ตะลึง
“ คุณรามท่านก็ตัวสูง สูงมากใหญ่มาก แต่ไว้ตัวพอควร ไม่ค่อยพูดค่อยจาหรอก ขนาดพี่มาอยู่ที่นี่ตั้งสามปีแล้วยังเคยพูดกับท่านไม่ถึงสิบครั้ง หน้าของท่านพี่ยังไม่กล้ามองเลย ”
“ น่ากลัวเหรอพี่พลอย ท่านดุเหรอ ”
“ ก็ไม่เชิง แต่เวลาเข้าใกล้แล้วทำให้รู้สึกหวาด ๆ คงเพราะความเงียบขรึมไม่พูดไม่จามั้ง ”
คำบอกเล่าของพี่พลอยทำให้วุ้นหวานรู้สึกเกรงคุณรามอยู่มากแม้จะยังไม่เคยพบเจอสักครั้ง ก็คงจะเป็นธรรมดาของพวกคนร่ำคนรวยที่เธอได้เห็นจากในละคร เจ้ายศเจ้าอย่างไว้ตัวตามประสานายบ่าว หรืออาจจะเพราะความโศกเศร้าที่เสียคนรักไปมันเลยเกาะกินใจและจิตวิญญาณจนไร้ชีวิตชีวากระมัง วุ้นหวานได้แต่คิดไปตามประสาและแอบสงสาร คุณรามไปด้วย
แต่ก็นั่นละ เขาคงไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำสักเท่าไรหรอกเพราะหากเป็นเช่นนั้นคงไม่อนุญาตให้เธอได้มาอาศัยบารมีเพื่อซุกหัวนอน
วุ้นหวานอยู่ที่นั่นจนครึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่ได้พบคุณรามอยู่ดี เดาว่าท่านคงยุ่งอยู่กับงานจนกระทั่งไม่มีเวลากลับบ้าน หรือถ้ามาก็เป็นช่วงที่เธอเข้าเรือนนอนคนรับใช้ไปแล้วและออกไปทำงานแต่เช้า แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคนอาศัยอย่างเธอ ครั้นจะไปถามคนอื่นให้หายสงสัยก็ดูจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไป และถ้าถึงหูป้าจันดีล่ะก็คงโดนเอ็ดจนหูชาแน่
กระทั่งในคืนวันที่สิบห้า กานต์แฟนหนุ่มของวุ้นหวานที่พึ่งเข้ามาเตรียมตัวเข้าหอพักเพราะใกล้เปิดเรียน เขานั่งแท็กซี่มาหาวุ้นหวานที่บ้านนั้นและไม่ลืมที่จะซื้อของฝากติดไม้ติดมือมาฝากป้าจันดีด้วย บรรยากาศมึนตึงในคราวแรกที่ป้ารู้ว่าเธอจะมีผู้ชายมาหาจึงบรรเทาเบาบางลงบ้าง อีกทั้งบุคลิกของกานต์ที่เป็นเด็กหนุ่มผิวขาว ร่างสันทัด สวมแว่น ใบหน้าดูใจดี มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนที่รู้จักพูดจาเข้าหาผู้ใหญ่ทำให้ป้าจันดีคลายใจลงได้
ป้าอนุญาตให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันในสวนข้างเรือนคนใช้ที่มีโต๊ะไม้หินอ่อนตั้งอยู่จนกระทั่งถึงเวลาร่วมสองทุ่ม กานต์ก็ขอตัวกลับ
“ กลับดี ๆ นะกานต์ ”
“ อืม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราโทรหานะวุ้น ”
“ จ้ะ ”
วุ้นหวานเดินไปส่งเขาที่หน้าประตู โบกมือให้แฟนหนุ่มส่งยิ้มใจดีมาให้แล้วรู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน ในวันที่เธอไม่เหลือใครก็ยังมีเขาที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ
เธอเดินกลับเข้ามาในบ้านเข้าไปอาบน้ำอาบท่า เมื่อออกมาก็พบว่าป้าจันดีหลับไปแล้ว แต่เธอเองยังไม่ง่วง ประกอบกับเมื่อครู่เห็นพระจันทร์ดวงโตสวยงาม ลมพัดโชยเอื่อยตลอดเวลา จึงคิดว่าบรรยากาศดีเช่นนี้จะออกไปนั่งเขียนนิยายในโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะหินอ่อนข้างบ้านเมื่อครู่
ท่ามกลางความเงียบสงัด แสงจันทร์สีเหลืองนวลจากพระจันทร์ดวงโตที่แขวนอยู่บนแผ่นฟ้า สายลมพลิ้วแผ่วนั้นช่วยให้เธอพร่างพรูจินตนาการออกมาได้รวดเร็วหลั่งไหล
วุ้นหวานก้มหน้าพิมพ์นิยายในโปรแกรมพิมพ์เอกสารในโทรศัพท์มือถืออย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งนาฬิกาบนหน้าจอบอกเวลา 23.00 น.
“ ตายละ เผลอแป๊บเดียวห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย แต่ยังไม่ง่วงเลย ” วุ้นหวานบ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะยืดเหยียดบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ พลันสายตาก็ไปปะทะกับแสงที่สาดส่องมาจากทางเรือนใหญ่
“ ใครเปิดไฟตรงมุมเรือนใหญ่กันนะ ตรงนั้นมันน่าจะเป็นสระว่ายน้ำหรือเปล่า หรือว่าลุงดำจะลืมปิด ”เธอพึมพำกับตัวเอง
“ จะว่าคุณรามท่านว่ายน้ำก็ไม่น่าจะใช่ นี่มันห้าทุ่มแล้ว คนอย่างคุณรามไม่น่าจะอุตริว่ายน้ำยามดึกขนาดนี้ สงสัยลุงดำจะลืมปิดไฟแน่ ๆ เลย เปิดทิ้งไว้แบบนั้นถ้าแมลงลงสระละก็ทำความสะอาดยกใหญ่แน่ ๆ ” เธอคิดซื่อ ๆ ไปตามประสา อย่ากระนั้นเลย ในฐานะที่เธอมาอาศัยใบบุญของคุณรามก็ควรจะช่วยดูแลบ้านของท่านบ้าง
คิดได้ดังนั้น วุ้นหวานก็ตัดสินใจสาวเท้าไปยังสถานที่แห่งนั้นทันที
สระว่ายน้ำของเรือนใหญ่นั้นสามารถเข้าได้สองทาง คือเปิดประตูกระจกจากด้านในตัวบ้าน อีกทางคืออ้อมเข้าไปจากทางสวนที่ลุงดำจัดแต่งดูแลไว้สวยงามซึ่งวุ้นหวานเลือกทางนี้
เธอเดินขึ้นบันไดที่ซุกอยู่ท่ามกลางพันธุ์ไม้ที่ตัดแต่งไว้อย่างดีก่อนจะโผล่หน้าที่ด้านบนซึ่งตรงกับมุมหนึ่งของสระ
แล้วเธอก็ต้องเบิกตาโพลง อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง !