บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

มิสซิสเลอบลังฃ์พูดจบก็กระเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจในตัวเอง

“ขอโทษนะ ที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ให้คุณฟังหรอก เดี๋ยวจะเบื่อเสียก่อนที่จะได้เห็นห้อง...ตามฉันมาทางนี้ค่ะ”

“โอ...ขอรับรองได้เลยค่ะ ว่าที่คุณนายเล่ามาทั้งหมด ฉันไม่ได้เบื่อที่จะฟังเลย ยังมีอะไรอีกตั้งมากมายที่ฉันควรจะต้องเรียนรู้” โจลี่พูดยิ้มๆ ดวงตากลมโตแวววาวขึ้นด้วยความพอใจ “จากเรื่องย่อๆที่คุณนายเล่ามานี่ ฉันก็เริ่มรู้สึกสนใจมากขึ้นแล้วละค่ะ”

“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ” สตรีวัยกลางคนร่างท้วมเดินนำเข้าไปในห้องโถงกลางของชั้นบน ซึ่งมีขนาดกว้างพอๆกับห้องชั้นล่าง “ห้องน้ำอยู่ปลายห้องโถงนี่นะคะ แล้วนี่ก็เป็นห้องส่วนตัวของคุณ”

เมื่อเปิดประตูให้แล้ว มิสซิสเลอบลังฃ์ก็ก้าวเลี่ยงเพื่อให้โจลี่ได้เดินเข้าไปในห้องนั้นก่อน

“โอ้โฮ...ห้องนี้ใหญ่มากทีเดียวค่ะ”

โจลี่ไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดอย่างไร เพื่อที่จะอธิบายให้คุณนาย เลอบลังฃ์ได้ทราบว่า ที่จริงแล้วเธอต้องการห้องพักที่มีขนาดเพียงแค่ครึ่งของห้องนี้เท่านั้น หน้าต่างบานใหญ่มากสองบานสูงตั้งแต่พื้นห้องจรดเพดาน ตรงมุมหนึ่งใกล้หน้าต่าง มีโต๊ะตัวเล็กกับเก้าอี้นวมตั้งเรียงกันอยู่ คล้ายกับจะจัดขึ้นเป็นส่วนที่ใช้รับแขกส่วนตัว

นอกจากนั้นยังมีเตียงเดี่ยวกับโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำด้วยไม้เมเปิลขนาดใหญ่และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆตั้งอยู่ทั่วทั้งห้อง บนพื้นปูด้วยพรมสั้นสีต่างๆ ซึ่งแข่งสีอยู่บนพื้นไม้ที่ลงน้ำมันขัดไว้เป็นเงางาม บนเตียงก็คลุมด้วยผ้าดอกลายพิมพ์สีสันสดใส บอกให้รู้ถึงความเป็นคนช่างแต่งห้องของเจ้าของบ้าน

“นี่เป็นห้องของลูกสาวคนโตฉันเอง แต่เดี๋ยวนี้เข้าแต่งงานไปแล้ว” มิสซิสเลอบลังฃ์อธิบาย “ห้องนี้กว้างขวางพอที่คุณจะใช้ทำกิจกรรมส่วนตัวได้ โดยไม่ต้องขดตัวอยู่แต่ในห้องเล็กๆ”

“คุณนายมีลูกหลายคนหรือคะ?” โจลี่เอ่ยถาม ขณะเดินไปเปิดประตูที่ซ่อนอยู่ด้ายหลังและมองเห็นว่าภายในเป็นตู้เสื้อผ้าแบบติดผนัง ซึ่งเพิ่มความพอใจให้กับเธอมาก

“ห้าคนค่ะ ลูกสาวสองคนแรกแต่งงานไปแล้ว ส่วนคลอดีนยังอยู่กับเรา แล้วก็ยังมีน้องสาวของเขาอีกคนชื่อมิชเชล คนนี้เป็นครู สอนอยู่โรงเรียนใกล้ๆนี่แหละ กายก็คือลูกชายคนสุดท้องของเรายังไงล่ะ”

“เขาว่ากันว่า ลูกคนสุดท้องมักได้รับการตามใจจนเสียเด็กละครับ” กายซึ่งยื่นหน้าเข้ามาในห้องพูดแกมหัวเราะ “ผมเข้าไปได้หรือยังครับนี่ ผมไม่อยากขัดคอเวลาที่แม่ยกย่องชมเชยผมให้คุณโจลี่ สมิทฟัง”

“อย่างน้อยเขาก็ยอมรับละว่าเขามันเสียเด็กไปแล้ว” มิสซิสเลอบลังฃ์หลิ่วตาให้โจลี่ ฝ่ามืออูมๆกวักเรียกลูกชายให้เข้ามาในห้อง “เอากระเป๋าเดินทางเข้ามาสิกาย แขกของเราจะได้จัดเสื้อผ้าเข้าที่”

