ตอน 4
“ครับๆ ผมไปนอนล่ะ” ไอ้เกลี้ยงลาพร้อมกับรับเงินเป็นค่าจ้างไปรับ อันที่จริงเกลี้ยงไม่เอาก็ได้ ยังไงพี่หนูดาก็ต้องยัดมาให้อยู่ดี เลยรับๆ จะได้ไม่ต้องกวนเวลานอน ตัวเองก็จะได้กลับไปนอนด้วย
“อย่าหนีไปแว้นให้แม่แกตามไปประกันตัวอีกล่ะ เงินยิ่งหายาก” เตือนเด็กหนุ่มทุกครั้ง คนอื่นเตือนไอ้เกลี้ยงไม่ค่อยเชื่อ พอเธอเตือนเกลี้ยงพอฟังบ้าง ไม่กล้าไปแว้นขึ้นบ้านนอนเป็นเด็กดี
“ไม่ล่ะพี่ คืนนี้ขอนอนสงบสักคืน บังเอิญเลือดเด็กดีมันไหลเวียน” ไอ้เกลี้ยงบอกพร้อมกับส่งสีหน้ายียวน เกลี้ยงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถ้าได้รับการดูแลอบรมดีๆ มันพร้อมจะเป็นเด็กดีมีจิตสำนึกได้ ซึ่งสิ่งที่มันเป็นทุกวันนี้คือ ทั้งแว้น ทั้งตีหัวหมาด่าแม่เจ็ก คงเพราะสิ่งแวดล้อมในชุมชนแออัดแห่งนี้ เพาะบ่มให้มันเป็นไปตามกระแสสังคม แม่เกลี้ยงเป็นลูกจ้างในโรงงานละแวกนี้ ส่วนพ่อก็เป็นคนขับรถในโรงงานเดียวกัน
“บุญหูพี่จังเลยเกลี้ยง” ธัญดาตั้งใจชมด้วยความจริงใจ นานๆ จะได้ยินไอ้เกลี้ยงบอกว่าอยากอยู่บ้านซะที บุญหูอย่างมาก
ธัญดาเคยบอกตัวเองไว้ว่าสักวันจะถีบตัวเอง ให้พ้นไปจากสถานที่แออัดแห่งนี้ให้ได้ หลังจากเธอเรียนจบจะสมัครเข้าทำงานในบริษัทสถานประกอบการดีๆ มีชื่อเสียง จากนั้นจะพยายามเก็บเงินซื้อบ้านใหม่อยู่กับแม่ เพื่อให้แม่ห่างไกลจากอบายมุข บ่อน หวย ความเสื่อมโทรมที่แวดล้อมรอบตัว
หลังจากจบ ม.ปลาย จำเป็นต้องหางานทำ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงสมาชิกในบ้าน แม่ตรอมใจการการเลิกกับพ่อ ไม่เป็นอันทำมาหากิน เสียใจกินเหล้าเพื่อนฝูงชวนหาอะไรทำแก้เซ็ง แม่ถล่ำลึกไปกับการบวกลบเรื่อย จนหมดตัวจากเงินที่เก็บไว้ ก็มาขอลูก หนูดามีเงินแค่นิดหน่อยหยอดกระปุก ไว้เรียนต่อเผื่ออยากเข้ามหาวิทยาลัย และแล้วก็ได้เรียนสมใจจึงเป็นที่มาการรู้จักกับจิรายุ รณกฤต หรือจุ๊บ ลูกชายเจ้าของตลาดรณกฤต เธอเข้าไปเรียนปีหนึ่งส่วนเขาเรียนปีสี่ จิรายุหน้าตาดี กระเดียดไปทางซัวเถาแต่อินเตอร์กว่าทางบรรพบุรุษ รูปร่างตัวสูงผิวขาว ฐานะค่อนข้างรวย ขับรถหรูไปเรียน
ธัญดาหน้าตาน่ารัก ทำให้จิรายุชอบไล่ตามจีบ หลายเดือนกว่าหญิงสาวจะตกลงเป็นแฟนกับรุ่นพี่ที่มีสาวๆ ล้อมรอบ ทุกวันนี้แม้เรียนจบแล้วเขายังคบเธอ หากแต่ช่วงไม่กี่เดือน ความใส่ใจสนใจของจิรายุทีมีต่อธัญดากลับลดน้อยถอยลง บางอย่างไม่เหมือนเดิมแต่นั่นธัญดากลับพยายามเข้าใจในสถานการณ์ในการคิดบวก การห่างหายคงเกิดจากการทำงานด้วยจิรายุต้องเข้าไปบริหารกิจการแทนครอบครัว หญิงสาวจึงปัดความรู้สึกน้อยใจในบางครั้งทิ้งไป หน้าที่ของเธอคือทำงานหาเงินเพื่อดูแลแม่ และทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นมากกว่านี้ต่างหาก
