บทที่ 4 (1)
อาคิรานอนลืมตาโพลงงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เมื่อคืนที่ผ่านมาเธอนอนอยู่คนเดียวบนเตียงใหญ่ แต่ตอนนี้มีเรือนกายใหญ่โตซึ่งเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อจากการโรมรันรักนอนอยู่ไม่ห่าง
นอกจากจะนอนพักเหนื่อยจากการโรมรันอันเร่าร้อนแล้ว ชีคอัลมัสยังวางต้นแขนสีแทนลงมาบนลำตัวของเธอ กอดกระชับไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไปไหน
‘ทำไมเราไม่ขัดขืน ทำไมถึงยอมอย่างง่ายดาย’
อาคิราตั้งคำถามอยู่ในใจ ก่นด่าตัวเองที่ยอมตกเป็นของชีคอัลมัส ที่เห็นผู้หญิงอย่างเธอเป็นแค่เพียงของเล่นของพระองค์เท่านั้น นอกจากจะไม่ขัดขื่นต่อต้านฤทธิ์เสน่หาแล้ว ที่เลวร้ายคือเธอยอมทำตามคำกระซิบสั่งของเจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้ทุกอย่าง
“บ้าที่สุด!”
อาคิราสบถลั่น เมื่อห้วงสำนึกเตือนให้รู้ตนเองทำตัวไม่ต่างจากหญิงขายบริการที่ชีคอัลมัสได้จ่ายเงินให้มาบำเรอรักกับพระองค์ หญิงสาวปัดพระหัตถ์ใหญ่ให้พ้นตัว จากนั้นก็กลิ้งตัวลงจากเตียง ก้าวถอยหนีมาตั้งหลักให้อยู่ไกลจากชีคอัลมัสให้ได้มากที่สุด
“ออกไปจากห้องของฉันได้แล้วท่านชีค”
“เจ้าจะให้เราไปไหน”
ทรงย้อนถามสุรเสียงห้วน รู้สึกโมโหอาคิราที่เดินหนีไปไกล ทำให้พระองค์ไม่สามารถสวมกอดเธอได้เหมือนไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“มาทางไหนก็ไปทางนั้น กลับประเทศของพระองค์ไปเลยได้ยิ่งดี”
อาคิรากระแทกเสียงตอบ ลืมตัวว่าตนเองกำลังยืนเถียงกับชีคอัลมัสทั้งๆ ที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
“เรายังไม่มีกำหนดกลับประเทศของเราในตอนนี้”
แม้จะทรงโมโหอยู่บ้าง ที่อาคิราถอยหนีไปซะไกล กระนั้นพระองค์ก็ยังชอบใจที่หญิงสาวยืนเปลือยกายเถียงกับพระองค์ ปทุมถันสั่นกระเพื่อมไปตามจังหวะการหอบหายใจรัวเร็ว ซึ่งเป็นการยั่วยวนให้เรือนกายแข็งขึงของพระองค์ร้อนฉ่าขึ้นมาในทันที
อาคิราเต็มไปด้วยความโกรธจัด กับท่าทางของเจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้ ซึ่งดันกายนั่งเอน
ตัวพิงกับหัวเตียง แล้วตรัสตอบสุรเสียเย็น โดยไม่สนใจคำตะโกนไล่ของเธอ
“เราต้องการอยู่ในเมืองไทยอีกสี่ห้าวัน”
“จะอยู่เมืองไทยอีกกี่วันก็เรื่องของพระองค์ แต่ตอนนี้ช่วยออกไปจากห้องของฉันด้วย”
ยิ่งอาคิราตะโกนไล่มากเท่าไร ชีคอัลมัสก็ทำตรงกันข้ามมากเท่านั้น
“ขอนอนพักให้หายเหนื่อยก่อน แล้วเราจะออกไปตามที่เจ้าต้องการ”
ตรัสบอกแล้ว ก็ยั่วให้อาคิราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด้วยการเลื่อนตัวลงนอนกับเตียงหนานุ่ม ดวงเนตรคมกริบไหววาบอย่างเจ้าเล่ห์ กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจว่าไม่เกินนาที อาคิราต้องกระโจนเข้ามาเล่นงานพระองค์อย่างแน่นอน
