บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 คือเพื่อน 1.2

อัญญาณีไม่เคยรู้จักรักแรกพบ เธอจึงไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมีจริงหรือไม่ แต่เธอเชื่อในพรหมลิขิต เพราะการที่เธออยู่กินกับสามีมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก แต่เริ่มต้นมาจากพรหมลิขิตกำหนดไว้

เหมือนกับการพบเจอของตะวันกับหทัยชนกที่คลาดกันหลายครั้งในระยะเวลาหลายปี จะเจอก็ไม่เจอกันเสียที พอตะวันกลับ หทัยชนกจะมาสวนทางกันเสมอ แล้ววันนี้พรหมลิขิตก็ทำให้ทั้งสองเจอกัน อัญญาณีจึงคิดว่าการที่ทั้งสองพบเจอกันอาจจะเป็นคำสั่งของฟ้าเบื้องบน ซึ่งเธอเองก็ไม่อาจกางกั้นได้ เธอไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร อนาคตข้างหน้ามันจะสุขหรือเศร้า เหงาหรือทุกข์ รู้เพียงว่าตอนนี้เธอคงจะฝืนมนต์กามเทพไม่ได้

“ก็ได้ช่วยก็ได้ แต่แกต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำให้รุ้งเสียใจ”

อัญญาณีต้องการความมั่นใจ หทัยชนกไม่มีภูมิคุ้มกันเรื่องความรักหนาแน่นเหมือนใครๆ ไม่เคยรักใครมากก่อน ไม่เคยมีแฟน เธอกลัวว่าหากตะวันคบหากับหทัยชนกจริงๆ แล้ววันข้างหน้าตะวันทำให้เพื่อนสาวของเธอคนนี้เสียใจ จากคนที่สดใสอาจจะตรอมตรมและเจ็บเจียนตาย

“สัญญาลูกผู้ชายเลย” ตะวันกล่าวคำสัญญาเสียงหนัก

“ฉันเชื่อในคำสัญญาของแก แต่แกจำไว้อย่างนึงว่า หากวันหนึ่งวันใดแกผิดสัญญา คนที่จะเสียใจที่สุดก็คือฉัน เพราะแกกับรุ้งเป็นเพื่อนของฉัน ถ้าถึงเวลานั้นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่เรามีมาตลอดสิบกว่าปี มันอาจจะสั่นคลอนโดยไม่รู้ตัว ฉันไม่อยากให้มีวันนั้นนะตะวัน ถ้าแกไม่มั่นใจว่ารุ้งคือคนที่ใช่ก็อย่าจีบ ฉันไม่อยากเสียเพื่อน แล้วไม่อยากให้รุ้งเจ็บ”

อัญญาณีในฐานะคนกลาง หันซ้ายก็คือเพื่อน หันขวาก็คือเพื่อน เธอยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเพื่อนทั้งสองคน ความลำบากใจ ความเสียใจ ความผิดหวังอาจจะมีมากกว่าใครๆ เพราะอัญญาณีคือสื่อกลางที่ทำให้คนทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางใจที่ดีต่อกัน สาวอ้วนจึงอยากให้ตะวันถามหัวใจตัวเองก่อนว่าหทัยชนกคือคนที่ใช่หรือไม่

“รุ้งคือคนที่ใช่สำหรับตะวัน เพียงแค่มองครั้งแรกหัวใจของตะวันก็บอกอย่างนั้น” ตะวันพูดให้เพื่อนตัวอ้วนมั่นใจ

“กว่าจะถึงตอนนั้นจีบรุ้งให้ได้ก่อนดีกว่า รู้หรือเปล่าว่ามีผู้ชายหล่อๆ รวยๆ มาจีบรุ้งตั้งหลายคน แต่รุ้งไม่สนใจผู้ชายพวกนั้นเลย แกจะเข้าไปอยู่ในจำนวนผู้ชายเหล่านั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ตัวแกเองนะ ฉันก็ช่วยได้เท่าที่ฉันจะทำได้”

อัญญาณีพูดตามความเป็นจริง ทุกสิ่งอย่างมันขึ้นอยู่ความพยายามของตะวัน รวมทั้งตัวของหทัยชนกเองด้วย เธอเป็นเพียงสื่อกลางเท่านั้น

“ตะวันจะพยายาม” ตะวันพูดอย่างตั้งมั่น อัญญาณีไม่พูดอะไรต่อ ก้าวเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อหาซื้อของบริโภคตามที่ตนเองต้องการ จากนั้นก็เดินกลับมายังบ้านเช่าพร้อมกับอาหารการกินหลายอย่าง

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากที่เครื่องดื่มและอาหารที่เจ้าของวันเกิดเดินออกไปซื้อเพิ่มเติม หมดลงในเวลาเกือบเที่ยงคืน และนั่นก็เป็นเวลาที่เพื่อนๆ ของอัญญาณีกลับบ้าน

“รุ้งจะกลับยังไงล่ะ แท็กซี่หรือว่าให้คนที่บ้านมารับ?” สาวอ้วนถามสาวหุ่นดี เพราะวันนี้เพื่อนสาวไม่ได้นำรถส่วนตัวมา

“ว่าจะกลับแท็กซี่น่ะ พอดีวันนี้น้าแมนต้องขับรถพาอาเจ็กไปพิษณุโลก กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เย็นๆ ”

“อันตรายนะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เกตุเป็นห่วงรุ้งนะ ถ้าหากรุ้งจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านคนเดียว”

