บทที่ 4 (2)
คลื่นความเสียวซ่านอันร้อนซึ่งกำลังทวีขึ้นทุกขณะ ไม่อาจทำให้ชีคอัลมัสทนได้อีกต่อไป พระองค์เข้าครอบครองดอกไม้หวานชุ่มชื่นแทนที่ปลายนิ้วแข็งแกร่ง มอบกายแข็งขึงเข้าไปจนสุดความใหญ่โต ด่ำลึกสัมผัสถึงแก่นของความหรรษาของดอกไม้หวาน
เลือดในกายของพระองค์เดือดพล่านไปกับจังหวะการโจนจ้วงที่กดกระแทกหนักหน่วงรัวเร็ว ส่งให้อาคิราครางระงมไปด้วยความสุขที่ได้รับจากกายแข็งขึง
อาคิรายกสะโพกขึ้นตอบรับจังหวะการสอดประสานอันดุดัน ใบหน้างามผงกขึ้น รับจุมพิตเร่าร้อนที่ชีคอัลมัสลดพระพักตร์เข้าหา บดขยี้จุมพิตทั่วเรียวปากอิ่ม ลิ้นนุ่มตวัดรัวไล้ ดูดรัดพัวพันชิวหาร้อนๆ ที่ชอนไชเข้ามาควานหาความหวานฉ่ำทั่วโพรงปาก
พอเจ้าแห่งทะเลทรายเปลี่ยนท่วงท่ารัก ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าจับเรียวเท้าเล็กของเธอให้โอบกอดไปรอบเอวหนา ส่งให้การสอดประสานแนบชิดกว่าเดิม ก่อนจะโรมรันกายแข็งขึงเข้ามาอย่างดุดันติดป่าเถื่อน ก็หวีดส่งครางลั่นไปกับความซ่านสยิวที่แล่นคุโชนไปทั่วเส้นเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า
“โอ้...ท่านชีค...”
ชีคอัลมัสครางลึกอยู่ในลำคอ สูดปากไปกับความหรรษาที่ได้รับในทุกนาที ดอกไม้หวานที่คับแน่น โอบกอดกายแข็งขึงของพระองค์จนหมดจด ทำให้พระองค์ซ่านสยิวอย่างถึงที่สุด ยิ่งได้ยินเสียงครางเพราะความสุขสม ทอดมองใบหน้างามอันแดงซ่านไปด้วยพิษรัก ยิ่งเป็นการปลุกให้เลือดสวาทในตัวพระองค์ร้อนฉ่ามากกว่าเดิม
“เรียกชื่อเรา...อาคิรา...เจ้าต้องเรียกชื่อเรา...”
เจ้าแห่งทะเลทรายกระซิบสั่งเสียงแหบลึก คำรามอยู่ในลำคอขณะกดสะโพกโยกคลึงอย่างดุดันเร่าร้อน พระหัตถ์ใหญ่ทั้งสองจับยึดตรงเอวเล็ก ออกแรงยกร่างบางระหงให้แอ่นตัว ยกสะโพกผายมนขึ้นสูง เพื่อรับจังหวะการโจนจ้วงหนักหน่วงด่ำลึกครั้งแล้วครั้งเล่า เรียกเสียงครวญครางจากตัวพระองค์และอาคิราที่ร้องประสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับความหฤหรรษ์หรรษาที่ต่างก็มอบให้แก่กันและกัน
อาคิรายอมขายวิญญาณให้กับปีศาจร้ายอย่างชีคอัลมัส หญิงสาวหวีดเสียงร้องครางแหลมเล็ก แอ่นกายบดเบียดกับกายแข็งขึงที่ถอดออกจนเกือบสุดทางก่อนจะกดกระแทกลงมาเต็มพละกำลังหลายๆ ครั้งติดกัน จนหญิงสาวบิดการกระตุกเกร็งหวีดเสียงครางพร้อมกับเรียกชื่อพระองค์ออกมาพร้อมๆ กับการถูกส่งให้ลอยตัวอยู่บนปุยเมฆขาวสะอาดบนฟ้ากว้าง
“อ้าร์...ท่านชีค...”
“เรียก...ชื่อ...เรา...”
เจ้าแห่งทะเลทรายกระซิบสั่งเสียงขาดห้วง กำลังตามอาคิราไปพบกับความหรรษาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ชีค...อัล...มัส...”
อาคิราครวญครางเสียงสั่นพร่า เรือนร่างอรชรสั่นสะเทิ้ม แทบหยุดหายใจไปกับความสุขมหาศาลที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้าสู่ตัวเธอ
“โอ้...อาคิรา...โอ้...”