และก็เป็นเช่นดั่งที่ทรงนึกคิดไว้ไม่มีผิด อาคิราโกรธจัดเมื่อเห็นร่างใหญ่ล่ำสันล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจเฉิบ หญิงสาวถลาเข้าหาไม่ต่างจากนางเสือ พอกระโจนขึ้นไปนั่งบนเตียงได้แล้ว ก็พยายามลากร่างใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นให้ลงจากเตียงของเธอ
“ออกไป! ออกไปจากห้องของฉัน ลงมาจากเตียงได้แล้ว”
เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของอาคิรา มีหรือจะสู้แรงมหาศาลของชีคอัลมัสได้ ไม่ว่าจะออกแรงดึงมากเพียงใด ร่างใหญ่ก็ไม่มีขยับเขยื้อน สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็คือตัวอาคิราเอง ที่หมดแรงไปกับการพยายามลากพระองค์ลงจากเตียง
พอใช้กำลังไม่ได้ผล อาคิราก็ออกคำสั่งกับเจ้าแห่งทะเลทรายแทน “ลุกขึ้น! แล้วออกไปจากห้องของฉัน”
ชีคอัลมัสหัวเราะร่วนด้วยความขบขำกับการหายใจหอบรัวเร็วเพราะความเหน็ดเหนื่อยของอาคิรา พร้อมกันนั้นก็ทรงตรัสเยาะหยันต่อ
“เหนื่อยแล้วหรือ อาคิรา”
อาคิราไม่ตอบ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอหอบหายใจไปกับการปลุกปล้ำให้อีกฝ่ายลงไปจากเตียงของเธอให้ได้ เมื่อไม่ได้คำตอบ ชีคอัลมัสก็ยั่วยวนหญิงสาวให้โกรธจัดมากกว่าเดิม
“หากเราไม่อยากออกไปจากห้องของเจ้า ยังไงๆ เจ้าก็ไม่มีทางไล่เราได้หรอก เก็บแรงไว้เมคเลิฟกับเราดีกว่าไหม อาคิรา!”
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอมเป็นทาสของพระองค์อีก”
อาคิราประกาศก้องเสียงดัง และคำตอบของเธอ ก็เป็นสิ่งยั่วยุชั้นเลิศ ที่ทำให้เจ้าแห่งทะเลทรายอยากเอาชนะให้จงได้
“ถ้ายังงั้นก็คงต้องพิสูจน์กันหน่อย ว่าเจ้าจะทำตามที่พูดได้หรือเปล่า”
ไม่เปิดโอกาสให้อาคิราได้ตั้งตัว ตรัสท้าทายไปแล้ว ชีคอัลมัสก็พุ่งเข้าใส่ร่างบางเปล่าเปลือยไม่ต่างจากราชสีห์ทะยานไปตะครุบกระต่ายน้อยที่ไม่มีทางหลบหนีกรงเล็บไปได้
“กรี๊ดดด!!! ปล่อย!”
อาคิราหวีดเสียงร้องลั่น ตกใจไปกับการถูกร่างใหญ่ล่ำสันกระโจนเข้าใส่จนตัวเธอหงายหลังไปบนเตียงกว้าง จากนั้นก็ไม่สามารถดิ้นรนหาอิสระได้ เพราะร่างบางระหงถูกทาบทับไว้ทั้งตัว เท่านั้นยังไม่พอ มือเล็กทั้งสองที่พยายามจะยกขึ้นทำร้ายเจ้าแห่งทะเลทราย ยังถูกพระหัตถ์ใหญ่จับยึดได้ด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว จากนั้นก็กดไว้แน่นเหนือศีรษะของผู้เป็นเจ้าของ
“เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน ว่าเจ้าจะตกเป็นทาสรักของเราหรือเปล่า”
“ปล่อย!”
อาคิราแผดเสียงตะโกนดังลั่น หน้าแดงก่ำเพราะความโกรธจัด ร่างบางดิ้นขลุกขลัก อยู่ใต้เรือนกายล่ำสัน พอถูกชีคอัลมัสกดทาบทับไว้ทั้งตัว ก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีก
“เก็บแรง เก็บเสียงไว้ครางตอนเราพาเจ้าไปถึงจุดสุดยอดดีไหม อาคิรา”
ชีคอัลมัสทรงยั่วยุต่อ ยิ่งเห็นอาคิราหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธจัดมากเพียงใด ก็ยิ่งนึกสนุกมากเท่านั้น หญิงสาวสามารถทำให้พระองค์อยากกลั่นแกล้งเธอ พอๆ กับอยากโรมรันจมดิ่งเข้าไปในดอกไม้หวานในคราวเดียวกัน
“ฉันจะฆ่าแก!”
“โอ้...จุ๊ๆ...ยาหยี อย่าพูดคำนี้กับสามีของเจ้า...” แสร้งทำสุรเสียงห้ามอยู่ในลำคอ ส่ายพระพักตร์ไม่ให้อาคิราพูดเช่นนั้น
“เจ้าจะต้องครางบอกว่ารักเราถึงจะถูกต้อง แม่สาวน้อย”
อาคิราสวนกลับในทันควัน ทว่าเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่เจ้าแห่งทะเลทรายต้อง
การได้ยิน
“ไปลงนรกซะ ชีคอัลมัส”
“เราอยากได้ยินเจ้าครางเรียกชื่อเรา ตอนเจ้าไคลแมกซ์”
คราวนี้ทรงกระซิบด้วยสุรเสียงสั่นพร่า แทบทนรอเวลาไม่ไหว อยากรู้เหลือเกินว่าตัวพระองค์เองจะได้รับความรัญจวนใจมากเพียงใด ขณะได้ยินอาคิราครางเรียกชื่อของพระองค์ในขณะนั้น
และไม่รอช้า แค่เพียงนึกถึงน้ำเสียงสั่นกระเส่าในยามที่อาคิราครวญครางเพราะฤทธิ์ของเปลวไฟพิศวาส เรือนกายของพระองค์ก็ประกาศความใหญ่โตดุดันอยู่กับเนินเนื้อนุ่ม
ไม่มีเวลามากพอสำหรับการเล้าโลมอันเนินนานเหมือนในก่อนหน้านี้ โอษฐ์ร้อนรุ่มเข้าครอบครองยอดถันสีหวานที่ยังคงชูชันบวมเป่ง ตวัดชิวหาร้อนๆ ดูดขบเม้มรัวไล้ทั่วยอดถันที่เต้นระริกอยู่ในโอษฐ์ของพระองค์ ทรงครางสุรเสียงลึกอยู่ในลำคอ เมื่อเลื่อนโอษฐ์เข้าไปดูดยอดถันอีกครั้งอย่างหนักหน่วงดูดดื่มไม่แพ้กัน
อาคิราอยากให้ตนเองมีอำนาจใจการต่อต้านเปลวไฟสวาทจากชีคอัลมัส หญิงสาวสั่งไม่ให้หัวใจและเรือนกายตกเป็นทาสของพระองค์
ทว่าทั้งกายและใจกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของ ทันทีที่โอษฐ์ร้อนรุ่มเข้าครอบ
ครองยอดถันแล้วขบเม้มดูดดื่มหนักหน่วง ก็บดเบียดหน้าอกเข้าหาให้แนบชิดมากกว่าเดิม ยิ่งชิวหาร้อนๆ ตวัดรัวไล้เป็นวงทั่วยอดถันบวมเป่ง ก็หวีดเสียงร้องครางไปด้วยความสุขสม ยกมือเล็กขย้ำไปบนบ่ากว้างของพระองค์เต็มแรง
ชีคอัลมัสกระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับชัยชนะที่พระองค์ได้รับมาครึ่งทาง แค่เพียงอาคิราบดเบียดปทุมถันงามสล้างเข้าหาโอษฐ์ พระองค์ก็ล่วงรู้แล้วว่าหญิงสาวไม่สามารถต้าน
ทานเพลิงสวาทจากพระองค์ได้ และพระองค์จะทำให้หญิงสาวตกเป็นทาสรักของพระองค์ทั้งกายและใจ
โอษฐ์ร้อนรุ่มลากไล้ระเรื่อยลงมาตามหน้าท้องแบนราบ ส่งชิวหาเข้าไปชอนไชตรงแอ่งสะดื้อสร้างความกระสั่นเสียวให้อาคิราครวญครางเสียงดังมากกว่าเดิม พร้อมกันนั้นก็เลื่อนพระหัตถ์ลงไปประกบกับดอกไม้หวานฉ่ำรัก ที่พร้อมพรักสำหรับพระองค์ในทุกนาที
“เจ้าจะยอมเป็นทาสรักของเราไหม อาคิรา”
ทรงตรัสถาม เพราะต้องการชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่พระองค์มักได้รับเสมอ และใช่ว่าจะตรัสถามปากเปล่าเท่านั้น ปลายนิ้วแข็งแกร่งเริ่มนวดเฟ้นหนักหน่วงทั่วเนินเนื้ออวบอิ่ม จากนั้นก็เพิ่มดีกรีความต้องการของอาคิราด้วยการกดเคล้นคลึงไปยังจุดศูนย์รวมของความหฤหรรษ์หรรษา ทำเอาร่างบางระหงดิ้นเร้ายกสะโพกตอบรับจังหวะการโรมรันด้วยปลายนิ้วของพระองค์
“โอ้ว์...ไม่...ไม่ยอม...”
อาคิราส่งเสียงครางและปฏิเสธออกมาในคราวเดียวกัน ไม่อยากตกเป็นทาสรักของชีคอัลมัส แต่ก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ หญิงสาวแอ่นสะโพกเข้าหา พอปลายนิ้วแข็งแกร่งสอดเข้าไปสำรวจความนุ่มดุจแพรไหมภายในดอกไม้อันชุ่มฉ่ำ ยิ่งครางลั่นอยากให้พระองค์มอบกายแข็งขึงเติมเต็มเข้ามาในตัวเธอในทันที