ฆ่าตัวตาย
เช้าวันต่อมา....
อลิซ..
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเพราะเมื่อคืนเอาแต่คิดมากเรื่องเตวิช พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็หันไปมองหาน้องติณณ์แต่ปรากฏแกไม่อยู่บนที่นอนฉันรีบลุกจากที่นอนอย่างไวเพราะปกติถ้าแกตื่นก่อนแกจะปลุกฉัน แล้วนี่แกห่ยไปไหน
"ปะป๊าค๊าบผมหิวแล้วน๊าาา"
"แป๊บครับ ปะป๊ากำลังทอดไส้กรอกให้อยู่ครับ"
"เร็วๆนะค๊าบเดี๋ยวเราต้องไปเที่ยวสวนสนุกกันอีก"
"ครับลูก"
เสียงสนทนาที่ดังอยู่ด้านนอกห้องนอนทำให้ฉันนึกขึ้นได้คือฉันลืมไปเลยว่าเตวิชมานอนที่นี่เมื่อคืน ฉันเดินออกมาจากห้องนอน คือห้องพักที่ฉันจองมันเป็นห้องสูทแยกสัดส่วนมีห้องนอนห้องรับแขกห้องครัวเล็กๆไว้ให้ ฉันแอบมองเตวิชที่กำลังยืนหันหลังทำอาหารส่วนน้องติณณ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าวมือถือช้อนกับส้อมเพื่อรอทานอาหารเช้า
"นายทำอะไรให้ลูกทานเหรอ" ฉันเดินเข้าไปถามเตวิชที่กำลังขะมักเขม้นทอดไส้กรอกซึ่งบนเคาท์เตอร์มีจานที่ใส่ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง แล้วก็มีผักสลัดเล็กน้อยอยู่มุมจานอยู่สามจาน
"อาหารง่ายๆน่ะ ฉันทำเผื่อเธอด้วยนะ ของเธอไข่ดาวสุกๆไส้กรอกเกรียมๆใช่มั้ยฉันจำได้"
"อืม ขอบคุณนะที่ยังจำได้"
"เรื่องของเธอฉันไม่เคยลืมหรอกนะ" เขาตอบพร้อมกับหันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มให้ แต่ฉันก็ทำเป็นไม่ใส่ใจเดินไปหาลูกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
"แม่ค๊าบวันนี้ปะป๊าจะพาไปเล่นสวนสนุกอีกแม่ไปด้วยนะค๊าบ"
"ได้ครับลูก^^" อะไรที่ทำให้ลูกมีความสุขฉันก็ไม่อยากขัดใจแม้ว่าฉันไม่ได้อยากไปไหนมาไหนกับเตวิชก็ตาม
เราสามคนนั่งทานอาหารเช้าพร้อมกัน อยากจะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราสามคนนั่งทานอาหารเช้าพร้อมกัน ฉันสังเกตน้องติณณ์ดูแกมีความสุขมากที่ได้ทานอาหารเช้าฝีมือปะป๊าของแกเพราะแกเอาแต่ชมว่าปะป๊าทำอาหารอร่อย ส่วนเตวิชก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ลูกชม ส่วนฉันก็นั่งทานแบบเงียบๆเพราะไม่รู้จะคุยอะไร ฉันลอบมองหน้าเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเตวิชคอยป้อนอาหารคอยเช็ดมุมปากลูกที่เลอะซอสมะเขือเทศ เขาก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีเหมือนกัน ทั้งทำอาหารทั้งป้อนทัังดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ฉันหวังว่าถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่เขาคงจะดูแลและทำหน้าที่ของพ่อได้ดี
"ปะป๊าค๊าบผมอยากให้ปะป๊าทำอาหารเช้าให้ผมกับแม่ทานทุกวันเลยค๊าบ^^"
"ได้สิครับ^^" เขารับปากลูกทันทีทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเดือนหน้าฉันกับลูกก็ต้องกลับอังกฤษแล้ว ส่วนเรื่องที่คุยกันฉันก็ไม่ได้ลืมหรอกนะแต่ฉันต้องคุยกับพ่อก่อนว่าท่านจะว่ายังไงถ้าฉันจะแบ่งเวลาให้เตวิชได้อยู่กับลูกบ้าง ฉันหวังว่าพ่อจะเข้าใจ
ขณะที่เรากำลังทานอาหารเสียงมือถือของเตวิชก็ดัง เขาลุกไปหยิบแล้วกดรับ
"สวัสดีครับ เหรอครับ ฟื้นแล้วเหรอครับ ได้ครับได้ เดี๋ยวผมจะรีบไปที่โรงพยาบาล" ฉันเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่าโรงพยาบาล ฉันไม่รู้ว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า
"ใครเป็นอะไรเหรอ" ฉันเผลอถามเขาไปทั้งที่ไม่ได้อยากถามหรืออยากคุยอะไรกับเขาแต่เพราะคิดว่าอาจจะเป็นพ่อหรือแม่ของเขาไม่สบายหรีอเปล่า
"ก็เป็นคนที่วิ่งตัดหน้ารถฉันเมื่อคืนไงที่ฉันบอกเธอไปว่าฉันประสบอุบัติเหตุน่ะ"
"นายขับรถชนคนเหรอ"
"ไม่ได้ชนแต่เธอวื่งมาตัดหน้ารถ"
"เธอนี่..ผู้หญิงเหรอ" ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงพูดออกไปแบบนั้นเหมือนกัน คือปากมันไปเอง
"อื้มใช่ผู้หญิงอายุน่าจะยี่สิบกว่า พอดีเมื่อคืนเธอสลบไม่ได้สติแล้วเธอก็ไม่มีข้อมุลอะไรติดตัวเลยฉันก็เลยรับเป็นเจ้าของไข้ นี่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าฟื้นแล้วฉันก็เลยคิดว่าจะไปดูสักหน่อยแล้วค่อยพาลูกไปเที่ยวสวนสนุก"
"ถ้านายมีธุระต้องไปทำก็ไม่เป็นไรนะไว้วันอื่นค่อยพาแกไปก็ได้" คือพอเห็นว่าเขามีธุระต้องไปที่โรงพยาบาลซึ่งไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหนฉันก็เลยคิดว่าไว้พาน้องติณณ์ไปเที่ยววันหลังก็ได้เพราะมันไมไ่ด้สำคัญเท่ากับคนเจ็บที่นอนอยู่โรงพยาบาล
"ไม่เป็นไรฉันคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน อีกอย่างฉันไม่อยากผิดสัญญากับลูก"
หนึ่งชั่วโมงต่อมา....
เตวิช...
ตอนนี้ผมขับรถพาทั้งน้องติณณ์และอลิซมาที่โรงพยาบาลก่อนไปเที่ยวสวนสนุก
"เธอพาน้องติณณ์ไปรอที่คาเฟ่ข้างโรงพยาบาลก่อนก็ได้นะ ในโรงพยาบาบเชื้อโรคมันเยอะฉันกลัวว่าลูกจะไม่สบาย" ผมบอกอลิซหลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว
"อื้มมได้" อลิซพยักหน้าก่อนจะจุงมือน้องติณณ์ไปยังคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณโรงพยาบาลแต่แยกส่วนออกมาไม่ปะปนกับคนไข้
หลังจากนั้นผมก็เข้าไปสอบถามถึงอาการของผู้หญิงที่วิ่งมาตัดหน้ารถผมเมื่อคืน จากนั้นพยาบาลก็เดินนำหน้าผมเพื่อไปยังห้องพักฟื้น พอเปิดประตูเข้าไปผมก็เจอกับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างศีรษะของเธอมีผ้าพันแผลพันรอบ พอเธอรุ้ว่ามีคนเข้ามาเธอก็หันมามองหน้าผมกับพยาบาล