เขายกกระเป๋าเดินทางเข้ามาวางไว้ให้ข้างเตียง แต่ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สีเข้มก็จ้องมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ซึ่งโจลี่รู้ดีว่าเขามีเจตนาที่จะทำให้เธอต้องรู้สึกระทึกใจด้วยเสน่ห์ทีเขาใช้เป็นอาวุธ แต่ปรากฏว่าหัวใจของเธอยังคงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กายทำท่าถอนใจราวกับไม่เต็มใจจะออกจากห้อง แต่ก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า เขาจะลงไปรอเธออยู่ข้างล่าง

ทันทีที่กายลับตาไป มิสซิสเลอบลังฃ์ก็หันมาหัวเราะกับโจลี่

“ลูกชายฉันน่ะเขาเป็นนักรัก เอาละ...ฉันจะปล่อยให้คุณจัดเก็บเสื้อผ้าเสียก่อน เราจะทานอาหารกลางวันกันเป็นเครื่องเย็นตอนบ่ายโมงตรง ห้องทานอาหารอยู่ชั้นล่าง พอลงบันไดไปแล้วจะอยู่ตรงประตูที่สองขวามือนะคะ”

“คุณไม่ได้ทำงานหรอกหรือคะ กาย?” โจลี่ถาม

“มันเป็นอาชกรรมไหม ถ้าผมจะไม่ทำงาน?” เขากลับย้อนถามล้อๆ จับเธอหนีบไว้ใต้ท้องแขนแน่นกระชับขณะเดินไปตามบาทวิถีด้วยกัน

“ไม่หรอก เพียงแต่รู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์” โจลี่ตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“แล้วมันทำให้คุณรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า ที่ผมไม่ได้มีอาชีพอะไรเป็นหลักเป็นฐาน?”

“เอ๊ะ...ทำไมฉันจะต้องรู้สึกผิดหวังด้วยล่ะ?”

“ก็เพราะว่า จากที่ผมฟังคุณเล่ามา มันก็ทำให้ผมรู้ได้ว่า คุณมาจากครอบครัวที่ทุกคนต่างทำงานกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น คนเกียจคร้านก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีว่า ตัวเองจะได้รับการยอมรับนับถือจากคุณบ้างหรือเปล่า...เอาละ...ในเมื่อผมไม่ต้องการให้คุณไร้เมตตากับผมถึงขนาดนั้น ผมก็จะขอสารภาพว่า ปัจจุบันนี้ผมเป็นสมุห์บัญชีให้กับบริษัทเล็กๆของตัวเอง ที่มีอยู่กับเขาบริษัทหนึ่ง พอใจหรือยัง?”

โจลี่รู้ดีว่าตัวเองได้แสดงความแปลกใจออกมาให้เขาเห็นอย่างชัดเจน แต่เธอก็ไม่อาจปิดบังความรู้สึกนั้นไว้ได้ ที่จริงแล้ว กาย เลอบลังฃ์ ในสายตาของเธอ ไม่ใช่ผู้ชายที่มีบุคลิกจะเป็นสมุห์บัญชีได้เลย ท่าทางเขาน่าจะเป็นเซลล์แมนมากกว่า

“แหม...ไอ้สีหน้าไม่เชื่อของคุณนี่ มันทำให้ผมรู้สึกเสียศักดิ์ศรีชะมัดเลย” แววตาเขาเครียดขรึม ราวกับรู้สึกน้อยใจขึ้นมาจริงๆ “อันที่จริงมันก็สมเหตุสมผลอยู่หรอก ผมเป็นนายตัวเอง ไม่มีใครมาคอยบังคับบัญชา ว่าจะต้องทำงานเมื่อไรหรือหยุดเมื่อไร นอกจากผมจะสั่งตัวเองเท่านั้น บางที...มันก็ดูเหมือนผมไม่ได้ทำอะไรเลย แต่บางครั้งก็แทบไม่มีเวลาว่างเลยเหมือนกัน ซึ่งก็ตอนช่วงเวลาที่ผมไม่มีอะไรทำนี่แหละ ที่ผมสามารถจะพาพวกสาวๆสวยๆเที่ยวชมเมือง พาไปดูสถานที่ที่น่าสนใจต่างๆ ซึ่งมันสะดวกมากทีเดียว คุณว่าไหมล่ะ?”

“ฉันคิดว่าคุณพยายามวาดภาพตัวเองให้ดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญมากกว่าที่คุณเป็นอยู่จริงๆมากกว่า” โจลี่มองหน้าเขา รอยยิ้มอย่างรู้ทันฉาบอยู่บนเรียวปาก ลักยิ้มกดลึกลงสองข้างแก้ม

“อ้าว...ก็ผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายลักษณะที่ว่านั่นนี่นา...เจ้าสำราญนิดๆ เสเพลหน่อยๆ...มันคล้ายกับได้ลองลิ้มชิมรสผลไม้ต้องห้าม แล้วก็อีกอย่างหนึ่งนะ ผู้หญิงน่ะเป็นเพศที่ชอบจะจัดการปรับปรุงแก้ไขนิสัยผู้ชายอยู่ทุกขณะที่สามารถทำได้ พวกเธอจะมีความสุขมากถ้าได้ดัดนิสัยผม...เพราะกลัวว่าผมจะออกนอกลู่นอกทาง...” กายหลิ่วตาให้ “ แต่ว่านั่นมันก็เป็นธรรมชาติของผมอยู่แล้วละ”

“แต่ก็คงมีอยู่หลายคนหรอกนะคะที่พอจะเอาตัวรอดปลอดภัยจากคุณได้” โจลี่ว่า”สำหรับตอนนี้ละก็ใช่...” เขาปล่อยมือเธอลง “ผมมีความรู้สึกว่าคุณอาจทำได้นะ”

“ฉันน่ะหรือคะ?” โจลี่หัวเราะออกมาเบาๆ “เพราะอะไรล่ะ?”

“ก็เพราะว่า...คุณสามารถทำให้ผู้ชายคิดอยากเปลี่ยนนิสัยตัวเองเสียใหม่น่ะสิ” แววในดวงตาเคร่งขรึมบอกความจริงจังในคำพูดที่เอ่ยออกมา

“ตลอดเวลายี่สิบเอ็ดปีที่ฉันมองภาพตัวเองในกระจกเงา ฉันก็พอรู้หรอกค่ะว่าตัวเองไม่ได้มีความสวยมากพอที่จะทำให้ผู้ชายถึงกับเหลียวหลังกลับมามองได้” โจลี่พูดยิ้มๆ “เพราะฉะนั้น คำที่คุณมายอฉันอยู่เวลานี้มันไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกค่ะ คุณกาย เลอบลังฃ์”

“เปล่า นี่ผมพูดความจริงนะ ถ้าคุณไปนั่งรวมอยู่ในหมู่ผู้หญิงสวยที่สุดในโลกทั้งหลายนั้น คนที่ผู้ชายจะจำหน้าได้ก็คือคุณนั่นเอง เพราะคุณทำให้เขารู้สึกถึงความมีชีวิตจิตใจได้ มันอาจจะดูเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอยู่...ผมยอมรับ...แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะอธิบาย ถึงส่วนผสมระหว่างใบหน้าตกกระแบบเด็กผู้ชาย ลักยิ้มสองข้างแกมกับดวงตาอ่อนหวานสีน้ำตาล ผู้ชายจะต้องคิดหนักเชียวละเมื่อเขาเห็นคุณเข้า” กายพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แต่ก็เป็นผู้หญิงประเภทที่คุณจะแค่พาไปรู้จักกับแม่เท่านั้น” โจลี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ขณะเดียวกันก็ออกจะปลื้มกับคำพูดอย่างสุจริตใจของเขา แต่ก็เช่นเดียวกับผู้หญิงทั้งหลายในโลก ที่อยากจะให้ตัวเองมีความงามแบบที่จะทำให้ผู้ชายบังเกิดความระทึกใจขึ้นมาหรือหัวหมุนเมื่อคิดเลยไปถึงสิ่งอื่นนอกเหนือจากการที่จะต้องพบกับคำว่า “แม่”

“อันที่จริงคุณควรจะพูดว่า คุณเป็นผู้หญิงประเภทที่ผู้ชายทุกคนภาคภูมิใจ ที่จะพาไปแนะนำให้รู้จักกับแม่มากกว่า” กายกล่าวแก้คำพูดของเธอ

“ฉันคิดว่าคุณจะต้องพบกับความไม่พอใจที่ขาดคู่แข่งมากกว่า” ขณะนี้ การสนทนาดูจะกลายเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมให้เกิดขึ้นมากกว่าโจลี่ต้องการเสียแล้ว เธอเตือนตัวเองว่า ควรเปลี่ยนเรื่องพูดได้แล้ว

“อ๋อ...ผมต้องมีคู่แข่งแน่ แล้วก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเสียด้วยสิ” เขาสูดลมหายใจลึกเมื่อกล่าวคำพูดนั้นออกมา

“ถ้าเช่นนั้น ฉันก็ควรจะได้พบเขาเสียหน่อย จะได้รู้ว่าที่คุณพูดมีความจริงแค่ไหน” โจลี่ยั่วเย้า “ว่าแต่...เขาชื่ออะไรล่ะ?”

“โอ...ไม่...ไม่...คุณจะไม่มีวันรู้ชื่อเขาจากปากผมหรอก” กายพูดเสียงเบา “ยิ่งกว่านั้นเขาก็แก่มากแล้ว มีประสบการณ์เหนือคุณไม่รู้กี่ชั้น คุณอยู่กับผมรับรองว่าปลอดภัยกว่า”

“เอ๊ะ...แล้วทำไมคุณถึงต้องยอมรับเขาขนาดนั้นล่ะ?”

“คือ...ผมกำลังคิดไปถึงพี่สาวผมคนหนึ่ง ที่แทบจะตราเครื่องหมายไว้บนตัวเขาได้เลยว่า จะไม่มีใครอื่นบังอาจมาแย่งสมบัติชิ้นนี้ของเธอไปได้...นั่นประการหนึ่งละนะ...อีกประการหนึ่งก็คือ ผมไม่คิดว่า...เขาจะปล่อยให้ความเป็นคนไร้เดียงสาของคุณผ่านเขาไปง่ายๆ ดังนั้น คุณโปรดระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน” กายพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่ยืนยันว่า คำพูดของเขาจะต้องเป็นความจริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel