บทที่ 3 (2)
อาคิราไม่เคยถูกชายใดจุมพิตมาก่อน อย่าว่าแต่จุมพิตเลย แม้แต่เข้าใกล้ หรือสวมกอด เธอก็ไม่เคยปล่อยให้ชายใดทำเช่นนั้นกับเธอได้
พอถูกพันธนาการด้วยต้นแขนแข็งแกร่ง หญิงสาวกลับร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แต่กระนั้นก็พยายามดิ้นรนหาอิสระให้กับตัวเอง
ทว่า...เมื่อชิวหาร้อนรุ่มสอดเข้ามาในโพรงปาก กวาดโลมเลียทั่วเพดานปาก ชอนไชหยอกเอินกับลิ้นนุ่ม ขณะเดียวกันโอษฐ์ร้อนผะผ่าวก็ยังบดขยี้หนักหน่วงเร่าร้อน ก็เกิดอาการตัวชามึนงงไปกับสัมผัสวาบหวามที่ชีคอัลมัสกำลังพร่ำสั่งสอนอยู่ในยามนี้
ชีคอัลมัสกระตุกยิ้ม เมื่อรู้สึกได้ว่าอาคิราเพลาการดิ้นรนจวบจนกระทั่งหยุดนิ่ง ตัวอ่อนระทวยไปกับรสจุมพิตดูดดื่มกำซ่านที่พระองค์มอบให้ จากนั้นก็สอดพระหัตถ์เข้าไปใต้หัวเข่า อุ้มร่างบางระหงตรงไปยังเตียงนอน พอวางหญิงสาวลงไปแล้ว ก็รีบกดกายทาบทับไม่ให้อาคิราดิ้นหนีไปไหนได้
อาคิราได้สติ หลุดออกจากวังวนของเสน่หาอันเร่าร้อน เมื่อแผ่นหลังของตนเองแตะกับพื้นเตียงอันเย็นเฉียบ หญิงสาวผวาพยายามจะลุกจากเตียง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถูกร่างใหญ่ล่ำสันเพิ่มน้ำหนักในการกดทับลงมาทั้งตัว จนเธอหายใจแทบไม่ออก
“ปล่อยฉัน...ฉันจะฆ่าแก...”
อาคิราพยายามยกมือผลักร่างใหญ่ล่ำสันให้ถอยออกห่าง กระดกตัวขึ้นลง ขยับไปมา หวังจะให้เรือนกายที่เป็นดั่งเปลวไฟลามลวกทั่วเรือนร่างอรชร ได้หลุดพ้นไปจากตัวเธอสักที ทว่ายิ่งทำเช่นนั้นก็เป็นการยิ่งเป็นการยั่วยุ ปลุกให้ไฟสวาทในตัวของชีคอัลมัสร้อนระอุมากกว่าเดิม
“เราจะให้เจ้าฆ่าเราตามที่เจ้าต้องการ”
ทรงกระซิบสุรเสียงแหบพร่าชิดกับเรียวปากอิ่ม ดวงเนตรทั้งสองที่ทอดมองใบหน้างามแดงซ่าน เต็มไปด้วยเปลวไฟของความปรารถนาลูกใหญ่
อาคิราไม่คิดว่าชีคอัลมัสจะยอมให้เธอทำตามที่ตรัสออกมา แต่กระนั้นก็เค้นเสียงห้วนจัดออกคำสั่งกับเจ้าแห่งทะเลทราย
“ถ้ายังงั้นก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
และก็ต้องสั่นสะท้าน ร้อนวูบไปทั้งตัวกับคำตอบนี้
“เราอยากให้เจ้าฆ่าเราด้วยริมฝีปากน้อยๆ ของเจ้า”
“ได้โปรด...ปล่อยฉันไปเถอะ...”
เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล อาคิราเลยเปลี่ยนมาวิงวอนเสียงแผ่วเบา ตีสีหน้าและแววตาให้ดูน่าสงสาร เผื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนใจชีคอัลมัสได้บ้าง
ทว่าคนที่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของอาคิรา อย่างเจ้าแห่งทะเลทรายซึ่งฉลาดเป็นกรด กลับหัวเราะเบาๆ ตรัสตอบเสียงแหบแห้งว่า
“อย่าขอร้องให้เปลืองน้ำลายเลย ยังไงๆ เจ้าก็ต้องได้การลงโทษจากเรา”
สิ้นคำประกาศก้อง โอษฐ์ร้อนรุ่มก็กดกระแทกปิดผนึกเรียวปากอิ่มไว้อีกครั้ง ทรงบดขยี้รุนแรงดูดดื่ม ราวกับร้างราในรสจุมพิตมานาน พอมาเจอแหล่งน้ำทิพย์หวาน จึงตักตวงอย่างหิวกระหาย สอดชิวหาร้อนๆ เข้าไปเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นนิ่ม บดขยี้จุมพิตหนักหน่วงไม่ต่างจากต้องการกลืนกินอาคิราไปทั้งตัว
และแค่เพียงคิดถึงการพรมจุมพิตทั่วเรือนร่างอรชร พระองค์ก็เกิดอาการกระสั่นซ่านไปทั้งตัว พระหัตถ์ใหญ่กระชากชุดนอนบางๆ ออกจากตัวหญิงสาว ซุกไซ้โอษฐ์และลากชิวหาร้อนๆ ลงมาทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดตามลำคอระหง ทั้งขบเม้ม ดูดกลืนหนักหน่วง สร้างรอยแห่งรักอันเกิดจากโอษฐ์ของพระองค์ทั่วลำคอและต่ำระเรื่อยลงมาจนเกือบถึงปทุมถันอวบอิ่ม
“เจ้าสวยเหลือเกิน อาคิรา...”
ทรงกระซิบสุรเสียงสั่นพร่าอยู่ระหว่างร่องอกอวบอิ่ม จากนั้นก็เคล้นคลึงสัมผัสปทุมงดงามเต่งตึง ซึ่งพระองค์มั่นใจว่าไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ด้วยพระหัตถ์ร้อนๆ ทั้งบีบขย้ำ ทั้งตวัดรัวไล้เร็วๆ ทั่วยอดถันสีหวาน จนกระทั่งบวมเป่งชูชันต่อสู้อยู่กับปลายนิ้วของพระองค์
“ได้โปรด...ปล่อยฉันไป...”
อาคิราส่ายหน้าไปมากับที่นอนหนานุ่ม เม็ดเหงื่อผุดพราวทั่วหน้าผากมน ใบหน้าแดง
ซ่านไปด้วยพิษรักอันเร่าร้อน ซึ่งเธอไม่เคยพานพบมาก่อน น้ำเสียงที่วิงวอนสั่นพร่ามีเสียงครางปะปนมา เพราะเจ้าตัวกักเก็บความกระสั่นซ่านเอาไว้ไม่อยู่
“เราไม่ปล่อยเจ้าไปไหนทั้งนั้น...เจ้าจะต้องเป็นของเราคนเดียว”
ชีคอัลมัสตรัสตอบอย่างเอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ ทรงผละริมฝีปากออกจากยอดถันสีหวานชั่วครู่ เพียงเพื่อทอดดวงเนตรจ้องมองความงดงามของเรือนร่างอรชร
ยอดถันที่ยังคงชูชันเป็นสีชมพูเข้มเพราะถูกขบเม้มหนักหน่วง ทำเอาพระองค์หายใจติดขัด หน้าท้องแบนราบ เอวคอดกิ่ว ทำให้พระองค์อยากลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วทุกสัดส่วน
และเมื่อทอดดวงเนตรต่ำลงมาถึงเนินเนื้ออวบอิ่มของความเป็นอิสตรีเพศ ซึ่งงดงามเนียนลออ คราวนี้พระองค์ต้องสูดโอษฐ์ ปวดหนึบไปทั่วทั้งแก่นกายที่ชูชันดุนดันกางเกงของพระองค์ อยากกดโอษฐ์ร้อนๆ ลงไปบนเนินเนื้อนุ่ม พรมจุมพิตเร่าร้อนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ให้เราจูบเจ้า...เราอยากจูบเจ้า”
ทรงทำตามที่ตรัสบอกสุรเสียงแหบแห้ง โอษฐ์ร้อนรุ่มกดจุมพิตดอมดมลงไปบนเนินเนื้อสีชมพูมีเลือดฝาด พระองค์อยากรู้เหลือเกินว่าดอกไม้หวานชุ่มฉ่ำที่อยู่ตรงหน้าจะหวานฉ่ำมากปานใด
ทันทีที่โอษฐ์และชิวหาร้อนรุ่มได้สัมผัสกับกลีบดอกไม้หวานที่อ่อนนุ่มยิ่งกว่าแพรไหม หอมละมุนละไม หวานฉ่ำเหนือน้ำผึ้งใดๆ ในโลก ก็ทรงสูดโอษฐ์ส่งเสียงคำรามไปกับความรัญจวน เสียวซ่านที่ได้รับจากเรือนร่างนี้
อาคิรากระตุกเกร็งไปทั้งตัว เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารินรดตรงกลีบดอกไม้หวาน พอชิวหาร้อนๆ ตวัดโลมไล้ทั่วร่องกลีบ ดูดเม้มกลืนกินลาวารักอันชุ่มฉ่ำจากตัวเธอ ก่อนจะตวัดปลายชิวหารัวเร็วดื่มด่ำหนักหน่วง ก็หวีดเสียงครวญครางกระเส่า หายใจหอบรัวเร็ว มือเล็กทั้งสองกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น
“โอ้...ได้โปรด...อย่าทำร้ายฉัน...”