ชีคอัลมัสแหงนศีรษะคำรามลั่น ปลดปล่อยความสุขออกมาพร้อมๆ กับความชุ่มชื้นของเมล็ดพันธ์แห่งรักเข้าสู่ตัวอาคิรา จากนั้นก็ทิ้งตัวกอดร่างบางระหงไว้แน่น ระดมจุมพิตไปทั่วใบ
หน้า เรียวปากอวบอิ่มที่รีบเผยอปากรอรับ จูบตอบอย่างดูดดื่มไม่แพ้กัน ต่างก็ค่อยๆ ปรับลมหายใจที่หอบรัวเร็วให้ช้าลง โดยยังคงบดขยี้จุมพิตอยู่เช่นนั้น
และเมื่อหายใจเป็นปกติแล้ว ก็ถอนโอษฐ์ออกมาขบเม้มตรงซอกคอเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ พร้อมกับตรัสถามสุรเสียงแหบพร่า เพราะคลื่นความกระสั่นซ่านยังไม่จากหายไปง่ายๆ
“ค่าตัวหนึ่งล้าน เพียงพอหรือไม่ สำหรับการตามไปอยู่กับเราในรัฐคาลาห์”
อาคิราถึงกับชาไปทั้งตัว ความสุขหฤหรรษ์ที่ได้รับก่อนหน้านี้ จางหายไปในทันทีกับคำ
ถามถากถางดูถูกจากชีคอัลมัส
หัวใจดวงน้อยเจ็บซ่านไปกับความจริงที่แล่นซึมลึกเข้าสู่โสตประสาทว่า เจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้กำลังซื้อตัวเธอไปเป็นนางบำเรอของพระองค์
แม้จะเจ็บปวดกับข้อเสนอของชีคอัลมัสมากเพียงใด อาคิราก็ไม่มีทางเผยให้เห็น ดวงตากลมโตจ้องมองสบกับดวงเนตรคมกริบเขม็ง ก่อนเค้นบอกเสียงห้วน
“ขอเวลาใส่เสื้อผ้า ก่อนจะเจรจาธุรกิจเงินล้านได้ไหมคะ”
ชีคอัลมัสเต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจกับท่าทีของอาคิรา ซึ่งแทนที่จะตะครุบเงินล้านไว้อย่างรวดเร็วเหมือนหญิงขายบริการคนอื่นๆ หญิงสาวเอ่ยพูดกับพระองค์อย่างเย็นชา
“ทำไมต้องใส่เสื้อผ้าด้วย เราชอบการเจรจาธุรกิจบนเตียงแบบไม่มีเสื้อผ้าติดกาย
เหมือนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้”
“พระองค์จะชอบอย่างไรฉันไม่สนใจ แต่หากต้องการให้เจรจาธุรกิจเงินล้าน หรืออาจจะตอบตกลงไปเป็นนางบำเรอในฮาเร็มก็ต้องให้ฉันอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยมากกว่านี้”
ชีคอัลมัสไม่คิดจะตอบตกลง แต่พอถูกดวงตากลมโตจ้องมองเขม็ง บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมพูดกับพระองค์หากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ จึงจำต้องตอบตกลงออกมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยยอมแพ้ให้กับหญิงใดมาก่อน
“ก็ได้ ห้านาทีสำหรับการทำตามที่เจ้าร้องขอ”
ร่างใหญ่ล่ำสันเปล่าเปลือยกระโจนลงจากเตียง คว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างช้าๆ ดวงเนตรคมกริบจ้องมองใบหน้างามแดงซ่านไม่กะพริบตา ขณะสวมเสื้อผ้าราคาแพงเข้ากับตัว
อาคิราหน้าแดงซ่าน ร้อนผ่าวไปกับการอวดเรือนกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามของเจ้าแห่งทะเลทราย หญิงสาวเบือนหน้าหนี ก่อนจะก้าวลงจากเตียงคว้าเสื้อผ้าของตนเองมาสวมใส่
“หมดเวลาของเจ้าแล้ว ตอบคำถามของเราได้หรือยัง ว่าจะยอมไปอยู่ในฮาเร็มกับเราหรือเปล่า” ชีคอัลมัสทรงตรัสถามอย่างทะนง เชื่อว่าอาคิราไม่มีทางปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาล
อาคิราหลับตานิ่งขณะยืนหันหลัง หญิงสาวซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่า คำว่า ‘ฮาเร็ม’ ที่พระองค์ตรัสออกมาได้อย่างง่ายดายนั้น กำลังสร้างบาดแผลลึกเข้าไปในหัวใจดวงน้อยของเธอ
“หนึ่งล้าน! แลกกับการต้องทนอยู่กับคนใจร้ายอย่างพระองค์นานเพียงใด”
ชีคอัลมัสกัดฟันกรอด รู้สึกหงุดหงิดและขัดใจกับท่าทีเฉยเมยเย็นชาของอาคิรา ซึ่งสาบานได้ว่าไม่เคยมีหญิงใดแสดงกริยาเช่นนี้กับพระองค์
และที่สำคัญ พระองค์ไม่เคยซื้อหญิงใดให้ไปอยู่กับพระองค์ในรัฐคาลาห์แม้แต่คนเดียว อาคิราเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้พระองค์อยากอยู่กับเธอตลอดเวลา
“ไม่นานสักเท่าไรหรอกอาคิรา เพราะเราเป็นคนเบื่อง่าย ใช้ผู้หญิงเปลือง ยิ่งบริการในเรื่องรักไม่เป็นสับปะรดอย่างเจ้า ยิ่งทำให้เราเบื่อเร็วที่สุด ไม่แน่! เจ้าอาจจะอยู่ในฮาเร็มได้แค่อาทิตย์เดียว เราก็เบื่อเจ้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็กลับบ้านของเจ้าได้เลย”
ใครเลยจะรู้ว่าเจ้าแห่งทะเลทรายผู้เย่อหยิ่ง กำลังตอบไม่ตรงกับใจ ใครจะรู้ว่าพระองค์
กำลังลุ่มหลงอยู่ในบ่วงเสน่หาของอาคิรา ซึ่งทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับทำให้พระองค์ชื่นชอบเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น
อาคิรากัดเม้มริมฝีปากไว้แน่น เจ็บซ่านไปกับน้ำคำของชีคผู้หยิ่งทะนง “ฉันขอเวลาในการตัดสินใจหนึ่งคืนค่ะ”
“ไม่! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาถ่วงเวลากับเรา เจ้าจะต้องตอบเราเดี๋ยวนี้”
ชีคอัลมัสปฏิเสธสุรเสียงห้วนทันควัน ไม่มีทางที่พระองค์จะยอมให้อาคิรายื้อเวลานานถึงเพียงนั้น เพราะทรงรู้ใจองค์เองดีว่า อยากมีอาคิราอยู่ในอ้อมแขนในทุกค่ำคืน
ไม่ว่าชีคอัลมัสจะต้องการหรือไม่ อาคิราก็ไม่มีทางตอบตกลงหรือปฏิเสธ ณ เวลานี้ ยิ่งพระองค์อยากได้ยินคำตอบมากเพียงใด เธอก็ยิ่งถ่วงเวลาไว้มากเท่านั้น
“หนึ่งคืนค่ะท่านชีค ฉันมีเวลาสำหรับการตัดสินใจภายใน 24 ชั่วโมง ถ้ารอไม่ได้ก็เชิญไปหานางบำเรอคนใหม่ได้เลยค่ะ”
ถูกอาคิราปฏิเสธเสียงแข็ง และดูท่าว่าหญิงสาวไม่มีทางปริปากตอบรับพระองค์ง่ายๆ ชีคอัลมัสจึงจำต้องยอมแพ้ในยกแรก
“ก็ได้ เราให้เวลาเจ้าตัดสินใจภายใน 24 ชั่วโมง ครบกำหนดเมื่อไร เราจะมารับเจ้าไปรัฐคาลาห์กับเรา”
ทรงตรัสออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าอาคิราจะต้องรีบคว้าเงินล้านไปไว้ในมือ
“อย่าเพิ่งประกาศชัยชนะสิค่ะท่านชีค”
อาคิราเหน็บแนมพร้อมกับยิ้มเยาะตรงมุมปาก จากนั้นก็ผายมือเชิญ ออกปากไล่เจ้าแห่งทะเลทรายโดยไม่ไว้หน้าพระองค์
“เชิญออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว เพื่อไตร่ตรองว่าควรจะไปเป็นนกน้อยในกรงทอง ดีหรือไม่”
ชีคอัลมัสถึงกับพระพักตร์ตึง เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงไล่ออกจากห้องแม้แต่ครั้งเดียว ทรงกัดฟันดังกรอดๆ กำมือเข้าหากันแน่น และก่อนจะเดินออกจากห้องตามความต้องการของอาคิรา พระองค์ก็ไม่ลืมตักตวงความหวานฉ่ำให้กับองค์เอง พระหัตถ์ใหญ่คว้าร่างบางระหงกระชากเข้ามาปะทะกาย จากนั้นก็ปิดผนึกเรียวปากอิ่มด้วยโอษฐ์ร้อนรุ่ม บดขยี้จุมพิตตักตวงความหวานฉ่ำเป็นเวลาเนิ่นนานจนเป็นที่พอใจ จึงผละออกในที่สุด
“เจ้าจะต้องไปรัฐคาลาห์กับเรา เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะนี่คือคำบัญชาจากเรา จำไว้ อาคิรา”