รู้เท่าไม่ถึงรัก

50.0K · จบแล้ว
Xmaniac
47
บท
5.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หมายเหตุ : พระเอกและนางเอกเรื่องนี้มาจากเรื่อง อีช้อยร้อยเล่มเกวียน แต่เนื้อเรื่องแยกกัน ไม่อ่านเรื่องนั้นก็อ่านเรื่องนี้รู้เรื่องได้จ้ะ โปรย : พระเอกเรื่องนี้...เล็ก นางเอกเรื่องนี้...แบน เรื่องราวของอีตาศาลาวัดขี้เก๊ก (สารวัตรคีริน) กับยัยเด็กสาวเถื่อนถ่อย (หวานใจ) เมื่อคู่กัดที่ต่างฝ่ายเกลียดขี้หน้า ต้องโคจรมาเจอกันอีกครา ในความจิกกัดด่าทอปากร้ายของแต่ละฝ่าย ทว่าแฝงไว้ด้วยความหวั่นไหว จนเผลอถลำทั้งตัวและหัวใจ ...เพราะรู้เท่าไม่ถึงรัก EX. : “ โอ๊ย ! ” หวานใจร้องเสียงดัง คีรินรีบยกมือขึ้นตะปบปากนั้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกระซิบเสียงกร้าวข้างหู “ จะบ้าหรือไง ร้องออกมาทำไม เดี๋ยวพวกมันก็ได้ยินหรอก อยากตายหรือไง ! ” เธอยกมือขึ้นพยายามดึงมือใหญ่ที่ปิดปากตัวเองไว้แน่น ทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งดึงจนเขายอมปล่อย ก่อนจะสวนกลับไปบ้าง “ ก็คุณจับนมฉันแล้วบีบอย่างแรงเลย มันเจ็บก็ต้องร้องสิโว้ย ไอ้บ้า ! ” คำตอบนั้นทำให้รอยยิ้มขันปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเคร่งเครียดทันที เมื่อครู่เขารีบเอื้อมมือไปดึงตัวเธอเอาไว้เพราะกลัวพวกนั้นจะยังอยู่แล้วเห็นเธอ ด้วยความรีบร้อนจึงไม่รู้ว่าวางมือไว้ตรงไหน เลยเผลอโดนหน้าอกเธอเข้าให้เต็ม ๆ กระนั้นก็ยังไม่วายกัดจิก “ อ้าว นั่นนมคุณเหรอ มันแบนเรียบเท่ากันหมดเลยไม่รู้สึก นึกว่าแผ่นหลัง ขอโทษทีละกันนะ ” คำตอบนั้นทำให้หวานใจเลือดขึ้นหน้า คำก็เล็ก สองคำก็แบน นมก็นมของอีหวาน แต่ดันไปหนักกบาลอีตาศาลาวัดขี้เก๊กนี่ได้ นมใหญ่เดี๋ยวก็ยาน ไม้กระดานสิยั่งยืน ! เธอยกตัวขึ้นกระแทกสะโพกลงบนตักเขาทันที สารวัตรหนุ่มเกือบหลุดร้องออกไป ดีที่ยกมือขึ้นมาตะปบปากตัวเองเอาไว้ทัน แต่ก็ไม่วายจะบ่นคนบนตัก “ จะบ้าหรือไงหวาน ทำบ้าอะไรของคุณ กระแทกลงมาได้อย่างแรง จุกหมดแล้ว ” “ เอ้า นั่นเจี๊ยวคุณเหรอ ” “ เออสิวะ ” “ ขอโทษทีนะ ฉันไม่รู้ เพราะเท่าที่ตูดฉันได้สัมผัส นึกว่าหัวแม่โป้งเท้า ! ”

นิยายรักโรแมนติกตลกตำรวจโรแมนติกรักหวานๆดราม่า

ฝันร้ายคืนแล้วคืนเล่า

“ นี่มันที่ไหน มีใครอยู่บ้างครับ ! ”

เสียงทุ้มตะโกนก้องทำลายความเงียบสงัดจนน่าขนลุก หลังจากพบว่าตนเองเดินอยู่ท่ามกลางหมอกควันสีขาวคละคลุ้งหนาหนักจนมองไม่เห็นเบื้องหน้า อันที่จริงมันไม่สามารถเห็นได้ทั้งบนล่างซ้ายขวานั่นแหละ พูดให้ถูกก็คือเขากำลังเดินไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เหมือนคนตาบอดไม่มีผิด หากมีหลุมหรือหน้าผาเบื้องหน้าเขาก็มีสิทธิ์จะตกลงไปตายได้ง่าย ๆ

ชั้นบรรยากาศโดยรอบทึบหนัก ชายหนุ่มรู้สึกจุกแน่นที่หน้าอก คงจะเพราะความชื้นสัมพัทธ์มันเพิ่มขึ้นด้วยสายหมอกที่ขาวโพลนราวสุมควันไฟเพิ่ม ไม่ไหวแล้ว เขาไม่อยากเดินวนเวียนอยู่ในนี้อีกต่อไป เดินโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง จึงตัดสินใจหันหลังกลับ ทว่าเสียงเล็ก ๆ ร่ำเรียกให้ขาเขาหยุดชะงักแล้วหันขวับหาต้นเสียง

“ พี่คีรินจะไปไหนคะ จะทิ้งขวัญข้าวแล้วเหรอ ”