"คุณเป็นคนพาฉันมาโรงพยาบาลใช่มั้ยคะ"
"ใช่ผมเอง"
"ขอบคุณนะคะอันที่จริงคุณไม่น่าช่วยฉันเลย ฉันอยากตาย"
"ถ้าเธอตายคนซวยคือฉันหรือเปล่า เพราะเธอเล่นวิ่งมาตัดหน้ารถฉันแบบนั้น ถ้าอยากตายอย่าให้คนอื่นเดือดร้อน"
"เอ่อคุณคะ ค่อยๆพูดกับเธอดีกว่ามั้ยคะ เธอพึ่งฟื้นนะคะ" พี่พยาบาลกระซิบบอกผมแต่ผมไม่สนไง
"แล้วไง ถ้าอยากตายทำไมไม่หาวิธีอื่นนี่อะไรวิ่งมาตัดหน้ารถผม ถ้าเกิดผมชนเธอตายขึ้นมาผมไม่ต้องติดคุกข้อหาขับรถชนคนตายหรือไง" ผมโมโหก็เลยหันไปตวาดพยาบาลอีกคน
"ฮือออ ฮืออออ โลกนี้ทำไมมันโหดร้ายกับฉันขนาดนี้ ฮืออออ พ่อแม่ก็ไม่รัก อยากตายก็ไม่ได้ ฮือออ ฮืออออ" พูดจบผู้หญิงคนนั้นก็ถอดสายน้ำเกลือออกแล้ววิ่งลงจากเตียงก่อนจะไปที่ระเบียงซึ่งมีหน้าต่างปิดไว้อยู่ เะอพยายามที่จะเปิดหน้าต่างแต่เปิดไม่ได้เพราะมันถูกล็อค
"ฮือออ ทำไมมันเปิดไม่ออก ฉันอยากตาย ฉันจะกระโดดลงไป ฮืออออออ" พี่พยาบาลรีบวิ่งไปห้ามแล้วดึงผู้หญิงคนนั้นออกมาให้ห่างจากหน้าต่าง
"อยากตายก็ไปตายที่อื่นอย่ามาทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อน" ผมอดไม่ได้ที่จะว่า คนอะไรจะอยากตายนาดนั้นวะ
"ฮือออ ฮือออ ที่แันอยากตายเพราะฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ฮือออ มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มีขับไล่ไสส่งไม่ให้อยู่บ้าน มีแฟนก็ถูกแฟนนอกใจ ฮือออ แล้วแบบนี้จะให้ฉันอยู่ไปเพื่ออะไร ฮือออ"
"อยู่เพื่อตัวเธอเองไง เธอบอกไม่มีใครรักเธอ ขนาดตัวเธอเองเธอยังไม่รักตัวเองเลย แบบนี้จะให้ใครมารัก" พอผมพูดแบบนั้นออกไปผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเงียบเลิกโวยวายว่าอยากตาย
"แต่ฉันไม่มีที่ไป บ้านก็ไม่มีเงินก็ไม่มี แล้วฉันจะอยู่ยังไงจะเริ่มต้นชีวิตยังไง"
"นอกจากกพ่อแม่แฟน เธอไม่มีญาติพี่น้องไม่มีเพื่อนเลยหรือไง"
"ไม่มี ฉันไม่มีเพื่อนไม่มีญาติพี่น้องไม่มีใครเลย ฮึก ฮึก ฮึก"
"เอางี้ ฉันจะช่วยเธอเอง"
"ช่วย?? คุณจะช่วยฉันยังไงคะ คุณจะให้ฉันไปอยู่ด้วยเหรอ ฉันทำงานบ้านทำอาหารซักผ้าล้างจานฉันทำได้หมดทุกอย่างเลยนะคะ ไหนๆคุณก็ช่วยชีวิตฉันแล้ว คุณช่วยหางานให้ฉันหน่อยได้ไหมคะให้ฉันเป็นคนใช้บ้านคุณก็ได้ค่ะ" ผมชั่งใจคิดว่าจะเอายังไงดี คือผมอยู่คอนโดไงไม่ใช่อยู่บ้านที่ต้องมีคนรับใช้มีแม่บ้าน เพราะปกติผมจะจ้างแม่บ้านรายวันมาทำความสะอาดห้องไม่เคยจ้างแม่บ้านประจำมาอยู่
"นะคะคุณ ช่วยฉันด้วยนะคะ ฉันไม่มีที่ไปจริงๆ"เธอยกมือไหว้ผมอย่างขอความช่วยเหลือ แล้วผมต้องทำยังไง