เสียงเอะอะโหวกเหวกในบ้าน เป็นเหตุทำให้คนเพิ่งหลับได้ เมื่อไม่ถึงสามชั่วโมงรู้สึกตัว กระพริบตาถี่ๆ ตวัดผ้าห่มคลุมโปงแม้อากาศร้อนเหงื่อแตก ยังไงก็นอนได้เพราะง่วงมาก ธัญดาคงหลับต่อไม่ลง เสียงด้านนอกกวนประสาทจนอยากจะลุกขึ้นไปด่า คนง่วงพลิกตัวด้วยวความหงุดหงิด ความง่วงยังเกาะกินตาไม่อยากลืมขึ้นดูเหตุการณ์ เสียงฝีเท้าเจ้าของเสียงดังปึงปังหยุดอยู่หน้าห้อง เสียงเคาะประตูก็ตามมา ปลุกคนที่ไม่อยากลุกอยู่บนเตียงเล็กๆ มุมห้องน้อยๆ ต้องดึงผ้าคลุมโปงปาทิ้ง
วาดขาลงจากเตียงยังอยู่ในอาการหงุดหงิด เพราะความง่วง นอนไปนิดเดียว โอ้ยยย ! คนที่ส่งเสียงรบกวนจนน่ารำคาญ อยู่หน้าห้องคือแม่ไม่ใช่ใครที่ไหน
“แม่...ดาเพิ่งนอนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงเองนะ” ต่อว่าแม่ที่เอะอะรบกวน ผมเผ้ายุ่งเหยิง เดินมาเปิดประตู สากผมยุ่งลวกๆ คิ้วมุ่นขมวดปมเข้าหากัน หน้ายับไม่อยากรับแขก
“ไปๆ นางดา ไปหาอะไรมาให้แม่กินหน่อย” วิยะดาสั่งลูกสาว เห็นลูกเป็นขี้ข้า ไม่ยอมดึงตัวเองออกมาจากอดีต จมอยู่กับความทุกข์ที่โดนสามีนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่น
“ใช้ไอ้เกลี้ยงสิแม่ ดาจะนอน” ความง่วงทำให้หญิงสาวพูดกับแม่ไม่น่ารัก ทุกทีไม่เคยมีปัญหาถ้าแม่เรียกหา ตอนนี้ง่วงจนจะลืมตาไม่ขึ้น แม่ยังจะไล่ให้ไปหาอาหารมาให้กิน เกินไปไหมแม่ บ่นยังไงก็ต้องไปอยู่ดี หญิงสาวเคยถามตัวเองจะอิดออดบ่นเพื่ออะไร สุดท้ายก็ต้องแจ้นไปทำให้แม่ทุกครั้ง
“ไอ้เกลี้ยงมันลูกกูหรือไง มึงเป็นลูกกู มึงต้องทำให้แม่ ไปๆ ซื้อของมาให้กูกิน ถ้าไม่อยากออกไปทั้งสภาพนี้ก็เข้าครัวทำให้กูกิน” วิยะดาปัดมือไล่อย่างรำคาญ ลูกที่เกิดมาเอาแต่สอนบุพการี มีที่ไหน ถ้าแน่จริงโน่นไปสอนไอ้พ่อเฮงซวยที่บ้าหอยไม่ดีกว่ามาสอน ที่น่ารักนิสัยดีอย่างเธอน่าจะดีกว่า
“แม่...” ธัญดาลากเสียงยาวอย่างรำคาญที่แม่เอาแต่ใจ ต่อให้ไม่เคยย่อท้อ ต้องการเตือนสติแม่ให้กลับมาเป็นแม่ที่น่ารักอย่างเคยเป็น
เมื่อก่อนแม่สวยมากตามที่คนรู้จักเล่าให้ฟัง หลักฐานปรากฏอยู่ในรูปถ่ายที่แม่เก็บไว้ในบ้าน ยืนยันได้ว่าวิยะดาสวยมาก ถึงขั้นเป็นนางงามได้เลย ไม่ว่านางนพมาศ นางงามเวทีเล็กๆ อีกหลายเวที กระทั่งความสวยนั่นแหละเข้าตาหนุ่มธนาคารอย่างธเนศ ภูมิสิริ เขาเป็นผู้จัดการธนาคารอนาคตไกล แต่มีนิสัยเบื้องลึกติดอ่างชอบเลี้ยงปลาตู้ โดยเฉพาะปลาสวยงาม ดังนั้นแม้อยู่กันแต่งงานกับวิยาดาแล้ว ธเนศ ยังคงแวะวนเวียนเที่ยวอ่าง โดยเฉพาะตอนที่เมียท้องจึงเป็นหนทางให้ธเนศติดอ่างมากกว่าติดบ้าน
ส่งผลให้ผู้ชายที่ไม่เคยพอหลงใหลในลีลาแม่สาวปลาสวยงาม ถึงขนาดตกลงเลี้ยงดูปูเสื่อยื่นคำขาดให้ยายปลาสวยงาม เลิกทำอาชีพขายบริการให้ผู้ชาย มาประกอบกิจกับธเนศคนเดียว
