ตอนที่ 5 อิงฟ้า สักวันฉันจะคืนให้เธอ
ห้าปีต่อมาอิงฟ้าโตมาเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน อีกทั้งยังมีบุคลิกดี ตัวสูง แต่งตัวเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
แตกต่างจากนับหนึ่งที่ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ใหม่ๆ ใส่เลย ชุดนักเรียนก็เป็นชุดเก่า สีหมองๆ ซีดๆ
เป็นชุดเก่าของอิงฟ้าที่เธอเอามาใส่ต่อ เพราะเธอไม่มีเงินที่จะไปซื้อชุดใหม่มาใส่ ขอใครก็ไม่ได้
เลยทำให้บุคลิกเธอดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แต่โชคดีที่เธอมีหน้าตาสวยตั้งแต่เกิด
เป็นคนตาหงส์แบบกลมโต สันจมูกสวยโด่งเรียวเล็ก ริมฝีปากกระจับเอิบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
รูปหน้าเรียวเล็ก คางโค้งมน แบบวีเชฟ ผิวขาวใส น่ารัก
รูปร่างสูงโปร่ง ผอมบาง สูงตามมาตรฐานหญิงไทยเพราะเธอเพิ่งอายุได้สิบห้าปี
แต่ด้วยความที่มีดวงตากลมโตหางตาเชิด ดั้งจมูกเชิดโด่ง เลยทำให้หน้าเธอดูดุ ดูเหวี่ยงจนไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งด้วย
เธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยม มักจะถูกอิงฟ้ากับพวกพ้องกลั่นแกล้งประจำ
วันนี้ก็เช่นกัน เพื่อนสาวของอิงฟ้าเดินเข้ามาหาเธอแล้วยื่นผ้าอนามัยให้
" นับหนึ่งเป็นน้องสาวของอิงฟ้าใช่มั้ย "
เธอมองผ้าอนามัยในมือของคนตรงหน้าโดยไม่เอ่ยตอบอะไร เพราะพวกเขารู้อยู่แล้ว จะทำไม เธอไม่อยากสนใจ
หญิงสาวจึงคว้ามือเธอมาแล้ววางผ้าอนามัยลงในมือเธอพร้อมกับเอ่ย
" ช่วยเอาผ้าอนามัยไปให้อิงฟ้าในห้องน้ำหน่อย พอดีพี่ต้องรีบไปที่หอประชุมน่ะ ฝากบอกเขาด้วยว่าพี่จะไปรอที่หอประชุม โอเคนะ "
เอ่ยจบหญิงสาวกับเพื่อนสาวก็เดินผ่านนับหนึ่งไป แล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายๆ
นับหนึ่งไม่ได้คิดอะไร เธอเดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วเรียกหาอิงฟ้า
" อิงฟ้า อิงฟ้าเธออยู่ห้องไหน เพื่อนเธอให้ฉันเอาผ้าอนามัยมาให้ "
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆเธอก็นึกว่าอิงฟ้าปวดประจำเดือนจนหน้ามืดเป็นลมในห้องน้ำ
ก็กลัวว่าอิงฟ้าจะเกิดอุบัติเหตุเลยไล่ผลักประตูห้องน้ำทีละห้องๆด้วยความร้อนใจ
พอมาผลักห้องสุดท้ายถังน้ำที่วางข้างบนก็ตกลงมาใส่หัวเธอจนเกิดเสียง
เธอรู้สึกเจ็บและมึนหัวไปชั่วขณะ เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำที่เย็นจัด
เพราะในถังมีน้ำแข็งก้อนเล็กๆในน้ำเป็นจำนวนมาก เธอมึนหัวจนเซถอยไปชนผนังห้องน้ำ
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองถูกอิงฟ้ากับเพื่อนแกล้งอีกแล้ว เธอเจ็บใจมาก เจ็บใจจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา
อิงฟ้ากับเพื่อนๆที่ซุ่มดูอยู่ พอเห็นถังตกลงไปดังเป๊าะ! พวกเธอก็หัวเราะกันอย่างสะใจ
" ฮิๆ อิงฟ้าทำไมน้องสาวเธอโง่แบบนี้ล่ะ หลอกง่ายชะมัด "
อิงฟ้ายิ้มร้ายแล้วเอ่ยออกคำสั่งกับเพื่อนว่า
" ไป พวกเรารีบไปล็อกประตูห้องน้ำเร็ว อย่าให้มันออกมาได้ "
" ได้ๆ ว่าแต่ให้เธอนอนอยู่ที่นี่สักคืน ดีมั้ย "
เพื่อนสาวของอิงฟ้าเสนอความคิดออกมาอย่างคึกคะนอง
" ฉันเห็นด้วยนะอิงฟ้า น้องสาวต่างแม่ของเธอเนี่ย ฉันเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้กับหน้าเหวี่ยงๆของเธอว่ะ ให้เธอนอนเล่นในห้องน้ำสักคืนคงไม่ถึงกับตายหรอกมั้ง "
" อือ ได้แล้วแต่พวกเธอเลย แต่ฉันไม่รับผิดชอบนะ "
" อื้อ "
แล้วทั้งสามคนก็เอาเชือกไปมัดลูกบิดห้องน้ำไว้ แล้วเอากระดาษมาแปะไว้ว่า ห้องน้ำเสีย
นับหนึ่งรู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เธอไม่โทษใคร แต่โทษที่ตัวเองโง่เกินไปจนเสียรู้ให้กับเพื่อนของอิงฟ้า
" อิงฟ้า สักวันฉันจะคืนให้เธอ "
เธอพึมพำออกมาเสียงต่ำด้วยความโกรธ แต่ไม่ร้องตะโกนให้ใครช่วยเพราะมันเลิกเรียนแล้ว
และรู้ว่าต่อให้ร้องก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก สู้เก็บเสียงไว้เงียบๆจะดีกว่า
เธอเอาฝาชักโครกลงแล้วหย่อนกายลงนั่ง เสื้อผ้าที่สมใส่เปียกจนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงหัวใจร่างกายหนาวสั่นริมฝีปากสั่นระริกจนซีดเซียว
เธอเอามือกอดอกไว้อย่างเงียบๆ อดทนกับความเย็นยะเยือกโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
อิงฟ้ากับเพื่อนๆยิ้มเยาะแล้วเดินออกมาปิดประตูห้องน้ำด้านนอกล็อกไว้ด้วยโซ่ที่เตรียมมา แถมยังเขียนป้ายติดว่าส้วมเต็ม
นับหนึ่งหนาวสั่นจนเริ่มทนไม่ไหว เธอค่อยๆหลับตาลง
สมองเริ่มคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่เคยถูกรังแก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่แม่เลี้ยงรีดชุดนักเรียนใหม่ของเธอจนไหม้เป็นรู
พ่อลงโทษเธอโดยการขังในห้อง แม่เลี้ยงให้อดข้าวอดน้ำจนเธอล้มป่วย
แม่เลี้ยงให้กินแต่อาหารเหลือที่ใกล้จะบูด ใช้เธอเยี่ยงทาสรับใช้ กดขี่สารพัด
ส่วนอิงฟ้าก็แย่งห้องนอนกับผ้าห่มของเธอรวมถึงเสื้อผ้าที่แม่เธอเคยซื้อให้
อีกทั้งยังตีเธอได้ตามใจชอบ ใช้กรรไกรตัดผมเธอจนแหว่งโดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ใดๆ
เพราะพ่อของเธอเชื่อทุกประโยคของอิงฟ้า ฟังทุกคำพูดของแม่เลี้ยง
ในสายตาพ่อ เธอเป็นเด็กหัวแข็ง ดื้อรั้น ไม่เคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่
ตอนนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า แท้ที่จริง ใครเป็นลูกเมียน้อยกันแน่
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ไม่มีแม่ น้ำตาอุ่นๆของสาวน้อยไหลอาบแก้มลงมาอย่างเงียบๆ
เธอทั้งอิจฉาทั้งแค้นใจในทุกๆเรื่อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธออดทน อดกลั้น ฝืนทนกับความทุกข์ยากลำบากมาตลอด
ผ่านทุกอย่างมาคนเดียว ใช้ชีวิตเหมือนเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ที่โดดเดี่ยวไม่มีใคร
เวลาถูกอิงฟ้ากลั่นแกล้งหรือรังแก เธอก็ไม่สามารถนำเรื่องราวไปฟ้องใครได้เลย มีพ่อก็เหมือนไม่มี
เหตุการณ์วันนี้ ทำให้เธอคิดได้และเริ่มโตขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ความอดทนของเธอก็เริ่มหมดลง
จนไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆต่อผู้เป็นพ่อเลยและไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีพ่ออีกต่อไป
หน้าโรงเรียนรานีขับรถเข้ามาจอดรอหน้ารั้วเพื่อรับลูกสาวกลับบ้านตามปกติ
อิงฟ้าเดินออกมาจากรั้วโรงเรียน ตรงมาที่รถของแม่ แล้วเธอก็ยื่นมือออกไปเปิดประตูขึ้นมาในรถทันที
ผู้เป็นแม่ชะเง้อหานับหนึ่งสักพักพอไม่เห็นนับหนึ่งออกมาแกจึงหันมาเอ่ยถามลูกสาว
" อิงฟ้า ทำไมวันนี้นับหนึ่งยังไม่ออกมาสักทีล่ะลูก "
อิงฟ้าละสายตาจากโทรศัพท์แล้วเอ่ยตอบผู้เป็นแม่
" อ๋อ เห็นพวกเพื่อนของเธอบอกว่าเธอจะไปนอนค้างด้วย หนูก็บอกแล้วว่าให้ขออนุญาตพ่อแม่ก่อนแต่เธอไม่ฟัง แล้วขึ้นรถไปกับเพื่อนเลยค่ะ "
อิงฟ้าได้ทีก็พูดปดใส่ร้ายนับหนึ่งทันที
" นังเด็กนี่ยิ่งโตยิ่งทำตัวโอหังไม่เห็นหัวพ่อแม่เลย กลับมาจะฟาดให้เข็ดเลย "
[ หึ ดีเหมือนกัน ให้เธอทำตัวแบบนั้นจนติดเป็นนิสัยเลย จะได้เสียผู้เสียคนโดยไม่เกี่ยวกับเรา กลับมาก็ให้พ่อของเธอจัดการฟาดเองเลย ]
อิงฟ้าได้ยินว่านับหนึ่งจะถูกฟาดเธอแอบยิ้มร้ายที่มุมปากเบาๆ แล้วย้ายสายตามาสนใจจอโทรศัพท์ต่อ
ส่วนรานีก็ขับรถออกจากหน้าโรงเรียนไป
ทางด้านนับหนึ่งตอนนี้เธอหนาวสั่นผาบๆอยู่ในห้องน้ำด้วยความทรมาน
สั่นจนไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ สายตาเริ่มพร่ามัว จนมองไม่เห็นอะไร พักต่อมาเธอก็หมดสติไป
พอตกหัวค่ำธำรงก็ขับรถกลับเข้ามาจอดในบ้านแล้วลงจากรถเดินเข้ามาในบ้าน
อาหารค่ำถูกจัดเตรียมไว้รอเขาอยู่บนโต๊ะทานข้าว รานีเห็นสามีกลับมา
แกก็เดินเข้ามาหาสามีแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆอย่างอ่อนหวาน
" คุณกลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้ฉันทำของโปรดของคุณทั้งนั้นเลย คุณจะทานข้าวเลยหรือว่าจะอาบน้ำก่อนคะ "
ธำรงยิ้มแล้วกอดภรรยาเบาๆเพื่อแสดงความรักต่อภรรยา จากนั้นก็ผละตัวออกแล้วเอ่ย
" ผมจะไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงมานะ "
" ได้ค่ะ "
แล้วธำรงก็เดินผ่านหน้าภรรยาไปแต่ยังก้าวได้ไม่ถึงสามก้าว รานีก็เอ่ยขึ้น
" อ้อ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณเลย "
เขาหันมามองภรรยาแล้วเอ่ยถามขึ้น
" ลืมบอกเรื่องอะไร "
" คือ วันนี้ลูกนับหนึ่งไม่ได้กลับมาบ้านค่ะ "
ธำรงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น
" ลูกไปไหน "
" เธอไปนอนค้างบ้านเพื่อน แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหน หญิงหรือชายก็ไม่มีใครรู้ค่ะ
นี่เพิ่งจะเข้าโรงเรียนมัธยมแท้ๆ ยังไม่ทันจบ ม.3 เลย ก็หนีไปค้างบ้านคนอื่นแล้ว ถ้าโตกว่านี้จะขนาดไหน
แบบนี้คนอื่นจะไม่หาว่าเราไม่สั่งสอนลูกเหรอคะ ฉันเองก็เป็นแค่แม่เลี้ยง จะดุด่าว่าเยอะก็ไม่ได้
เดี๋ยวคนก็จะมองว่าเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายอีก ฉันขอโทษนะคะ ที่สอนลูกนับหนึ่งได้ไม่ดี ฉันผิดเอง "
รานีตีเนียนแสร้งทำหน้าเศร้าเรียกความเห็นใจจากสามีขณะเดียวกันก็พูดยั่วยุให้สามีโกรธนับหนึ่งด้วย
อิงฟ้าเดินเข้ามาได้ยินแม่พูดเช่นนั้น เธอก็ใส่ไฟเติมเชื้อเพลิงลงไปในใจผู้เป็นพ่อ
" คุณพ่อขา หนูเตือนน้องแล้ว ห้ามไม่ให้ไปก็แล้ว แต่น้องก็ไม่ยอมฟัง บอกว่า หนูไม่ใช่พี่ของเธอ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ใช่พ่อแม่ของเธอเช่นกันค่ะ "
ธำรงยืนนิ่งโกรธจนมือไม้สั่นแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
" ดี! ดื้อนัก กลับมาจะตีให้หลาบจำเลย จะได้รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ ใครเป็นพี่เป็นน้อง
เจอเพื่อนใหม่ไม่กี่ปีก็เมินพี่น้องไม่เห็นครอบครัวอยู่ในสายตาตัวเอง เห็นขี้ดีกว่าไส้ ไม่ได้เรื่องจริงๆ "
" คุณคะ ใจเย็นๆค่ะ ลูกนับหนึ่งเพิ่งจะหนีไปนอนค้างบ้านคนอื่นครั้งแรก อย่าไปว่าลูกเลยนะคะเดี๋ยวก็หนีเตลิดไปไกลอีก "
" ไม่ว่า ไม่ตี ไม่ได้ เพราะคุณใจดีกับเธอเกินไปไง เธอถึงได้ไม่เห็นหัวเราแบบนี้
นึกอยากจะทำตัวเหลวไหล เที่ยวค้างบ้านคนอื่นตามใจชอบ
โดยไม่คำนึงถึงหน้าพ่อแม่ ที่ต้องทำงานหาเงินมาส่งเสียให้เรียนหนังสือเลย "
" ฉันขอโทษค่ะ ที่สอนลูกได้ไม่ดี "
รานีหลุบตาลงพร้อมกับแสร้งตีหน้าเศร้าบีบน้ำตาออกมา ธำรงที่โมโหจึงเดินกลับไปที่ห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง