ตอนที่ 9 คุณมองพอหรือยัง
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จนับหนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง
แล้วสวมใส่ชุดเดรสสีโอรสที่แม่เลี้ยงเอาให้ จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากห้อง
ชุดบนตัวเธอเป็นเดรสสายเดี่ยว โชว์หลัง ผูกโบว์ด้านหลัง ชายกระโปรงเป็นแบบหน้าสั้นหลังยาว
โชว์ขาเรียวยาว ที่มีความขาวเนียนดุจไข่มุก ตัดกับสีชุด ส่งให้ผิวเธอดูขาวออร่า สวย สง่างามมาก
ทำเอารานีถึงกับตะลึงในความงามของเธอเลย จากนั้น แกก็ลุกขึ้นเดินมาหานับหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างพอใจ
" ว้าว นับหนึ่งของแม่สวยมากจ้ะ ถ้าเจ้านายของพ่อเห็นลูก จะต้องตะลึงแน่ๆ "
ในใจนับหนึ่งอยากจะเบ้ปากใส่แรงๆ แต่ต่อหน้ากลับทำได้เพียงยิ้มหวานออกมาอย่างใสซื่อ
แม้เธอจะเป็นคนน่าเหวี่ยง แต่เวลาเธอยิ้ม มันเหมือนโลกทั้งโลกสดใสไปหมด
" ได้เวลาแล้ว เราไปกันเถอะจ้ะ "
" ค่ะ "
แล้วรานีก็โอบเอวเธอเดินออกไปขึ้นรถที่รออยู่หน้าบ้าน รานีเอาใจใส่เธออย่างดี พูดจาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตลอด
แต่มันไม่ได้ทำให้นับหนึ่งรู้สึกอะไรเลย เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าที่มีพ่อแบบธำรง
ที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องรับบทหญิงสาวผู้ใสซื่อ ว่านอนสอนง่าย
พอเธอเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่ารานีไม่ตามขึ้นมาด้วย
แต่กลับปิดประตูแล้วโบกมือให้เธอด้วยสีหน้ายิ้มๆมองเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ซ่อนความชั่วร้ายไว้ภายใต้ดวงตา
นับหนึ่งตกใจมาก เพราะมันไม่เป็นตามที่เธอคาดไว้ นอกจากจะไม่ได้เจอพ่อที่งานแล้ว แม่เลี้ยงก็ส่งเธอขึ้นรถกับใครก็ไม่รู้ เพียงลำพัง
เธอหันไปจะเปิดประตูลงจากรถ แต่คนขับกลับเอ่ยขึ้นเสียงเย็น
" คุณอิงฟ้า อย่าเปลืองแรงเปิดเลยครับ เมื่อตัดสินใจรับงานแล้ว
ก็นึกถึงตำแหน่งของพ่อคุณเข้าไว้ รับใช้ท่านประธานดีๆ
บางทีท่านอาจจะเมตตา เลี้ยงดูปูเสื่อทำให้คุณสุขสบายไปชั่วชีวิตก็ได้ "
นับหนึ่งโมโหมากจึงทุบไปที่กระจกทีหนึ่ง จากนั้นก็นั่งนิ่งเงียบอย่างเชื่อฟัง แล้วคนขับรถก็ขับออกไป
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคนที่เจ้านายของพ่อต้องการคือ อิงฟ้า ไม่ใช่เธอ
แต่แม่เลี้ยงต้องการให้พ่อของเธอได้เลื่อนตำแหน่ง เลยส่งเธอมาแทนแล้วหลอกทางโน้นว่าเธอคืออิงฟ้า
[ สองแม่ลูกนี่ชั่วร้ายกว่าที่คิดมาก ต่อให้เราดีแค่ไหน มันก็ไม่เห็นความดีเรา
คอยดูเถอะ สักวันฉันจะให้พวกมันสองคนชดใช้กรรมที่มันทำให้หมด ]
คนขับรถเห็นนับหนึ่งนั่งนิ่งเงียบจึงแอบมองเธอผ่านกระจกหลัง
แต่พอเห็นใบหน้าขาวใส เรียวเล็ก เขาถึงกับตะลึงในความสวยออร่าของนับหนึ่งจนแทบจะไม่สามารถละสายตาได้
[ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านประธานต้องการเธอ เธอสวยมากจริงๆ มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนได้ง่ายมาก ]
นับเหนึ่งเหลือบไปเห็นคนขับรถกำลังมองเธออย่างไม่ยอมละสายตาจากเธอ เธอจึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์
" คุณมองพอหรือยัง ฉันเพิ่งจะอายุ 18 ยังไม่อยากเสียโฉมหรือตายเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์หรอกนะ "
คนขับรู้สึกอายที่ถูกจับได้ จึงรีบละสายตาจากนับหนึ่งแล้วมองไปยังถนนข้างหน้า
พร้อมกับปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นชาดังเดิมแล้วเอ่ยเสียเย็นด้วยแววตาไร้อารมณ์
" ขอโทษครับ หวังว่าคุณอิงฟ้าคงไม่ถือสาคนขับรถอย่างผม "
นับหนึ่งฉีกยิ้มแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาชักหน้าเหวี่ยงดังเดิมแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
" ฮื่อ...ฉันไม่ใช่อิงฟ้าค่ะ แล้วก็ไม่ต้องพูดชื่อนี้ให้ได้ยินอีก อารมณ์เสีย เข้าใจมั้ย "
คนขับรถไม่เชื่อ เขายิ้มเย็นแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
" คุณเข้าใจเล่นนะครับ แต่ไม่เป็นไร คุณจะใช่คุณอิงฟ้าหรือเปล่าผมไม่รู้
ผมรู้แค่ว่าคุณคือลูกสาวคนเดียวของนายธำรง และเป็นคนที่ท่านประธานต้องการตัว "
พอได้ยินแบบนั้นนับหนึ่งจึงนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองใช้นามสกุลแม่
และไม่เคยไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่นในฐานะลูกสาวของพ่อเลย
มีแต่ในโรงเรียนเท่านั้นที่รู้ว่าเธอคือลูกสาวของนายธำรง มีแม่เลี้ยงใจร้ายที่ทำหน้าที่ผู้ปกครองชื่อรานี
พอนึกขึ้นมาแล้วมันทำให้เธอรู้สึกเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจจนหน้าซึมไปเลย
แล้วคนขับรถก็พาเธอไปถึงโรงแรมหรู จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปในโรงแรมแล้วขับขึ้นไปตามทางรถเพื่อไปในที่จอดรถส่วนตัว
ซึ่งอยู่ในชั้นที่7 เป็นชั้นที่ท่านประธานของพวกเขารออยู่
พอขับขึ้นมาถึงชั้น 7 คนขับก็จอดรถแล้วลงมาเปิดประตูรถให้นับหนึ่ง
" ถึงแล้วครับ "
นับหนึ่งก้าวลงมาจากรถหรูแล้วเอ่ยถามคนขับรถหนุ่มเสียงหวาน
" พี่คะ แล้วโรงแรมนี้ทางออกมีทางเดียวเหรอคะ คือ...หนูแค่รู้สึกสงสัยค่ะ
ตั้งแต่ขึ้นมาก็นั่งรถขึ้นมาตลอด มองไม่เห็นทางเข้าอื่นเลย
มันน่าทึ่งมาก เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นโรงแรมหรูขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ "
คนขับรถยิ้มแล้วเอ่ยตอบเธออย่างหลงกลในความใสซื่อ
" ตรงนี้เป็นทางเข้าด้านหลังของโรงแรมครับ เป็นทางเข้าเฉพาะบุคคล ส่วนทางเข้าอีกทางจะอยู่ด้านหน้าครับ "
" ว้าว ดีมากเลยเน้อ มีทางเข้าเฉพาะบุคคลด้วย "
" ครับ เชิญคุณอิงฟ้าตามผมมาทางนี้เลยครับ "
แล้วนับหนึ่งก็เดินตามคนขับรถไป เธอแอบสังเกตท่าเดินของคนขับรถอย่างเงียบๆ
[ ท่าทางการเดินดูกระฉับกระเฉง ก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักแน่นมั่นคง เป็นจังหวะการเดินที่คล้ายกับถูกฝึกมาอย่างดี คนทั่วไปไม่เดินแบบนี้ ]
นับหนึ่งมั่นใจเลยว่าคนขับรถคนนี้ ต้องมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นหากจะทำอะไรต้องระวังให้มาก
ขณะที่เดินตามคนขับรถหนุ่ม เธอใช้สมองครุ่นคิด หาจุดอ่อนของผู้ชายตรงหน้าไปด้วย