อัญญาณีห่วงความปลอดภัยของเพื่อนสนิท หทัยชนกไม่เคยนั่งรถแท็กซี่เวลาดึกสงัดแบบนี้ ดึกมากที่สุดก็สองทุ่ม แต่นี่เวลาล่วงเลยไปกว่าเที่ยงคืน อัญญาณียอมรับว่าไม่ไว้ใจให้เพื่อนสาวแสนซื่อคนนี้กลับบ้านตามลำพัง

“เดี๋ยวตะวันไปส่งเองก็ได้” ตะวันที่หาจังหวะพูดอยู่นาน รีบพูดแทรกขึ้นทันที

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจ” หทัยชนกพูดด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนที่มองอย่างตะวันใจสั่นรัว

“ไม่ต้องเกรงใจ ตะวันเต็มใจ”

“รุ้งไม่รู้ว่าบ้านของตะวันอยู่ที่ไหน ถ้าเผื่อไปคนละทางกับตะวัน ตะวันอาจจะเสียเวลาได้ รุ้งว่ารุ้งกลับเองดีกว่าคะ”

หทัยชนกกล่าวด้วยความเกรงใจ เธอกลัวว่าบ้านของตะวันจะอยู่คนละทิศกับบ้านของเธอ เพราะนั่นจะทำให้ตะวันต้องเสียเวลาและอาจจกลับบ้านดึกได้

“ไม่เป็นไร ตะวันจะสบายใจมากกว่าถ้าได้ไปส่งรุ้งที่บ้าน ผู้หญิงตัวคนเดียวนั่งแท็กซี่มันอันตราย ให้ตะวันไปส่งนะ ว่าแต่บ้านรุ้งอยู่แถวไหนล่ะ?” ตะวันยังคงตื้อที่จะไปส่งสาวน่ารักตรงหน้าให้ได้

“อยู่แถวๆ เยาวราช”

“บ้านของตะวันอยู่หัวลำโพง ใกล้ๆ กันเลย ไม่ลำบากเลยสักนิดเดียว”

มันช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ บ้านของตะวันอยู่หัวลำโพงซึ่งระยะทางไม่ห่างจากเยาวราช บ้านของหญิงสาวที่เขาคิดจะจีบ

โชคเข้าข้างเหลือเกิน...ตะวันคิดในใจ

“แต่รุ้งว่า...” เสียงของหทัยชนกค้างเติ่งเพราะเสียงของเจ้าของบ้านดังทับเสียงของเธอ

“ให้ตะวันไปส่งดีแล้วรุ้ง จริงอย่างที่ตะวันพูด นั่งรถแท็กซี่ดึกๆ มันอันตราย อีกอย่างบ้านรุ้งกับบ้านตะวันไม่ไกลกันมากนัก ไม่ต้องห่วงว่าตะวันจะกลับบ้านดึกหรอก”

เมื่อได้ยินคำพูดของอัญญาณี ทำให้หทัยชนกไม่อาจปฏิเสธน้ำใจที่ตะวันหยิบยื่นให้ได้ ยินยอมให้ตะวันไปส่งตามความตั้งใจ แม้ว่าตนเองจะยังมีความรู้สึกเกรงใจก็ตาม

“ก็ได้ รุ้งจะให้ตะวันไปส่ง” รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของตะวัน หลังจากที่ได้ยินคำตอบรับของคนที่ตนเองแอบชอบ

“ไอ้ตะวัน ขับรถไปส่งรุ้งดีดีล่ะ ส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านเลยนะ” สาวอ้วนไม่วายกำชับตะวัน

“รู้แล้วน่า รับรองส่งถึงประตูบ้านเลย” หนุ่มชาวใต้ตอบรับด้วยเสียงปี่ยมสุข “ตะวันไปก่อนนะเกตุ เดี๋ยวว่างๆ จะมาหา” ตะวันเอ่ยลาเจ้าของวันเกิดที่เดินมาส่งหน้าประตูรั้วบ้าน

“เกตุรุ้งไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาหา” หทัยชนกล่ำลาพร้อมกับนัดหมาย

“จ้า พรุ่งนี้เจอกัน” สิ้นเสียงของอัญญาณี เพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนก็เดินไปยังรถยนต์ของตะวัน ก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนตัวออกจากหน้าประตูรั้วบ้านของสาวอ้วนทันที่ตะวันกับหทัยชนกนั่งประจำที่

รอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนใบหน้าของอัญญาณีที่ยืนมองตามท้ายรถยนต์คันนั้น ที่แล่นผ่านออกไปจากบ้านของตนเอง พลางนึกอย่างขบขันว่า ตะวันและหทัยชนกเป็นเพื่อนของเธอทั้งคู่ แต่ทั้งสองก็ไม่เคยพบกันแม้แต่ครั้งเดียว คลาดกันไปคลาดกันมาอยู่อย่างนี้

ตะวันจะรู้จักหทัยชนกเพียงแค่ชื่อ ที่ออกมาจากปากของเธอยามพูดถึงเพื่อนสาวคนนี้เท่านั้น ส่วนหทัยชนกก็เช่นกัน รู้จักเพียงชื่อยามที่อัญญาณีพูดถึงตะวัน

แต่วันนี้ทั้งสองได้รู้จักกันแล้ว และการรู้จักกันในครั้งนี้จากการแนะนำตัวในฐานะเพื่อนกำลังจะเลื่อนเป็นอย่างอื่น เพราะมีศรรักปักลงกลางใจของตะวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตะวันเพียงคนเดียว ขึ้นอยู่กับหทัยชนกด้วยว่าจะเปิดใจยอมรับตะวันหรือไม่

ไม่นานคงรู้กัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel