไปจากหัว นางรู้ดีที่สุด หากนางเผลอดื่มสุราจนเมามาย นางจะกลายร่างเป็นอีกคน
กลายร่างเป็นสตรีที่ร้อนแรงยามที่ได้พบบุรุษที่ถูกตาต้องใจ
ถูกตาต้องใจ!!
บ้าน่า!!นางนี่นะจะชอบชินอ๋องขี้เก๊กนี่!!
หรือว่าจะเป็นเพราะคืนนั้น คืนที่นางอม....
"เซียวเหมยลี่อย่าเข้ามา ไม่งั้นข้าถีบจริงๆนะ!!!"
เซียวเหมยลี่พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองแต่ทว่ากลับทำไม่ได้ ยิ่งได้มองเรือนร่างกำยำล่ำสันของฟางเทียนอวี้ ใจของนางก็เต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง
"ท่านอ๋องให้หม่อมฉันช่วยเถิดนะเพคะ"
"อย่านะ!!! โอะ!!"
เซียวเหมยลี่กระโดดเข้าไปกอดฟางเทียนอวี้จนเขาตั้งตัวไม่ทัน ทำให้คนทั้งสองล้มลงไปนอนกับพื้นทันที เซียวเหมยลี่นั่งคล่อมอยู่บนตัวของฟางเทียนอวี้ ก่อนจะยื่นมือมาลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาอย่างถือวิสาสะ
"ท่านอ๋องนี่ เวลามองใกล้ๆก็หล่อเหลาเหลิอเกินนะเพคะ"
"ลุกออกไป!!"
"ไม่ลุกเพคะ เห้อ ท่านอ๋องหล่อเหลาถึงเพียงนี้ หม่อมฉันจะยอมปล่อยไปได้อย่างไรกัน"
"เซียวเหมยลี่ ผีที่สำนักร้อยบุปผาเข้าสิงเจ้าหรือไร!!!"
"ท่านอ๋อง หม่อมฉันว่า หม่อมฉันน่าจะชอบพระองค์เข้าแล้วล่ะเพคะ"
ฟางเทียนอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปทันที ในใจรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ผ่านสตรีมาก็มาก แต่ไม่เคยพบเจอสตรีใดประหลาดถึงเพียงนี้มาก่อน
หรือว่าเขาควรจะลองของแปลกสักครั้ง!!
ไม่ได้!!เดี๋ยวความหล่อกระจัดกระจาย
หรือจะลองสักครา!!
ยังไม่ทันที่ฟางเทียนอวี้จะได้เอ่ยตอบสิ่งใด เซียวเหมยลี่ก็โน้มใบหน้าเข้ามาหาเขา ก่อนจะทาบทับริมฝีปากแดงสดอวบอิ่มของนางลงมาบนริมฝีปากหนาใหญ่ของเขาอย่างดุดัน
รสสัมผัสที่แปลกใหม่ทำให้หางเทียนอวี้ที่ต่อต้านในคราแรกกลับโอนอ่อนผ่อนตามนางอย่างไม่หักห้ามใจ เซียวเหมยลี่ผละริมฝีปากออกจากฟางเทียนอวี้ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของเขา
"เป็นของหม่อมฉันเถิดนะเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันจะร้บผิดชอบพระองค์เอง"
ฟางเทียนอวี้ "...."
ควรต้องเป็นเขาหรือไม่ที่เอ่ยปากพูดประโยคนี้ ไม่ใช่นาง!!! เหตุใดมันจึงสลับกันเช่นนี้เล่า?