“ใครทำร้ายเจ้า...เรากำลังมอบความสุขให้กับเจ้าต่างหาก...”
เจ้าแห่งทะเลทรายกระซิบคัดค้านอยู่กับดอกไม้หวาน ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปจับมือเล็กทั้งสองให้ลูบสัมผัสกับบ่ากว้างทั้งสองของพระองค์ จากนั้นก็เลื่อนพระหัตถ์ไปฟอนเฟ้นบีบขย้ำปทุมถันงามสล้าง ซึ่งยอดถันเต้นระริกเมื่อโดนสัมผัสจากปลายนิ้วแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันโอษฐ์ร้อนรุ่มไม่ได้ผละออกจากเนินเนื้อนุ่มที่กำลังพรมจุมพิตขบเม้มหนัก
หน่วง ทรงลากชิวหาร้อนๆไปตามความอวบอิ่มของกลีบดอกไม้หวาน ดูดขบเม้มด้วยท่วง
ทำนองเร่าร้อน ส่งให้อาคิราดิ้นเร้า ส่งเสียงครางดังระงมไปกับไฟสวาทที่ถูกปลุกให้เดือดพล่านจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
อาคิราครวญครางเสียงดัง หายใจรัวเร็ว เรือนร่างสั่นสะท้านไปกับทุกจังหวะการโลมไล้ด้วยชิวหาอันแสนช่ำชอง หญิงสาวไม่อาจต้านทานไฟสวาทที่โหมกระหน่ำเข้าสู่ตัวเธอได้ ความปรารถนาที่ถูกปลุกให้กระพืออยู่ทั่วเรือนร่าง เป็นตัวสอนให้หญิงสาวยกสะโพกเสียดสีไปกับจังหวะการตวัดชิวหาอย่างรัวเร็ว มอบความกระสั่นเสียวให้กับเธอในทุกนาที
ธรรมชาติสอนให้อาคิรายกมือสอดเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มของเจ้าแห่งทะเลทราย กดศีรษะของพระองค์ให้แนบชิดเข้ากับดอกไม้หวานฉ่ำให้มากยิ่งขึ้น
“โอ้ววว...ท่าน...ท่านชีค...”
