ตอนที่ 11 คนใจร้าย
กุหลาบจำนวนสามแปลงที่พิมพ์ลดาต้องขุดให้เสร็จภายในวันนี้ หากเป็นผู้ชายร่างกายกำยำคงขุดแปปเดียวก็เสร็จ แต่ผู้หญิงที่ไม่เคยจับจอบจับเสียมมาก่อนคงต้องใช้เวลาขุดประมาณครึ่งวัน เนื่องจากพื้นที่แปลงค่อนข้างใหญ่และพิมพ์ลดาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะขุดเสร็จหรือเปล่าเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อน แค่ยืนอยู่ในร่มยังเหงื่อตกแล้ว
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ไอแดดแผดเผาร่างของเธอจนเหงื่อเริ่มซึม สองมือกระชับด้ามจอบไว้แน่น แต่ยังไม่ก้าวขาออกจากร่มจนคนที่ยืนมองอยู่บนชั้นสองของบ้านตะโกนลงมา
“จะอู้ไปถึงไหน เดี๋ยวกุหลาบของฉันก็เฉาหมดหรอก ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ก็กลับบ้านไปซะ!”
หญิงสาวหันกลับไปมองต้นเสียง เห็นอัคคียืนกอดอกมองอยู่ พิมพ์ลดาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาก่อนจะเริ่มลงมือขุดดิน แต่ขุดไปได้แปปเดียวก็ต้องหยุดชะงักเพราะดินแข็งมาก พอก้มลงมองฝ่ามือก็พบว่าตอนนี้ฝ่ามือทั้งสองข้างแดงเถือกมีรอยถลอก เธอไม่ได้สวมถุงมือด้วยสิ
“เหอะ! จะทำได้สักกี่น้ำ” อัคคีเค้นหัวเราะในลำคอ คนอ่อนแอ เท้าไม่เคยเหยียบดินอย่างพิมพ์ลดาจะไปทำอะไรได้ คนแบบนี้ต้องนอนงอมืองอเท้ารอใช้เงินจากผัวเท่านั้นแหละ แต่คงไม่ใช่เขาแน่นอน เพราะอีกไม่นานพิมพ์ลดากับพ่อก็จะกลายเป็นคนไร้ที่อยู่
เป้าหมายของเขาคือทำให้สองพ่อลูกคู่นี้ล่มจม หลังจากยึดบริษัทมาเป็นของตัวเองได้แล้ว คฤหาสน์ของเกรียงไกรคือเป้าหมายต่อไป!
ทางด้านของพิมพ์ลดาปาดเหงื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า การขุดดินไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ เพราะต้องถอนหญ้าออกจากดินจนหมดถึงจะขุดต่อได้ ฝ่ามือร้อนผ่าว แดดเผาร่างจนตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เธอปาดเหงื่อออกจากใบหน้าและซอกคออีกครั้ง ทั้งขุด ทั้งก้มดึงหญ้าออกจากดิน พอหันหลังกลับไปมองพบว่าตนเองเพิ่งขุดมาได้นิดเดียวเอง แค่นี้เธอก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว มิน่าล่ะ ทำไมใครๆถึงชอบบอกว่าคนอย่างพิมพ์ลดาไม่มีทางทำอะไรได้หรอกนอกจากพ่อจะประเคนให้
แม้กระทั่งช่วงมัธยมก็เคยถูกเพื่อนล้อเรื่องนี้เป็นประจำเพราะพิมพ์ลดาไม่เคยเข้ากิจกรรมที่ต้องใช้แรง เพราะพ่อของเธอขอทางโรงเรียนเอาไว้ จนเพื่อนๆหาว่าเธอเป็นเด็กเส้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ค่อยมีเพื่อนเลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆคนเดียว
...เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง พิมพ์ลดาก็ยังนั่งขุดดินอยู่อย่างนั้นโดยไม่พัก ตอนนี้เธอรู้สึกกระหายน้ำมากแต่งานยังไม่เสร็จ กะจะรอให้เสร็จแปลงนี้แล้วค่อยไปดื่มน้ำ แต่ทันใดนั้นเธอรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หน้าอกข้างซ้ายจนต้องหยุดกะทันหัน ลำคอแห้งผาก จู่ๆก็รู้สึกหอบเหนื่อย จุกแน่นบริเวณหน้าอก พิมพ์ลดาวางจอบลงบนพื้นก่อนจะเดินไปนั่งพักในร่มเพราะรู้ตัวว่าทำต่อไม่ไหวแล้ว ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามา เห็นร่างสูงยืนค้ำหัวอยู่
“ไง แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วหรอ นี่ยังขุดไม่ได้ถึงหนึ่งแปลงเลยนะ”
“พิมพ์ขอพักก่อนได้ไหมคะ ตอนนี้พิมพ์เหนื่อย” เจ้าของใบหน้าซีดพยายามขอร้องอ้อนวอนเขา ตอนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนไม่มีแรงลุก
“คิดไว้แล้วว่าคุณหนูพิมพ์ลดาคงทำไม่ได้ ผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ ถ้าไม่มีพ่อ ป่านนี้คงกลายเป็นขอทานไปแล้วมั้ง”
“พิมพ์ทำได้ค่ะ แต่ตอนนี้พิมพ์ขอพักดื่มน้ำก่อน” มือเรียวที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบขวดน้ำมาดื่มแต่ก็ช้าไปกว่าคนตัวสูง เขาคว้ามันไปก่อน
“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอดื่มน้ำจนกว่าจะขุดแปลงแรกเสร็จ”
“แต่คุณอัคคีคะ ตะ...ตอนนี้พิมพ์หิวน้ำจนคอแห้งแล้วนะ”
“ขุดอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว แค่นี้เธอก็ทำไม่ได้หรอพิมพ์ลดา เธอนี่มันเป็นลูกแหง่สมชื่อจริงๆ”
กร๊อดด!!
มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ตวัดตามองอย่างไม่พอใจ ดูก็รู้ว่าเขากำลังแกล้งเธอ น้ำตาแห่งความเสียใจรื้อขึ้น แม้พยายามบังคับแล้วแต่ความน้อยใจจุกแน่นในอกกำลังทำให้เธอเผลอแสดงความอ่อนแอออกมา ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะปราณีบ้าง แต่เปล่าเลย เขาเทน้ำขวดนั้นทิ้งต่อหน้าต่อตา
“เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาขวดใหม่ให้ก็แล้วกัน ขวดนี้ไม่เย็นแล้ว” เขาโยนขวดน้ำทิ้งลงตรงหน้า ปรายตามองพิมพ์ลดาด้วยความสะใจ ถ้าไอ้เกรียงไกรรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักโดนผู้ชายหลอก มันต้องอกแตกตายแน่ๆ แต่เขายังไม่ให้มันรู้ตอนนี้หรอก ต้องการเล่นกับความรู้สึกของเหยื่อก่อน
พิมพ์ลดาน้ำตาไหลนองหน้าด้วยความเจ็บปวดสุดหัวใจ แม้กระทั่งน้ำเขาก็ยังไม่ให้เธอดื่ม อัคคีจะร้ายไปถึงไหน ไม่คิดว่าคนที่เคยรักจะทำกับเธอได้ถึงขนาดนี้
หญิงสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายฮึดสู้ หยัดกายลงขึ้นด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังไม่ทันก้าวขาก็เกิดอาการหน้ามืดจนร่างหล่นตุ๊บลงบนพื้นก่อนที่สติจะหลุดลอยไป
ตุ๊บ!
อัคคีที่หันหลังเดินกลับไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างหล่นลงบนพื้น พอหันกลับไปมองก็เห็นพิมพ์ลดานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นในสภาพที่ใบหน้าซีดเซียวไร้สีสัน
“พิมพ์ลดา!!”