แล้วอยู่ๆเธอก็นึกถึงตอนที่เขาจ้องหน้าเธอขึ้นมา
เธอก็ยิ้มออกมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์อย่างเงียบๆ
ในเมื่อรานีอยากให้เธอมาขายตัวแทนลูกสาวสุดที่รักของเขานัก เธอก็จะจัดให้ตามที่เขาต้องการเลย
เธอเดินตามหลังคนขับรถไปอย่างเงียบๆ พอไปถึงหน้าประตู คนขับรถก็หยุดฝีเท้าลง
เธอจึงแกล้งเดินชนแผ่นหลังของเขาอย่างจังแล้วทำเป็นล้มลงไป
พร้อมกับคว้าแขนของคนขับรถแล้วดึงให้เขาล้มลงมาทับตัวเธอ
คนขับรถหนุ่มกลัวหัวของนับหนึ่งจะกระแทกพื้นเลยรีบโอบกอดเธอพร้อมกับใช้ฝ่ามือรองรับศีรษะเธอเอาไว้
เพราะเธอคือผู้หญิงของเจ้านาย จะให้บอบช้ำไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
นับหนึ่งได้ทีรีบโอบรัดรอบคอเขาไว้แล้วสบตากับเขาด้วยแววตาหว่านเสน่ห์ อ่อยเขาสุดฤทธิ์
เธอคิดว่า อย่างน้อยก็ทำให้เจ้านายกับลูกน้องแตกคอกันได้เล็กน้อยก็ยังดี
คนขับรถหนุ่มสบตากับนับหนึ่งราวกับต้องมนตร์สะกด เขาถูกดึงดูดเข้าไปในแววตาทรงเสน่ห์คู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็พยายามดึงสติกลับมา
[ เธอช่างสวยเหลือเกิน แต่เธอเป็นผู้หญิงของนาย เป็นคนที่เราไม่ควรคิดในทางชู้สาวได้ ]
พอได้สติเขาก็รีบลุกขึ้นพร้อมกับดึงนับหนึ่งขึ้นมาแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย
จากนั้น ก็หันมาเอ่ยกับนับหนึ่งด้วยแววตานิ่งเฉยแบบไร้อารมณ์
" ถึงห้องท่านประธานแล้ว คุณเข้าไปเถอะ อย่าทำให้ท่านประธานรอนาน "
" นายเป็นคนดีที่ซื่อสัตย์ แถมมีหน้าตาที่หล่อมาก ถ้าฉันเจอนายก่อนที่จะถูกส่งตัวมาที่นี่ ฉันอาจจะจีบนายก็ได้ นายชื่ออะไรเหรอ "
เธอไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการอ่อย สำหรับเธอแล้วการอ่อยแบบมีชั้นเชิงคือการอ่อยแบบเนียนๆ
คนขับรถเองก็รู้ดีว่าหากบอกชื่อกับผู้หญิงของเจ้านายโดยไม่ผ่านการแนะนำของนายมันดูไม่เหมาะสม
เลยค้อมตัวให้นับหนึ่งเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" ขอโทษครับ ผมไม่สามารถบอกชื่อได้จริงๆ อย่าทำให้ผมอยู่กับเจ้านายลำบากเลย
ผมไม่อยากถูกเจ้านายระแวงในตัวผม คุณรีบเข้าไปหาเจ้านายผมเถอะ
หากช้าจนเจ้านายต้องโทรตาม มันจะทำให้ผมเดือดร้อนก็ได้ "
นับหนึ่งเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา เธอเองก็ใช้ชีวิตลำบากในเมื่อเขาเป็นคนดี เธอก็ไม่อยากไปทำให้เขาเดือดร้อนแล้วเช่นกัน
ในเมื่ออับจนหนทางที่จะหนี ก็ต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับมันตามที่ฟ้าลิขิต
เธอยืนนิ่ง ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในห้องที่มืดสลัว
บรรยากาศในห้องเย็นฉ่ำ จนเธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเข้าไปทีละก้าวอย่างเงียบๆด้วยความระมัดระวังตัวตลอดเวลา
[ จะรอดหรือจะร่วงก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ฟ้าลิขิตแล้ว หากต้องเสียตัวให้กับไอ้เฒ่าหัวงูน่ารังเกียจ ไอ้คนรวยบ้ากามคนนี้จริงๆ
ชีวิตนี้ ขอสาบานเลยว่าจะล้างแค้นเอาคืนทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะไม่มีวันเมตตาเลยแม้แต่น้อย ]