“ น้องขวัญ นั่นน้องขวัญเหรอคะ น้องอยู่ไหน พี่มองไม่เห็นอะไรเลย ” เขาพูดพลางสาวเท้าหาต้นเสียง ทว่าหมอกขาวยังคงหนาจัด

“ พี่คีรินไม่รักน้องแล้ว น้องจะไม่อยู่เป็นภาระก็ได้ ” เสียงหวานตัดพ้อล่องลอยมาแต่ไกลจับทิศทางไม่ได้ หัวใจพี่ชายเริ่มว้าวุ่นตื่นกลัว เขาวิ่งพล่านไปทั่ว ดวงตาสอดส่อง ปากกู่ก้องร้องเรียกไม่หยุดอย่างกระวนกระวาย

“ น้องขวัญ น้องอยู่ไหน ออกมาหาพี่เถอะ ”

ทว่าสิ่งที่ล่องลอยมามีเพียงเสียงสะอื้นไห้คร่ำครวญ หมอกเริ่มหนาหนักจนกระทั่งหนาวเหน็บ ลมหายใจของชายหนุ่มขาดเป็นห้วง ๆ สุดท้ายเขาจำต้องยอมแพ้

“ ไม่ไหวแล้ว ” เขาหันหลังกลับไปทางเดิม

พลันนั้นร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีขาวก็ปรากฏตรงหน้า ใบหน้าซูบซีดเงยขึ้น ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววเคียดแค้น ก่อนจะอ้าปากกว้าง โลหิตหลั่งไหลพร่างพรูย้อมชุดขาวที่สวมจนแดงฉาน แล้วตะโกนกรีดร้องเสียงแหลมจนเขาต้องยกมือขึ้นปิดหูเพราะมันเสียดแปลบเข้าไปในหัว

“ ไอ้เจค มันทิ้งขวัญ พี่ต้องไปฆ่ามัน มันต้องเป็นของขวัญคนเดียว รวมทั้งพี่ด้วย พี่ก็เป็นของขวัญคนเดียว ! ”

ร่างนั้นอ้าปากกว้างฉีกไปถึงใบหูแล้วพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มอ้าปากร้องด้วยความตื่นกลัว สะดุ้งเฮือกแล้วลืมตาโพลงทันที !

หมอกสีขาวหายไปหมดแล้ว เขากลับมาในบ้านในห้องนอนของเขาแล้ว เขาปลอดภัยแล้ว

“ มันแค่ฝันไป คีริน แค่ฝัน แค่ความฝัน ! ”

เขาพร่ำบอกตัวเองซ้ำ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อน้อยใหญ่ผุดพราย น้ำตาใสไหลออกทางหางตาอย่างไม่รู้ตัว หลากหลายอารมณ์ซัดซาดเข้าหาราวคลื่นทะเลลูกยักษ์เมื่อมีพายุคลื่นแล้วคลื่นเล่า

เขายกมือขึ้นโอบกอดร่างแกร่งกำยำเปลือยท่อนบนอันสั่นเทาของตน แล้วร่ำไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น

“ น้องขวัญ พี่ขอโทษ ขอโทษ... ”

***

“ สารวัตรนอนไม่หลับเหรอคะ เอ๊ย ครับ ทำไมขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้าเลย ” จ่าเข้ม ลูกน้องคนสนิทที่กายเป็นชายล่ำใหญ่แต่ใจช่างอ่อนนุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายเดินเข้ามาในสถานีตำรวจ

เขาเดินต่อไปนิ่ง ๆ ราวกับไม่ได้ยินคำทักทายใด ๆ ทั้งสิ้น

“ อะไรวะ แกเป็นอะไรของแก พักนี้ดูเหม่อลอยชอบกลนะจ่าเข้ม ผมว่าแกผอมลงด้วย แกเครียดอะไรของแกนักหนา คดีลักลอบค้ามนุษย์จากประเทศเพื่อนบ้านเราก็ปิดจบลงอย่างสวยงามแล้ว หรือแกจะไม่พอใจอะไร ” จ่าพล ลูกน้องอีกนายเอ่ยอย่างสงสัย จ่าเข้มไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่มองตามแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่หายวับไปในห้องด้วยความเป็นห่วง

จ่าเข้มนั้นนับได้ว่าเป็นลูกน้องคนสนิทที่สุด ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับสารวัตรคีรินมาเนิ่นนาน อีกฝ่ายเป็นคนตงฉิน จริงจัง ทุ่มเทกับงานด้วยชีวิต และเป็นคนรักษาสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพราะเขาถือคติว่า

‘ เราต้องปกป้องประชาชน ถ้าหากพลังกายพลังใจเราไม่พร้อม ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ’

แล้วเหตุใดวันนี้สารวัตรคีรินผู้สูงขาวผึ่งผายใหญ่กำยำ ใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวราวโอปป้าเกาหลี กลับมาห่อเหี่ยวเหมือนกะหล่ำปลีค้างคืน เข้มรับไม่ด๊ายยยย

“ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูสารวัตรหน่อยก็แล้วกัน ” จ่าเข้มเอ่ยขึ้นพลางสาวเท้าไปยังห้องพักของสารวัตร เคาะประตูเบา ๆ เป็นสัญญาณให้คนด้านในรู้ ก่อนจะผลักประตูเข้าไป