หญิงสาวครวญครางเสียงสั่นพร่า หายใจหอบลึก ขาดห้วงไปกับความเสียวซ่าน รัญจวนใจที่ไหลวนอยู่ทั่วกลีบดอกไม้หวาน เรือนร่างอรชรขยับเสียดสีตามจังหวะการโรมรันด้วยชิวหาร้อนรุ่ม
ส่วนหนึ่งของหัวใจสั่งให้ต่อต้านเพลิงเสน่หาจากชีคอัลมัส ทว่าอีกส่วนหนึ่งของหัวใจซึ่งอ่อนหัดต่อชั้นเชิงรัก กลับตกอยู่ในอำนาจของเจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้จนหมดสิ้น
ชีคอัลมัสไม่นึกว่าจะได้รับความหวานฉ่ำจากเรือนร่างอรชรจนทำให้พระองค์ถึงกับสำ
ลักความสุขได้ ทรงกดจูบดูดดื่ม ตวัดชิวหารัวเร็วทั่วกลีบดอกไม้พร้อมกับการส่งเสียงคำรามลึกไปกับความเสียซ่านที่ได้รับ
และเมื่อความต้องการปะทุเดือดจ่ออยู่ตรงแก่นกายแข็งขึงต้องการปลดปล่อยให้กายเร่าร้อนได้สัมผัสจมดิ่งเข้าสู่กลีบดอกไม้หวาน อยากรู้ว่าดอกไม้ฉ่ำรักจะโอบกอดรัดกายแข็งขึงของพระองค์ไว้ได้มากเพียงใด ก็ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป ทรงกระชากเสื้อผ้าของพระองค์เองออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มอบกายแข็งขึงสอดประสานเข้าไปในกลีบดอกไม้ชุ่มฉ่ำลาวารักอย่างเต็มพละกำลัง
ด้วยทรงรู้ดีว่าอาคิราต้องเจ็บปวดกับการรับเรือนกายใหญ่โตของพระองค์เข้าไปในตัวเธอ จึงกดกายแข็งขึงให้พุ่งหลาวแค่เพียงครั้งเดียว จนสามารถเข้าไปเติมเต็มอยู่ในกลีบดอกไม้หวานได้จนหมดสิ้น
อาคิรารู้สึกราวกับว่ากำลังลอยอยู่บนที่สูงกับเพลิงพิศวาสวาบหวามที่บาดลึกทั่วทุกอณู
ก่อนจะหล่นวูบลงมาเพราะความเจ็บแปลบอันเกิดจากกายแข็งขึงที่กดสอดประสานเข้ามาอยู่ในเนินเนื้อของเธอ
ใบหน้างามเหยเกเพราะความเจ็บปวด มีหยาดน้ำตารินตรงหางตา มือเล็กทั้งสองพยายามผลักร่างใหญ่ล่ำสันให้หลุดพ้นไปจากตัวเธอ
“เจ็บใช่ไหมอาคิรา...”
ชีคอัลมัสทรงตรัสถามด้วยสุรเสียงอ่อนโยน จนแม้แต่ตัวพระองค์ยังแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าจะตรัสถามด้วยสุรเสียงอันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง และนี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์สนใจความรู้ของผู้หญิงที่พระองค์แค่เพียงจะตักตวงเอาความสุขจากตัวเธอเท่านั้น
อาคิราหลับตานิ่งไม่อยากให้ชีคอัลมัสเห็นดวงตาอันเต็มไปด้วยความอดสู เพราะแทนที่จะดิ้นรนให้ถึงที่สุดเพื่อเรียกหาอิสระให้กับตัวเอง หญิงสาวกลับเผลอไผลไปกับเพลิงเสน่หาที่เจ้าแห่งทะเลทรายกำลังยัดเหยียดให้กับเธอ
“อาคิรา ทำไมไม่มองหน้าเรา...”
ทรงกระซิบถามเพราะความอาทร พระหัตถ์ใหญ่ยกขึ้นไปลูบไล้ทั่วใบหน้างามที่ซีดเผือดเพราะความเจ็บแปลบ จากนั้นก็ลดพระพักตร์ลงต่ำ กดจุมพิตซับน้ำตาออกจากหางตาทั้งคู่ให้ด้วยกริยาอ่อนโยน ขณะเดียวกันกายแข็งขึงใหญ่โตก็ยังคงกดแช่นิ่งอยู่ในดอกไม้หวาน เพื่อรอเวลาให้อาคิราพร้อมสำหรับการโรมรันรักกับพระองค์
อาคิรารับรู้ได้ถึงความอ่อนโยน ซึ่งมาพร้อมกับโอษฐ์ร้อนรุ่มที่พรมจุมพิตทั่วบริเวณเปลือกตาของเธอ กอปรกับสุรเสียงเสียงที่ตรัสถามเพราะความเป็นห่วง จนทำให้เธออดไม่ได้ต้องค่อยๆ ลืมตามองพระองค์ในที่สุด
“ยังเจ็บอยู่อีกไหมอาคิรา...”
