ตอนที่ 10 มาถึงนี่แล้ว อย่าคิดว่าจะหนีพ้น!
เธอพึมพำในใจขณะเดียวกันก็รู้สึกเคียดแค้นแม่เลี้ยงมากที่ส่งเธอมาผจญภัยในห้องมืดอันน่าระทึกนี้
ทุกย่างก้าวของเธอเบาหวิวจนแทบจะลอยตัวเหนือพื้นแล้ว เธอกลัวมาก กลัวสู้แรงผู้ชายไม่ไหว
[ นับหนึ่งหวังว่าเธอจะกลับออกไปได้อย่างปลอดภัย โดยไม่พลั้งมือฆ่าใครแบบไม่ตั้งใจนะ ]
มือข้างขวาของเธอค่อยๆสอดเข้าไปใต้กระโปรง แล้วจับมีดพับที่พกมาไว้แน่น พร้อมป้องกันตัว
ภายใต้ชุดเดรสของเธอ เป็นกางเกงขาสั้นที่สามารถซ่อนมีดพับอันแหลมคมขนาดเล็กกับมีดสนับมือได้
เธอไม่ได้พกมันเพื่อฆ่าใคร แต่พกไว้เพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยเท่านั้น
ท่ามกลางความมืดสลัวกับบรรยากาศเย็นยะเยือก อยู่ๆก็มีเสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นที่ข้างหลังเธอ
" มาแล้วเหรอ "
เจ้าของเสียงไม่ได้เอ่ยเปล่าแต่จับไหล่อันเนียนนุ่มของนับหนึ่งไว้ด้วย
แล้วผลิกตัวเธอให้หันมาทางเขาอย่างไว พร้อมกับสอดมือเข้าไปโอบรัดเอวคอดของเธอ
เพื่อให้ตัวเธอแนบชิดติดกับตัวเขา นับหนึ่งตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อใต้หว่างขาที่ชูผงาดขึ้นมาโดนเธอ
[ เชี่ย! ไอ้โรคจิต ]
ความแข็งปั๋งใต้หว่างขาทำให้เธอรู้สึกรังเกียจและกลัวมากจนอดทนต่อไปไม่ไหว
เลยดึงมีดเล่มเล็กขึ้นมา เตรียมจะแทง แต่ชายร่างสูงใหญ่หูดี เธอยังไม่ทันได้ง้างมือ
ชายตรงหน้าก็ดึงเธอเข้ามากอดจนแก้มเธอแนบชิดกับแผงอกแกร่งของเขาจนตัวเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
[ ไอ้โรคจิตนี่เป็นนักเพาะกายหรือไง ซิกแพคแน่นชะมัด เป็นมัดๆเลย ]
แล้วชายร่างใหญ่ก็จับข้อมือเธอไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้มอย่างใจเย็น
" เอ๋...สาวน้อยพกอาวุธมาด้วยเหรอ เธอเต็มใจมาหาถึงที่นี่เองนะ พอมาถึงแล้ว คิดจะสังหารเจ้าของบ้าน มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง "
เอ่ยจบก็ออกแรงบีบเส้นเอนบนข้อมือของนับหนึ่งแล้วบีดมือเธอไปด้านหลังแรงๆ จนนับหนึ่งร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวจนคิ้วขมวดมุ่น
" โอ้ย! "
นับหนึ่งเจ็บมือจนไม่สามารถจับมีดได้อีก พอมีดตกลงไปบนพื้น เขาถึงยอมคลายมือออก
" หึ สาวน้อย แรงแค่นี้ คิดจะเป็นมือสังหาร ฮ่าๆๆๆยังต้องไปฝึกร่างกายอีกนาน "
นับหนึ่งโมโหมากที่ถูกหัวเราะเยาะแบบนั้น เพราะการหัวเราะเยาะมันกลายเป็นปมหนึ่งในใจเธอไปแล้ว
นอกจากโมโหแล้วเธอคิดว่าคงทำอะไรไม่ได้แน่ หากร่างกายยังคงถูกเบียด แนบชิดแบบนี้
" พี่ชายเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่คิดจะมาเพิ่มความสนุกให้พี่ชายเท่านั้นเอง พี่ชายต้องการฉันไม่ใช่เหรอ อุ้มฉันไปที่เตียงเลยสิ "
