ฝันร้ายคืนแล้วคืนเล่า
“ นี่มันที่ไหน มีใครอยู่บ้างครับ ! ”
เสียงทุ้มตะโกนก้องทำลายความเงียบสงัดจนน่าขนลุก หลังจากพบว่าตนเองเดินอยู่ท่ามกลางหมอกควันสีขาวคละคลุ้งหนาหนักจนมองไม่เห็นเบื้องหน้า อันที่จริงมันไม่สามารถเห็นได้ทั้งบนล่างซ้ายขวานั่นแหละ พูดให้ถูกก็คือเขากำลังเดินไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เหมือนคนตาบอดไม่มีผิด หากมีหลุมหรือหน้าผาเบื้องหน้าเขาก็มีสิทธิ์จะตกลงไปตายได้ง่าย ๆ
ชั้นบรรยากาศโดยรอบทึบหนัก ชายหนุ่มรู้สึกจุกแน่นที่หน้าอก คงจะเพราะความชื้นสัมพัทธ์มันเพิ่มขึ้นด้วยสายหมอกที่ขาวโพลนราวสุมควันไฟเพิ่ม ไม่ไหวแล้ว เขาไม่อยากเดินวนเวียนอยู่ในนี้อีกต่อไป เดินโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง จึงตัดสินใจหันหลังกลับ ทว่าเสียงเล็ก ๆ ร่ำเรียกให้ขาเขาหยุดชะงักแล้วหันขวับหาต้นเสียง
“ พี่คีรินจะไปไหนคะ จะทิ้งขวัญข้าวแล้วเหรอ ”
“ น้องขวัญ นั่นน้องขวัญเหรอคะ น้องอยู่ไหน พี่มองไม่เห็นอะไรเลย ” เขาพูดพลางสาวเท้าหาต้นเสียง ทว่าหมอกขาวยังคงหนาจัด
“ พี่คีรินไม่รักน้องแล้ว น้องจะไม่อยู่เป็นภาระก็ได้ ” เสียงหวานตัดพ้อล่องลอยมาแต่ไกลจับทิศทางไม่ได้ หัวใจพี่ชายเริ่มว้าวุ่นตื่นกลัว เขาวิ่งพล่านไปทั่ว ดวงตาสอดส่อง ปากกู่ก้องร้องเรียกไม่หยุดอย่างกระวนกระวาย
“ น้องขวัญ น้องอยู่ไหน ออกมาหาพี่เถอะ ”
ทว่าสิ่งที่ล่องลอยมามีเพียงเสียงสะอื้นไห้คร่ำครวญ หมอกเริ่มหนาหนักจนกระทั่งหนาวเหน็บ ลมหายใจของชายหนุ่มขาดเป็นห้วง ๆ สุดท้ายเขาจำต้องยอมแพ้
“ ไม่ไหวแล้ว ” เขาหันหลังกลับไปทางเดิม
พลันนั้นร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีขาวก็ปรากฏตรงหน้า ใบหน้าซูบซีดเงยขึ้น ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววเคียดแค้น ก่อนจะอ้าปากกว้าง โลหิตหลั่งไหลพร่างพรูย้อมชุดขาวที่สวมจนแดงฉาน แล้วตะโกนกรีดร้องเสียงแหลมจนเขาต้องยกมือขึ้นปิดหูเพราะมันเสียดแปลบเข้าไปในหัว
“ ไอ้เจค มันทิ้งขวัญ พี่ต้องไปฆ่ามัน มันต้องเป็นของขวัญคนเดียว รวมทั้งพี่ด้วย พี่ก็เป็นของขวัญคนเดียว ! ”
ร่างนั้นอ้าปากกว้างฉีกไปถึงใบหูแล้วพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มอ้าปากร้องด้วยความตื่นกลัว สะดุ้งเฮือกแล้วลืมตาโพลงทันที !
หมอกสีขาวหายไปหมดแล้ว เขากลับมาในบ้านในห้องนอนของเขาแล้ว เขาปลอดภัยแล้ว
“ มันแค่ฝันไป คีริน แค่ฝัน แค่ความฝัน ! ”
เขาพร่ำบอกตัวเองซ้ำ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อน้อยใหญ่ผุดพราย น้ำตาใสไหลออกทางหางตาอย่างไม่รู้ตัว หลากหลายอารมณ์ซัดซาดเข้าหาราวคลื่นทะเลลูกยักษ์เมื่อมีพายุคลื่นแล้วคลื่นเล่า
เขายกมือขึ้นโอบกอดร่างแกร่งกำยำเปลือยท่อนบนอันสั่นเทาของตน แล้วร่ำไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“ น้องขวัญ พี่ขอโทษ ขอโทษ... ”
***
“ สารวัตรนอนไม่หลับเหรอคะ เอ๊ย ครับ ทำไมขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้าเลย ” จ่าเข้ม ลูกน้องคนสนิทที่กายเป็นชายล่ำใหญ่แต่ใจช่างอ่อนนุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายเดินเข้ามาในสถานีตำรวจ
เขาเดินต่อไปนิ่ง ๆ ราวกับไม่ได้ยินคำทักทายใด ๆ ทั้งสิ้น
“ อะไรวะ แกเป็นอะไรของแก พักนี้ดูเหม่อลอยชอบกลนะจ่าเข้ม ผมว่าแกผอมลงด้วย แกเครียดอะไรของแกนักหนา คดีลักลอบค้ามนุษย์จากประเทศเพื่อนบ้านเราก็ปิดจบลงอย่างสวยงามแล้ว หรือแกจะไม่พอใจอะไร ” จ่าพล ลูกน้องอีกนายเอ่ยอย่างสงสัย จ่าเข้มไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่มองตามแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่หายวับไปในห้องด้วยความเป็นห่วง
จ่าเข้มนั้นนับได้ว่าเป็นลูกน้องคนสนิทที่สุด ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับสารวัตรคีรินมาเนิ่นนาน อีกฝ่ายเป็นคนตงฉิน จริงจัง ทุ่มเทกับงานด้วยชีวิต และเป็นคนรักษาสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพราะเขาถือคติว่า
‘ เราต้องปกป้องประชาชน ถ้าหากพลังกายพลังใจเราไม่พร้อม ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ’
แล้วเหตุใดวันนี้สารวัตรคีรินผู้สูงขาวผึ่งผายใหญ่กำยำ ใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวราวโอปป้าเกาหลี กลับมาห่อเหี่ยวเหมือนกะหล่ำปลีค้างคืน เข้มรับไม่ด๊ายยยย
“ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูสารวัตรหน่อยก็แล้วกัน ” จ่าเข้มเอ่ยขึ้นพลางสาวเท้าไปยังห้องพักของสารวัตร เคาะประตูเบา ๆ เป็นสัญญาณให้คนด้านในรู้ ก่อนจะผลักประตูเข้าไป