ขณะตรัสถามออกไปนั้น ชีคอัลมัสก็ต้องกัดฟันแน่น เพื่อระงับความต้องการของพระองค์เองไว้สุดกำลัง ความคับแน่นของกลีบดอกไม้หวานที่โอบกอดรัดแน่นทั่วกายแข็งขึง ทำเอาพระองค์แทบระเบิดความสุขในทุกนาที แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ เตือนองค์เองว่าอาคิรายังไร้ซึ่งประสบการณ์รัก หากผลีผลามไปจะทำให้ดอกไม้ดอกนี้ชอกช้ำได้ ซึ่งพระองค์ไม่ต้องการ
ให้เป็นเช่นนั้น
อาคิราพยักหน้ารับช้าๆ พร้อมกันนั้นก็ยกมือเล็กผลักเรือนกายล่ำสันให้ถอยออกห่าง
จากตัวเธอ โดยไม่ลืมวิงวอนเสียงแผ่วเบา
“ปล่อยฉันไป ท่านชีค ถ้าต้องการหญิงบริการ พระองค์สามารถหาได้มากมายในคืนนี้”
“แต่เราต้องการเจ้า...”
ชีคอัลมัสกระซิบตอบชัดเจน ก่อนจะปิดเรียวปากอิ่มสกัดกั้นเสียงวิงวอนให้จางหายไปด้วยโอษฐ์ร้อนรุ่มของพระองค์
และเมื่อมั่นใจว่าความเจ็บปวดได้จางหายไปจากตัวอาคิราแล้ว ก็เริ่มขยับกายโยกคลึงด้วยจังหวะรักอันแสนแผ่วเยา ก่อนจะเพิ่มความหนักหน่วงรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามเสียงเล็กที่หวีดร้องครวญครางเพราะความหรรษา
อาคิรารู้สึกราวกับเนื้อตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปกับความรัญจวนซ่านสยิวที่มาพร้อมๆ กับการโจนจ้วงเข้าออกด่ำลึกครั้งแล้วครั้งเล่าของกายแข็งขึง หญิงสาวยกสะโพกขยับตอบรับตามธรรมชาติพร่ำสอน มือเล็กทั้งสองเลื่อนมาโอบกอดไปรอบแผ่นหลังเปียกชื้นด้วยเม็ดเหงื่อ พอชีคอัลมัสกดกายโรมรันดุดันด่ำลึกจนถึงแก่นของความหรรษา ก็ส่งเสียงครางดังลั่น กดเล็บลงไปกับแผ่นหลัง ครูดเป็นทางยาวลงไปถึงเอวหนาของพระองค์
“อาคิรา...”
เจ้าแห่งทะเลทรายสูดปากเรียกชื่อหญิงสาวอยู่ในลำคอ กดกายแข็งขึงโหมกระหน่ำรัวเร็ว ทั้งเร่าร้อน ทั้งด่ำลึกซึ่งเป็นไปตามจังหวะการส่งเสียงครวญครางของคนในอ้อมแขน ทรงทิ้งสะโพกโจนจ้วงหนักหน่วงถี่เร็ว พระหัตถ์ใหญ่สอดเข้าไปใต้สะโพกผายมนยกให้ลอยเด่นสูง เพื่อรับจังหวะการกดกระแทกให้ด่ำลึกมากที่สุด
อาคิรากำลังลอยละล่องโผไปสัมผัสกับปุยเมฆนุ่มขาวสะอาด หญิงสาวครางแหบแห้ง ใบหน้าแดงซ่าน หายใจรัวเร็ว เนื้อตัวสั่นสะเทิ้มไปกับทุกจังหวะการขยับกายโลดแล่นอยู่บนตัวเธอ และนาทีต่อมาก็หวีดเสียงครวญครางไปกับความสุขสมที่ได้รับ เรือนร่างกระตุกเกร็ง คลื่นความหรรษาแล่นพล่านไปทั่วทุกเส้นเลือด
ชีคอัลมัสไม่รอช้า เมื่อส่งอาคิราให้สัมผัสกับมวลความสุขลูกใหญ่แล้ว ก็เพิ่มจังหวะการโรมรันทั้งหนักหน่วง ทั้งรัวเร็ว สร้างความหรรษาให้กับอาคิราอย่างต่อเนื่อง พอหญิงสาวครวญครางดังระงม เพราะคลื่นความกระสั่นซ่านโถมเข้าใส่อีกรอบ ก็กดกายด่ำลึกสุดพลังจวบจน
กระทั่งปล่อยพลังแห่งรักให้พร่างพรูเข้าสู่ดอกไม้หวาน ที่รับเอาความชุ่มฉ่ำของธารลาวารักไว้ในตัวเธอจนหมดสิ้น…