บทย่อ
คุณหมอราม หนูวุ้นหวาน อาจเพราะพรหมลิขิตบันดาลให้ชิดใกล้ ความชิดใกล้เป็นบ่อเกิดแห่งเสน่หา แรงเสน่หาเป็นเหตุให้หวั่นไหว ความหวั่นไหวขับเคลื่อนให้เกิดแรงดึงดูด กว่าจะรู้ตัวก็ยากจะยับยั้ง ถลำลึกไปแล้วทั้งใจกาย หวามวาบ ซาบซ่าน กระสันใคร่ ให้ต้องร่ำรัก คราแล้วคราเล่า EX “ พี่รามขา ” เธอร้องเรียกเขาที่ริมสระโดยใช้สรรพนามพิเศษที่เขาเคยอนุมัติ คนถูกเรียกยังคงแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำช้า ๆ อย่างสบายอกสบายใจ เธอเรียกเขาอีกครั้งดังขึ้น “ พี่รามขา ! ” ริมฝีปากของคนในน้ำถูกยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ในที่สุดเธอก็มา ! เขาหันทิศทางเพื่อว่ายกลับมายังทิศที่เธอยืนรออยู่ ซึ่งมันตรงกับบันไดขึ้นจากสระพอดิบพอดี เขาค่อยปีนขึ้นจากสระช้า ๆ อย่าไม่รีบเร่ง แต่ทันทีที่ร่างใหญ่นั้นพ้นจากน้ำ ดวงตาของคนยืนรอกลับเบิกกว้างทั้งที่เป็นฝ่ายร้องเรียกให้เขาขึ้นมาแท้ ๆ จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร ก็เขาไม่สวมเสื้อผ้าอีกแล้ว เปลือยเปล่าโล่งโจ้งเช่นครั้งแรกที่พบกัน ! เขาปีนขึ้นมาที่พื้น เรือนกายกำยำอุดมไปด้วยมัดกล้ามยืนอยู่เบื้องหน้า หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วตัว มือใหญ่ถูกยกขึ้นเสยขยี้เรือนผมที่เปียกแฉะให้หมาดลง ทุกอิริยาบถของเขายังคงทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำ ยิ่งกล้ามเนื้อมัดนั้นที่ยื่นยาวออกมาจากต้นขาแข็งแรงยิ่งทำให้ความร้อนในกายแล่นซ่าน เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนห่างจากเธอราวหนึ่งฟุต “ มีอะไรเหรอ วุ้นหวาน ” “ คะ... คือ... ” เวลาสำคัญ ดันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเสียได้ “ มีอะไรก็พูดมา ฉันรอฟังอยู่ ” “ วุ้น เอ่อ... ” “ ถ้าจะมาเพื่ออึก ๆ อัก ๆ ฉันไม่ว่างจะฟังหรอกนะ ฉันว่ายน้ำเสร็จแล้วและต้องไปเตรียมตัวเพื่อไปสัมมนา ” เขาว่าราวกับกำลังรีบเร่งเหลือเกิน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นการเร่งเร้าอีกฝ่ายเสียมากกว่า หนูน้อยเอ๋ย ไม่ทันเล่ห์เสือร้ายเสียแล้ว... เมื่อเธอยังไม่กล้าพูด อาจจะด้วยตื่นเต้นเหลือเกิน ก็ใครจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้เมื่อมีผู้ชายสมบูรณ์แบบมายืนเปลือยอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นชายที่เธอเคยอยู่ในอ้อมกอด ถูกเขาสัมผัสและถวิลหาอยู่แทบทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อเธอยังคงเงียบงันเขาจึงหมุนตัวจะเดินจากไป “ สอนวุ้นหน่อยนะคะ พี่ราม ” สุดท้าย เธอก็พูดมันออกไปแล้ว ! เขายืนนิ่ง ปล่อยให้เธอได้จ้องมองหัวไหล่แข็งแรงที่มีรอยสักงามงด แผ่นหลังกว้างอันอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม เอวสอบเพรียวสู่สะโพกแน่นหนั่น