บทที่ 5
“คุณไม่มีคิวถ่ายหรือแพทตี้” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่กลับเป็นฝ่ายที่ถามกลับเสียเอง
“มีค่ะ แต่ยังไม่ถึงคิว” เหตุที่เป็นแบบนี้ เพราะแพทตี้ป่วนกองถ่าย ขอเลื่อนคิวออกไปในช่วงที่อีธานมาเยี่ยมกอง นั่นเพียงเพราะต้องการมาต้อนรับชายหนุ่ม แต่อีธานผิดเวลาจากที่กำหนดมาพอสมควร ทำให้การทำงานวันนี้ดูจะสะดุดไป แต่คนต้นเรื่องก็ไม่ได้ใส่ใจ
“คุณอีธานเชิญไปพักทางนี้ค่ะ” เพียงอรเอ่ยขึ้น อีธานเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะเดินตามเลขาส่วนตัวไปโดยมีแพทตี้ที่ถือวิสาสะเกี่ยวแขนชายหนุ่มไว้แล้วเดินตามไปด้วยอีกคน ยิ่งอีธานไม่ปัดมือเธอออกแพทตี้ก็ยิ่งได้ใจ เชิดใส่ผู้หญิงทุกคน ราวกับเธอเป็นผู้ชนะ
แต่ดูเหมือนเวลาความสุขของเธอจะแสนสั้น เมื่อทีมงานเดินเข้ามาบอกว่าถึงคิวถ่ายของเธอแล้ว หญิงสาวดูกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินตามทีมงานไปอย่างขัดไม่ได้ นั่นเพราะกลัวจะเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าคนสำคัญ แพทตี้เข้าฉากกับนักแสดงคนอื่นๆ ชนิดที่เรียกว่าอินเนอร์มาเต็มจนนักแสดงร่วมฉากที่เคยซ้อมฉากนี้ด้วยกันมาอึ้งจนเกือบทำให้ลืมบทกันเลยทีเดียว
เมื่อไม่มีคิวต้องถ่ายอีก แพทตี้ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะเข้าไปหาอีธาน แต่ความหวังของเธอก็ต้องสลาย เมื่อเพียงอรเดินมาบอกว่าอีธานต้องการคุยงานกับผู้กำกับ ไม่สะดวกให้เธอเข้าไปพบ แพทตี้สะบัดหน้าให้เพียงอรจนปอยผมปลิว ก่อนจะเดินกระแทกเท้ากลับไปยังรถบ้านมูลค่าหลายล้านที่เธอซื้อมาเพื่อความสะดวกสบายยามยกกองออกมาถ่ายทำนอกสถานที่เช่นนี้
“อุ๊ย! ตายแล้ว ผลไม้” เพียงอรอุทานขึ้น ก่อนจะรีบเดินกลับมายังแผงผลไม้ เธอมาช้ากว่าที่บอกมธุรดาไว้ ทำให้เจ้าของแผงผลไม้แอบหวั่นใจว่าเธอจะรอเก้อ แต่พอเห็นเพียงอรมธุรดาก็ยิ้มออก ก่อนจะกุลีกุจอช่วยถือผลไม้มาส่งที่กองถ่าย
“ขอบคุณพี่มากนะคะ ที่เหมาผลไม้ดา” ไม่เอ่ยขอบคุณเปล่า มธุรดายังยกมือไหว้เพียงอร จนเธอรับไหว้กลับแทบไม่ทัน
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกค่ะ พี่ก็แค่ทำตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้นเอง ถ้าน้องอยากขอบคุณจริงๆ ไปขอบคุณเจ้านายพี่จะดีกว่า” ขณะพูดคุยเพียงอรก็วางผลไม้ลงบนโต๊ะ เพื่อให้ทุกคนในกองถ่ายได้ทาน
“แล้วเจ้านายพี่คนไหนคะ ดาอยากขอบคุณจริงๆ”
“ตามพี่มาสิ” มธุรดาพยักหน้ารับแล้ววางผลไม้ในมือลงบนโต๊ะเช่นกัน ก่อนจะเดินตามเพียงอรที่ถือจานผลไม้ตรงไปเต็นท์ของผู้กำกับ แต่อีธานกลับไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เมื่อถามจึงรู้ว่าชายหนุ่มกลับมาคุยงานที่รถ เพียงอรจึงพามธุรดาตรงไปยังรถตู้คันใหญ่ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากกองถ่ายมากนัก ดวงตาคมสวยเพ่งมองรถคันตรงหน้าเพราะรู้สึกคุ้นตามาก
“รถคันนี้คุ้นๆ” มธุรดาบ่นกับตัวเอง
“ว่าแต่เราชื่ออะไรนะ คุยกันมาตั้งนานพี่ยังไม่รู้จักชื่อเราเลย”
“ดาค่ะ”
“จ้ะน้องดา พี่ชื่ออร”
“ค่ะพี่อร” ทั้งสองฝ่ายต่างแนะนำตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่มธุรดาจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อประตูรถคันที่เธอรู้สึกคุ้นตานั้นเปิดออก ทำให้เธอสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างในพอดี
“นาย!”
“เธอ!” อีธานเพ่งมองมธุรดากลับมาเช่นเดียวกัน เพียงอรมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา เพราะเหมือนทั้งคู่จะเคยเจอกันมาก่อน
“เอ่อ...ทั้งคู่รู้จักกันด้วยหรือคะ”
“ไม่”
“ไม่เชิง” คนที่ตอบว่าไม่อย่างไม่ต้องคิดคือมธุรดา ส่วนอีธานได้แต่ตอบกลางๆ เท่านั้น แต่ก็ลอบยิ้มที่ได้พบเธอ
“พี่อรค่ะ อย่าบอกนะคะว่าผู้ชายคนนี้คือเจ้านายของพี่” แม่ค้าผลไม้หน้าหวานหันมาถามเพียงอร
“ใช่จ้ะ นี่คุณอีธาน เจ้านายพี่เอง”
“โลกกลมไปนะ” มธุรดาลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะไม่คิดว่าจะกลับมาพบผู้ชายคนตรงหน้าอีก
“ใช่...กลมมาก” อีธานยิ้มมุมปาก สงสัยคำขอของเขาที่ต้องการพบเธอเพื่อเอาคืนจะเป็นจริง สวรรค์ถึงทำให้เธอมายืนตรงหน้าได้เร็วขนาดนี้
“งั้นดาขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ” เสียงทุ้มๆ เชิงกำราบของอีธานดังขึ้น ทำเอามธุรดาที่กำลังหมุนตัวกลับชะงักเท้าทันที ก่อนจะตัดสินใจพูดวัตถุประสงค์ที่เธอมาพบเขา จะได้จบๆ กันไป
“ขอบคุณที่เหมาผลไม้ฉัน”
“ไม่ใช่เรื่องนี้” อีธานก้าวเท้าลงจากรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาขวางหน้ามธุรดาไว้
“อะไรอีกไม่ทราบ” คนมีชนักติดหลังพยายามเดินหนี เพราะรู้ว่าชายหนุ่มต้องพูดเรื่องที่เธอจงใจบอกทางผิดแน่นอน
“จะอะไร เธอน่าจะรู้ดีที่สุด” ดวงตาสีดำสนิทเพ่งมองเข้าไปยังดวงตาสีสนิม แต่เจ้าของดวงตาสีสนิมดูจะไม่ยอมสบตาด้วยสักเท่าไหร่
“ฉันก็บอกทางดีๆ แล้ว นายเองนั่นแหละที่หลงทางเอง ช่วยไม่ได้”
“ตกลงฉันเป็นคนผิด” อีธานยืนเท้าสะเอวมองหน้ามธุรดา ท่าทางการสนทนาของทั้งคู่ทำเอาเพียงอรสงสัยว่าพวกเขาไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกว่าท่าทางของเจ้านายเธอก็ดูแปลกไปจากที่เคยเป็นด้วย แต่แปลกยังไงเธอก็หาคำตอบมาอธิบายไม่ได้เช่นกัน
“ใช่”
“เธอรู้ไหมว่าเวลาฉันมีค่ามากแค่ไหน”
“รู้...เพราะเวลาของฉันก็มีค่ามากเช่นกัน หลีกไป ฉันจะกลับแล้ว” พูดจบก็ผลักอกชายหนุ่มสุดแรงหวังให้ชายหนุ่มออกไปพ้นทาง เพื่อจะได้เดินกลับมายังตลาด ความตั้งใจที่จะมาขอบคุณในตอนแรกกลับหายไปไหนเสียไม่รู้
แต่แทนที่อีธานจะเป็นฝ่ายขยับตามแรงของเธอ ชายหนุ่มกลับยืนนิ่งไม่ไหวติงเสียนี่ มธุรดานิ่วหน้าไม่ชอบใจที่ทำอะไรชายหนุ่มไม่ได้มาก ขืนอยู่ต่อเธอต้องถูกเขาต่อว่าเรื่องจงใจบอกทางทำให้เขาหลงอย่างแน่นอน จึงถอยหลังเพื่อจะหมุนตัวกลับไปตั้งหลัก
จังหวะนั้นทีมงานกำลังขนอุปกรณ์ประกอบฉากผ่านมาพอดี ความรีบร้อนบวกกับไม่ทันระวัง ทำให้มธุรดาชนเข้ากับทีมงานอย่างจังจนเธอเสียหลักล้มไปกองกับพื้น ส่วนอีกฝ่ายก็เสียการทรงตัว ส่งผลให้อุปกรณ์ประกอบฉากที่เป็นภาพพื้นหลังที่ช่วยกันยกมาโอนเอนทำท่าจะล้มทับมธุรดาเข้า ซึ่งเธอเหมือนจะมองเห็นและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ขยับหนีไม่ได้ ทำได้เพียงร้องอุทานออกมาพร้อมกับก้มหน้าหลับตาแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกันเท่านั้น
“ว๊าย”
