บทที่ 1.3 พี่คะหนูท้อง
เฌอปาดน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีออกจากพวงแก้มและตาอย่างลวก ๆ จิกตามองน้องสาวต่างสายเลือดเพื่อเค้นถาม ก่อนที่มันจะเอาไปพูดให้น้าเพียบกับพ่อฟัง
“แม่ ! ยายเฌอท้องอะแม่ มันท้อง !”
เสียงของยายตัวแสบดังไปทั่วบ้าน เผลอ ๆ อาจจะดังไปถึงข้างบ้านเลยด้วยซ้ำ เล่นเอาเธอโกรธจัดผลักเกลจนตัวไปกระแทกกับผนัง ก่อนจะเข้าไปตบตีซ้ำอีกรอบพร้อมกับเสียงตวาดและร้องไห้
เธอไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใครง่าย ๆ แต่เธอเครียดกับเรื่องนี้จนหัวแทบระเบิดแล้ว คิดหาทางออกไหนก็ไม่เจอ มันทำให้สติของเธอกระเจิงไปหมด ถือว่ายายเกลคือที่ระบายความเครียดทั้งหมดแล้วกัน
“หยุดเดี๋ยวนี้ !” เสียงตะคอกของเพียบดังขึ้น ร่างของเฌอถูกกระชากออกจากตัวของเกลแล้วถูกผลักให้ล้มลงไปกองกับพื้น
เธอไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครก่อน ไม่ชอบการใช้กำลังมากกว่าสมองแต่ตอนนี้สมองเธอมันเหมือนใช้งานไม่ได้ชั่วขณะ ในเมื่อยายเกลรนหาที่ก็รับแรงระบายนี้ไป
“แม่ มันตบเกลแม่ ฮืออ”
“มาตบลูกฉันทำไม ! ลูกฉันไปทำอะไรให้ !” แม่เลี้ยงใจร้ายทำท่าจะถลาเข้ามาหาเธอ มือวาดขึ้นกลางอากาศ ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งขัดขึ้น
“มีอะไรกัน”
“พ่อ ยายเฌอมันท้อง เกลได้ยินมันคุยโทรศัพท์ แล้วมันก็โกรธที่เกลรู้ ก็เลยไล่ตีเกลแบบนี้”
คำบอกเล่าของเกลทำให้ภาคภูมิเงียบไปชั่วขณะ ค่อย ๆหันมาทางลูกตัวเองเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกเลี้ยง
“ท้องอะไรกันเฌอ”
เฌอริตาเงียบ นั่งอยู่กับพื้นไม่ยอมลุกไปไหน เรี่ยวแรงที่มีก่อนหน้านี้มันหายไปหมด เมื่อเรื่องที่เฌอหนักใจอย่างแสนสาหัสถูกเปิดเผยให้ผู้เป็นพ่อรู้ มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอกลัวที่สุด กลัวที่จะบอกกับบุพการี แต่แล้วสุดท้ายเขาก็ต้องรู้
ตอนนี้พ่อรู้จากปากคนอื่นที่พร้อมจะขย้ำซ้ำเติมกันแล้ว
“ขะ…ขอโทษ หนูขอโทษ”
ดวงตากลมโตที่แดงก่ำสั่นระริกมองบุพการี ผู้ชายคนเดียวที่เธอเรียกว่าครอบครัวได้ แต่ไม่รู้มันจะยังเป็นแบบนั้นอยู่อีกหรือเปล่าเมื่อเธอได้เห็นแววตาแห่งความผิดหวังของพ่อ
“แกท้องกับใคร !”
เธอหลุบตาต่ำ ร่างกายสั่นสะท้านไปตามจังหวะลมหายใจที่เข้าออกอย่างหนักหน่วง มันจุกที่คอ แน่นที่อก พูดไม่ออกไม่มีคำตอบให้ผู้เป็นพ่อ น้ำตาไหลเต็มสองแก้ม เปียกปอนไปถึงเสื้อยืดรัดรูปผ้าเรยอนที่สวมใส่จนมันเป็นวงใหญ่
จะให้ตอบว่าอย่างไร
ใครสักคนที่เธอเองก็ไม่รู้จัก ผู้ชายที่เจอร้านเหล้าตอนหนีเที่ยวหรือคนแปลกหน้าที่นอนด้วยกันตอนเมา
คำตอบไหนก็ไม่น่าฟัง แค่คิดจะพูดออกไปยังรู้สึกสมเพชตัวเอง แม่เลี้ยงก็รอซ้ำเติมหน้าระรื่นอยู่ด้านหลัง ลูกของหล่อนก็ยังยิ้มในสถานการณ์แบบนี้ได้ คิดว่ามีใครบ้างที่จะรับฟังปัญหาของเธอ
“ฉันถามว่าใคร !”
ภาคภูมิโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า ยิ่งเห็นท่าทียอมรับความผิดแบบนั้นเขายิ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่ รู้สึกผิดหวังกับลูกสาวเพียงคนเดียวที่เขาอยากฝากฝังชีวิตในบั้นปลายเอาไว้ให้ ขอร้องอ้อนวอนอยากเรียนมหาวิทยาลัยก็ให้เรียน ทั้งที่พ่อก็ไม่มีปัญญาส่ง ด้วยรับปากว่าจะหาเงินเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นลูกสาวตั้งใจเรียนมาตลอด ถึงแม้จะเริ่มหัวรั้นบ้างกับเมียใหม่เขา แต่เฌอก็ไม่เคยทำตัวเหลวไหลเลยสักครั้ง มีกลับบ้านดึกบางทีเพราะงานกลุ่มงานโรงเรียน ไม่เคยมีเรื่องผู้ชายผ่านหูให้ได้ยิน วันนี้เขาถึงอดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะใช้กำลังออกไปด้วยความโกรธ
ฝ่ามือหนาฟาดลงข้างแก้มนวลผ่อง จนเฌอริตาต้องยกฝ่ามือเล็กขึ้นมาแนบไว้เพราะร้อนวาบจนชา มันเจ็บ แต่ก็ไม่เท่ากับตรงนั้น ที่อกข้างซ้ายของเธอ ก้อนเนื้อในนั้นมันเจ็บจนจุก คล้ายจะหายใจไม่ออก
“ถ้าแกอยากมีผัวก็ไม่ต้องเรียน หาเงินเลี้ยงลูกแกเอง ไม่ต้องมาพึ่งพาฉันอีก นังลูกไม่รักดี ! ฉันเลี้ยงแกมาอย่างดีอยากให้แกเป็นฝั่งเป็นฝา กลับมาเลี้ยงดูฉัน แล้วดูสิ่งที่แกทำกับฉัน !”
“พี่ภูมิ ใจเย็นก่อนนะ” น้าเพียบเอื้อมมือมาแตะที่แขนของพ่อเธอ แต่เธอดูออกว่าหญิงวัยห้าสิบทำไปอย่างนั้น เพราะนัยน์ตาคู่นั้นมันแฝงไปด้วยความสะใจจนเธอดูออก
“ออกไปจากบ้านนี้ ออกไปให้พ้นหน้าฉัน !”
“พ่อ…”
“มีปัญญาหาผัวทำลูก แกก็หาเงินเลี้ยงมันเอาเอง หรือถ้าแกไม่มีปัญญาก็ไปหาเงินเอาออก อย่ามาทำให้ฉันเดือดร้อน”
คนตัวเล็กยืนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทุกคนค่อย ๆ หันหลังให้เธอจนกระทั่งไม่เหลือใครเลย แม้แต่คนที่เธอคิดเอาไว้ว่าเป็นเพียงคนเดียวที่เธอจะพึ่งพาได้ กลับเป็นคนที่ใจร้ายที่สุดในตอนนี้
ถ้าแม่ยังอยู่ แม่จะพูดกับเฌอแบบนี้ไหม แม่จะตบตีเฌอแบบนี้หรือเปล่า แต่ทั้งหมดนี้มันเกิดจากตัวหนูเอง หนูทำตัวแย่จนไม่น่าให้อภัย ทำเรื่องที่พ่อรับไม่ได้จนต้องตบหนูต่อหน้าคนที่เขาเกลียดหนูแบบนี้
เฌอริตากลืนก้อนสะอื้นยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อ คิดตัดพ้อและโทษตัวเธอเองอยู่ในใจ เป็นเพราะเธอเองที่ทำให้พ่อผิดหวัง มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะขอให้พ่ออภัยให้เธอแล้วจบได้เลย