และช่วงขายาวแข็งแรงทั้งคู่ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันกลับมา เธอเบนสายตาไปยังท่อนลำที่บัดนี้มันเหยียดขยายจนใหญ่ยาวกว่าเมื่อครู่ ทั้งอวบอ้วน และแข็งชันจนแทบจะขนานไปกับลอนกล้ามที่หน้าท้องแข็งแรงนั่น เส้นเอ็นรัดร้อยจนปูดโปนไปทั่วลิ่มลำดูน่าเกรงขาม แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ใจกลางกล้ามเนื้อเร้นลับตรงกลางระหว่างขาเต้นตุบ ๆ อย่าบ้าคลั่ง ให้ตายเถอะ ! “ พี่รามงั้นเหรอ ? ” เขาแสร้งถามทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูก่อนสาวเท้ากลับเข้ามาหา ทุกย่างก้าวมันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด “ ค่ะ พี่ราม ” “ อะไรที่เธอต้องการ วุ้นหวาน ” “ วุ้นอยากให้พี่รามสอน ” “ สอนเรื่องอะไร ” เขาแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอก “ สอนเรื่องฉากเลิฟซีนค่ะ ” “ แน่ใจแล้วเหรอ ” “ แน่ใจที่สุด ” “ แต่มันผิดนะ ผิดกับคนรักของเธอ ” “ วุ้นไม่สนค่ะ สอนวุ้นเถอะนะคะพี่รามขา ได้โปรด ” รามเหยียดยิ้ม ในที่สุดเขาก็ชนะ ! เขาสาวเท้าเข้าไปยืนแนบชิด ยกฝ่ามือใหญ่ขึ้นประคองใบหน้าหวานเอาไว้ “ วุ้นต้องการพี่ ไม่อยากให้พี่ไปไหน ” เด็กสาวพึมพำ ดวงตากลมหวานที่ประสานมานั้นเว้าวอนจนรามแทบหลอมละลาย “ พี่คิดถึงวุ้น ” เขาว่าอยู่แนบชิดริมฝีปากอิ่มก่อนจะขยับไปพรมจูบที่หน้าผาก สองพวงแก้ม แล้วเลื่อนไปทั่วลำคอระหง สองมือของเด็กสาวเกาะกอดไหล่แกร่งไว้แน่นเพื่อเป็นการประคองตัวเองไม่ให้กองลงไปกับพื้น ก็ตอนนี้เรี่ยวแรงเธอเหือดหาย อ่อนละลายไปหมดกับลมหายใจและสัมผัสนั้น หลับตาพริ้มละเลียดกับริมฝีปากอุ่นชื้นที่เม้มดูดเบา ๆ ไปถ้วนทั่ว นี่แหละสิ่งที่เธอโหยหา และอยากให้เขาเติมเต็มเธอจนถึงขั้นสุดท้าย !
ชีวิตใหม่ของวุ้นหวาน
“ อย่าวุ่นวาย อย่าจุ้นจ้าน อย่าเพ่นพ่าน คุณรามท่านเป็นคนเงียบ ๆ สุขุม ชอบความสงบ ถ้าแกอยากมีที่ซุกหัวนอนก็จงรู้จักสงบเสงี่ยมและอยู่ในที่ของตัวเอง วุ้นหวาน ”
นี่คือคำสั่งของป้าจันดีผู้เข้มงวด ผู้เป็นป้าของวุ้นหวาน พี่สาวของแม่ที่เป็นญาติคนสุดท้ายที่เธอจะพึ่งพาได้หลังจากแม่เสียไปด้วยโรคมะเร็งมดลูก ส่วนพ่อนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอไม่เคยเห็นเขาตั้งแต่จำความได้ มีแต่ชาวบ้านร้านตลาดที่เขา ร่ำลือกันให้เข้าหูว่าแม่ของเธอท้องไม่มีพ่อตอนที่ไปเรียนในเมือง ดังนั้นป่วยการที่จะไปคาดคั้นว่าพ่อเป็นใครเพราะมันคงเป็นความทรงจำที่ไม่ดีเท่าไรนักแม่จึงไม่เคยปริปากเล่าถึงเรื่องพ่อให้เธอฟัง แต่แม่ก็เลี้ยงเธอมาอย่างดีเท่าที่แม่ค้าขายขนมหวานในตลาดจะทำได้
ป้าจันดีนั้นอายุห่างกับแม่ของเธอถึงสิบห้าปี และป้าได้เสียสละที่จะไม่ได้เรียนหนังสือเพื่อไปทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านของเศรษฐีท่านหนึ่งแล้วส่งเงินมาให้น้องสาวคนเดียวของป้าก็คือแม่ของวุ้นหวานได้ร่ำเรียน ดังนั้นป้าจึงผิดหวังมากที่แม่ตั้งท้องขณะกำลังเรียนอยู่
ปกติแล้วป้าจะกลับไปเยี่ยมบ้านทุกปี แต่หลังจากที่ยายเสียไปเมื่อห้าปีก่อน วุ้นหวานก็ไม่เคยเห็นหน้าป้าอีกเลย แม่บอกว่าป้าว่าคงจะโกรธแม่มากแต่ก็ยังโอนเงินเข้าบัญชีของแม่ทุกปีคราวละหนึ่งหมื่นบาททุกปี วุ้นหวานคิดว่าป้าก็คงรักและห่วงแม่กับเธอ แต่เพราะทิฐิจึงไม่อยากมาพบหน้า
ป้าจันดีเป็นคนเข้มงวด แต่ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยและคำพูดดุดันนั้น วุ้นหวานรู้ดีว่าท่านคงจะเป็นห่วงด้วยเธอก็กำลังแตกเนื้อสาว พึ่งจะจบมัธยมศึกษาปีที่หกด้วยวัยสิบแปดขวบปีที่กำลังสาวสะพรั่ง หลังจากงานศพแม่ ป้าก็สั่งให้เธอเก็บกระเป๋าเพื่อไปอยู่กับป้าที่บ้านของเจ้านายในเมืองหลวงด้วย
แม้จะไม่อยากไป แต่วุ้นหวานจะทำอย่างไรได้ บ้านที่เธออยู่กับแม่นั้นก็เป็นบ้านเช่า อีกทั้งพอแม่จากไปเธอก็ต้อง อยู่เพียงลำพังจะหาความปลอดภัยที่ไหนได้ ตัวเธอเองนับได้ว่าเป็นเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและอวบอัด ผู้ชายในหมู่บ้านที่เธออยู่แม้จะบ้านนอกคอกนาแต่ก็มีทั้งขี้ยาและขี้เมา มักจะจ้องมองเธอด้วยสายตาหื่นกามเสมอ อยู่ที่นั่นไม่ปลอดภัยแน่นอน
“ วุ้นจะทำตัวดี ๆ จ้ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ป้าต้องเดือดร้อน ”
เด็กสาวพนมมือขึ้นกระพุ่มไหว้และจ้องมองมาด้วยสายตาใสซื่อ แววตาแข็ง ๆ ของป้าจันดีจึงอ่อนแสงลงบ้าง
“ เออ คิดได้อย่างนั้นก็ดี แล้วคิดหาว่าจะทำยังไงต่อไป จบมอหกแล้วไม่ใช่รึ ”
“ วุ้นอยากจะเรียนต่อจ้ะป้า ”
“ เฮ้ย ๆ แกอย่ามาคิดนะว่าฉันจะมีปัญญาส่งแกเรียนต่อหมาลัยน่ะ ”
“ มหาวิทยาลัยจ้ะป้า ” วุ้นหวานแก้ให้
“ จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันจะเรียกของฉันแบบนี้ เพราะลำพังเงินเดือนคนใช้ของฉันมันก็แค่พอยาไส้ ฉันไม่มีลูกเต้าก็ต้องเก็บหอมรอมริบเอาไว้เมื่อแก่เฒ่าเผื่อจะเจ็บป่วย ”
นางจันดีบอกแบบนี้ทั้งที่เงินเก็บของนางก็เหลือเฟือ ลึก ๆ ในใจนั้นนางก็อยากให้หลานสาวมีความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพดี ๆ จะได้สุขสบาย แต่อีกใจก็ไม่อยากให้หลานสาวออกไปเรียนด้วยว่ากลัวจะซ้ำรอยน้องสาว ผู้เป็นแม่ของวุ้นหวานนั่นเอง
“ วุ้นรู้ดีจ้ะ ตอนนี้ก็กำลังหาวิธีที่จะหาเงินส่งตัวเองเรียน วุ้นเขียนนิยายขายอยู่ในเว็บไซต์ก็พอได้อยู่เดือนละสองสามพันและจะเก็บไว้สมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ”
ป้านิ่งไปนานก่อนตอบกลับมา
“ ตามใจ แต่ถ้าจะไปนอนข้างนอกป้าไม่อนุญาต มาอยู่กับป้าก็ต้องเชื่อฟังป้า ”
“ จ้ะป้า วุ้นไม่ไปอยู่ที่อื่นหรอก มหาวิทยาลัยเปิดก็แค่อ่านหนังสืออยู่ที่บ้านแล้วไปสอบเท่านั้นจ้ะ ป้าไม่ต้องห่วง ” ผู้เป็นหลานสาวตอบ
ถึงแม้จะเกิดมาท่ามกลางความขาดแคลนแต่วุ้นหวานก็เป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน ไม่ได้เก่งมากมายแต่จัดได้ว่าเรียนดีไม่เคยนอกลู่นอกทาง