ชายร่างสูงใหญ่ฉีกยิ้มออกมาท่ามกลางความมืดด้วยความพอใจ
แล้วช้อนตัวนับหนึ่งขึ้นมาอุ้มในอ้อมแขนพร้อมกับลูบไล้เรียวขาเนียนนุ่มของเธอไปเพลินๆ นับหนึ่งรู้สึกขยะแขยงจนขนลุกหมดแล้ว แต่เธอก็ตังแสร้งทำเป็นนิ่งไว้
" สาวน้อยขนลุกขนาดนี้เลยเหรอ ประสาทรับรู้ของคุณช่างไวต่อความรู้สึกจริงๆ "
" งั้นเหรอคะ ว่าแต่ ต่อไปฉันต้องเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ เสี่ยขา หรือ พี่ชาย หรือว่าสามีดีล่ะ "
ชายร่างสูงใหญ่วางเธอลงบนเตียงพร้อมกับเอ่ยตอบเสียงแหบข้างหูเธอ
" เรียกตามที่สาวน้อยสบายใจที่จะเรียกเลย ขอแค่ปรนนิบัติผมให้ดี ทำให้ผมมีความสุข แค่นี้ คุณจะเรียกผมว่าสามีผมก็ไม่ขัด "
เอ่ยจบฝ่ามือใหญ่ก็สัมผัสไปที่ทรวงอกของนับหนึ่ง นับหนึ่งจึงกัดไปที่ใบหูของเขา
ในขณะที่ชายร่างสูงใหญ่เผลอจับใบหูของตัวเองโดยไม่ทันตั้งตัว เธอก็ถีบเขาออกเต็มแรง
แล้วดึงมีดสนับมือขนาดกระทัดรัดออกมาสวมใส่อย่างไว พร้อมกับรีบคลานลงจากเตียง
ชายร่างใหญ่ คว้าขาของเธอไว้แล้วดึงเธอกลับมา เธอจึงฉวยโอกาสในตอนที่เขาไม่ทันระวังตัวต่อยเข้าไปเต็มหน้าเขาอีกครั้ง ดัง ผัวะ!
" อ๊าก! "
ชายร่างสูงใหญ่ส่งเสียงร้องออกมา เดิมมือทั้งสองข้างจับขานับหนึ่งไว้
แต่พอถูกสนับมือซัดเข้าเต็มหน้าก็ยอมปล่อยมือข้างหนึ่ง แต่มือข้างขวาก็ยังจับขานับหนึ่งไว้แน่น
จากนั้นนับหนึ่งก็กดตัวมีดออกมา เตรียมจะแทงแต่ใจก็ไม่กล้าพอ
เลยตัดสินใจชี้ปลายมีดแหลมคมไปทางเขาแล้วส่ายมือไปมา ทำให้รู้ว่าเขาถูกมีดฟันไปสองที
โดยที่เธอไม่รู้ว่าโดนส่วนไหนของเขาเพราะมันมืด ได้ยินเพียงเสียงซี๊ดปากเบาๆเหมือนรู้สึกแสบเท่านั้น
แต่ตอนนี้มือของชายร่างใหญ่ที่จับขาเธอไว้ กลับปล่อยมือจากขาเธอทันที
เธองงมากไม่รู้ว่าฟันโดนลึกมากน้อยแค่ไหน เพราะได้ยินเพียงเสียงซี๊ดปาก
คล้ายกำลังอดทนกับความเจ็บ แต่ก็ไม่มีเสียงอื่นที่บ่งบอกว่าเขาบาดเจ็บสาหัสเลย
พอหลุดออกจากพันธนาการที่ขา เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียงเผ่นหนีออกไปทันที
ชายร่างใหญ่จับไปที่แผลของตัวเองด้วยใบหน้าบีดเบี้ยว มือเขาชุ่มไปด้วยเลือด ไม่คิดว่าสาวน้อยที่เขาต้องการ
จะกลายเป็นเม่นน้อยที่อันตราย อาศัยความว่องไวทำร้ายเขาจนบาดเจ็บ
" มาถึงนี่แล้ว อย่าคิดว่าจะหนีพ้น! "
ชายร่างใหญ่พึมพำออกมาเสียงต่ำอย่างน่ากลัวแววตาดุร้ายราวกับเสือชีตาห์ที่กำลังล่าเหยื่อยามค่ำคืน
เขารู้สึกโมโหมาก แทนที่จะได้เชยชมเรือนร่างเนียนนุ่มของเธออย่างมีความสุข แต่กลับถูกเธอทำร้ายแล้วชิ่งหนีไป
แต่พอนั่งคิดดีๆ เธอมีโอกาสแทงเขา แต่เธอไม่ทำ นั่นมันบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะสังหารเขา แต่เธอแค่ต้องการทำให้เขาบาดเจ็บเท่านั้น
แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นท่ามกลางความมืด
นับหนึ่งวิ่งออกมาข้างนอก ก่อนจะเปิดประตู เธอนึกขึ้นได้ว่ามีคนขับรถยืนเฝ้าอยู่ เลยยืนตั้งสติหนึ่งวิ
จากนั้นก็จัดการฉีกชุดของตัวเอง แล้วขยี้ผมของตัวเองให้มันดูยุ่งเหยิน รุงรัง แล้วเปิดประตูออกด้วยท่าทางที่ดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
แสร้งทำเป็นลืมตาไม่ขึ้น ต่อด้วยแกล้งทำขาอ่อนล้มลงไปต่อหน้าคนขับรถ คนขับรถหนุ่มรีบรับเธอแล้วพยุงเธอทรงตัว
" ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันเสร็จแล้ว คงไม่รบกวนให้คุณไปส่งแล้วค่ะ บอกทางไปขึ้นลิฟต์ก็พอแล้ว "
คนขับรถหนุ่มเห็นสภาพของนับหนึ่งแล้วก็แอบรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย
" ให้ผมเดินไปส่งคุณที่ลิฟต์ดีกว่า "
" ไม่ต้องค่ะ แค่บอกว่า ต้องไปทางไหนก็พอ "
นับหนึ่งรีบยกมือขึ้นมาหยุดเขาไว้แล้วเอ่ยปฏิเสธอย่างไว คนขับรถจึงเอ่ยกับเธอว่า
" ก็ได้ครับ หากคุณจะกลับเอง คุณจะออกทางหน้าโรงแรมเหมือนคนอื่นไม่ได้
เพราะคุณเป็นคนของท่านประธานไปแล้ว
จะออกจากโรงแรมต้องใช้ทางออกพิเศษ "
" อื้อ เข้าใจแล้ว "
นับหนึ่งรีบเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วคนขับรถหนุ่มจึงเอ่ยต่อว่า
" คุณเดินตรงไป แล้วเลี้ยวขวานะ มันจะมีประตูทางลัดสำหรับไปขึ้นลิฟต์ คุณก็เปิดประตูเข้าไปข้างใน แล้วคุณจะเจอลิฟต์อยู่ทางขวามือ "
" โอเค ขอบคุณมาก บาย "
นับหนึ่งทำมือโอเคแล้วโบกมือบ๊ายบายก่อนจะเดินไปตามทางที่คนขับรถบอก
คนขับรถยิ้มออกมาเบาๆ ไม่คิดว่าสาวน้อยของเจ้านายคนนี้ นอกจากจะเจ้าเล่ห์แล้วยังมีมุมที่ตลก หลอกง่ายอีกด้วย
นับหนึ่งเดินไปพร้อมกับพึมพำในใจด้วยแววตาเยือกเย็นในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเกลียดแค้นแม่เลี้ยง
[ หึ เงินรางวัลและตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ เกรงว่าพ่อกับภรรยาสุดที่รักของพ่อจะรับไม่ไหวแล้ว
เตรียมถูกไล่ออกโทษฐานส่งคนมาปองร้ายผู้บริหารสูงสุดได้เลย หึ ]
เธอคิดว่าตัวเองรอดแล้วแต่กลับไม่รู้เลยว่า กำลังถูกหลอกให้กลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของเจ้านายพ่ออีกครั้ง
เพราะก่อนที่เธอจะออกมา คนขับรถก็ได้รับข้อความจากเจ้านาย
( จับเธอส่งกลับเข้ามาในห้องทันทีที่เห็นเธอ )
( รับทราบครับ )
คนขับรถหนุ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับผู้เป็นเจ้านายอย่างสุภาพ