“ทำไม แกมีปัญหากับแม่ใช่มั้ยนางดา กูแม่มึงนะเบ่งออกมายากลำบาก สำนึกบุญคุณกูบ้างมั้ย” โดนสวดอีกจนได้ ถ้าวันไหนไม่โดนแม่สวดพานยักษ์ วิยะดาคล้ายเป็นภูมิแพ้ ตับพิการ อาหารไม่ย่อย เช่นนี้จึงต้องจัดการสวดให้ครบซะก่อนถึงจะสบายท้อง
“งั้นรอเดี๋ยวนะคะคุณแม่บังเกิดเกล้า” ธัญดาพูดประชด เดินเข้าลงบันไดหายเข้าไปในครัว ซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงเล็กๆ ที่แม่นั่งรอกินข้าว ออกจากบ่อนมานั่งนับเลขนานท้องไส้เลยเรียกหาอาหาร จะหิวก็ตอนเลิกเล่น
“อ้อ...ไม่ใช่แค่ข้าวมึง ต้องเอาเงินมาให้กูด้วย มีไหมมาๆ เร็ว” ตะโกนสั่งลูก พร้อมกับเดินตามไปทวงเอาเงิน วันนี้ไม่ได้เลย มีแต่เสียกับเสีย อีเจ้ามือก็กินเอาๆ ไม่เห็นใจขาบ้างเลย
“แม่วิยะดาเจ้าขา เมื่อสองวันก่อนดาก็ให้ไปตั้งสองพัน ใช้หมดแล้วหรือคะ” เงินที่เหลือในกระเป๋าตอนนี้มีแค่สองพันควักให้แม่ทั้งหมด ส่วนตัวเองเหลือเศษเงินที่ได้ทิปจากแขกไม่กี่ร้อย ไว้เป็นค่าเดินทางไปทำงาน ส่วนอาหารอาศัยกินที่ร้าน บางครั้งถือวิสาสะห่อกลับบ้านมาแช่ไว้ในตู้เย็น อุ่นกินในมื้อต่อเป็นการประหยัดไปให้ตัว
“ก็...พอดีเมื่อคืนมือไม่ขึ้นหมดตูด เงินจะซื้อข้าวกินเกลี้ยงเลย เอาน่าคืนนี้แม่จะไปแก้มือ รับรองได้คืน แม่จะเอามาคืนให้ดอกด้วย” ในเวลาขอเงินลูกวิยาดามักพูดจาหวานออดอ้อน แต่เวลาไม่ได้ดั่งใจใช้คำพูดจิกด่าราวกับธัญดาไม่ใช่ลูกที่เบ่งออกมาจากท้อง
“เอางี้แม่หิวใช่มั้ย แม่ก็กินไพ่แทนข้าวสิ เผื่อมันจะอิ่มมั่ง บางทีมันจะทำให้แม่เล่นเก่ง ไม่เสียเลยก็ได้นะ” บางทีธัญดาไม่ยอมพูดจากวนประสาทกลับไปบ้าง ทั้งหมดเพื่อต้องการให้แม่ได้คิด แต่อย่างว่าไม้แก่ย่อมดัดยากความหวังจึงริบหรี่สู้ก้มหน้ารับใช้แม่ไปจนตายดีกว่า
“เอ๊ะอีนางลูกคนนี้ปากดี แม่ใช้นิดใช้หน่อยทำยอกย้อน เดี๋ยวหักคอโยนลงคลอง ถ้ารู้ว้าคลอดออกมาแล้วโตขึ้นเถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ เอาติดเหนียวอุดรูไว้ก่อนที่แกจะเกิดไม่ดีกว่ารึ”
“ยังไงพ่อจากเราไปแล้ว แม่จะไปอาลัยอาวรณ์พ่ออะไรนักหนา ลุกขึ้นมาทำมาหากินเถอะ ดาจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”
“กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย พอโตขึ้นปีกกล้าขาแข็ง ริอ่านสั่งสอนกูอย่างงั้นหรือนางดา หน็อยไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ สงสัยต้องตบให้เลือดกบปากถึงจะหยุดเห่า” นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าผากธัญดาหนักหน่วง ใบหน้างามแหงนหงายไปด้านหลัง ร่างบางรีบกระโดดหลบไปอีกมุมเพื่อหนียอดฝ่ามือนักตบอย่างแม่ พลางลอบคิดอดีตอันงดงามของแม่ที่ใครต่างกล่าวถึงหายไปไหนกันนะ