บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 เธอรู้มั้ย ว่าทำไมแม่เธอถึงป่วยตาย

ผู้เป็นพ่อที่กำลังกลับมาจากที่ทำงานได้ยินเสียงลูกสาวร้องให้ก็รีบวิ่งขึ้นมาดูบนบ้าน

" มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนับหนึ่งถึงร้องให้ล่ะ "

รานีโกรธจัดที่ถูกเด็กที่เป็นลูกเลี้ยงด่าทอจึงเอ่ยฟ้องสามีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

" ก็ลูกสาวคุณน่ะสิคะ ดื้อมาก ต่อปากต่อคำไม่หยุด เดี๋ยวนี้หาว่าฉันเป็นแม่ที่นิสัยไม่ดีแล้ว

ทั้งที่ฉันทำอาหารให้ทานทุกมื้อ ดูแล เอาใจใส่อย่างดีมาตลอด แต่กลับด่าฉันฉอดๆๆ แบบนี้ถ้าโตมาจะขนาดไหน "

ธำรงโอบไหล่ภรรยาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น

" คุณ อย่าโกรธเลย เรื่องแค่นี้เอง คุณก็ค่อยๆสอนเธอไปสิ เด็กมันก็แบบนี้แหละ "

จากนั้นก็มองไปยังลูกสาวแล้วเอ่ย

" นับหนึ่ง ขอโทษคุณแม่เดี๋ยวนี้ ลูกรู้มั้ยว่าเด็กดีไม่ควรเถียงผู้ใหญ่ "

" ไม่ค่ะ คุณแม่ตัดเสื้อของหนูจนขาดรุ่ย คุณแม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู

แม่หนูเคยสอนไว้ว่า ผู้ใหญ่ที่ดีทำผิดก็ต้องรู้จักยอมรับผิดถึงจะสอนเด็กให้เชื่อฟังได้ "

รานีได้ยินนับหนึ่งเอ่ยออกมาแบบนั้นแกทั้งโกรธทั้งตกใจ กลัวสามีจะโกรธจึงเอ่ยแก้ตัวอย่างลืมตาพูดคำบอด

" โอเคค่ะ คุณแม่ขอโทษ แต่ลูกจะมาพูดจาใส่ร้ายแม่แบบนี้ไม่ได้นะ

เมื่อกี้ลูกกับพี่แย่งเสื้อผ้ากันอยู่ แล้วไปเอากรรไกรมาตัดเสื้อผ้ากันเอง

การที่แม่มาห้ามลูกนั้น แม่รู้ ว่าลูกโกรธ ลูกไม่พอใจแม่เพราะแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆ

แต่ลูกจะใส่ร้ายคนอื่นตามอารมณ์โกรธแบบนี้ไม่ได้นะคะ มันไม่ดี เข้าใจมั้ย "

รานีแสร้งทำเป็นเอ่ยสั่งสอนด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ แต่นับหนึ่งไม่ใช่เด็กโง่ที่จะมองไม่ออกว่าใครตอแหล

" คุณโกหก คุณนั่นแหละที่ใส่ร้ายคนอื่น คุณนิสัยไม่ดี! "

นับหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงแข็งทั้งน้ำตา

อิงฟ้าได้ยินแม่พูดดังนั้นเธอก็ลอบยิ้มร้ายให้นับหนึ่ง แล้วหันมามองพ่อ พร้อมกับเอ่ยยอมรับผิดแทนแม่แสร้งทำเป็นสำนึกผิด

" คุณพ่อขา จริงๆแล้วหนูเป็นคนเอากรรไกรตัดชุดน้องเองค่ะ หนูแค่อยากได้ชุดน้องแต่น้องไม่ยอมให้ แล้วน้องก็ใช้มือผลักหนูจนล้ม หนูโกรธเลยไปเอากรรไกรมาตัดชุดน้องทิ้งค่ะ "

อิงฟ้าเอ่ยอธิบายกับผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าใสซื่อน่าสงสาร จากนั้นก็หันมาทางนับหนึ่งแล้วเอ่ย

" พี่ขอโทษนะนับหนึ่ง ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้แล้ว "

เธอยกมือไหว้แล้วแสร้งเอ่ยอย่างสำนึกผิด ทำให้ผู้เป็นพ่อเห็นแล้วใจรู้สึกรักและเอ็นดูมากยิ่งขึ้น

จากนั้นผู้เป็นพ่อก็ย้ายสายตาไปทางนับหนึ่งพร้อมกับเอ่ยตำหนิ

" เห็นมั้ยพี่เขายอมรับผิด ยกมือไหว้ขอโทษหนูแล้ว ทำไมหนูถึงไม่ยอมขอโทษคุณแม่สักที เป็นเด็กทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ "

เมื่อถูกตำหนิจากผู้เป็นพ่อทำให้นับหนึ่งรู้สึกน้อยใจและเสียใจอย่างมาก เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่ถูกสามคนพ่อแม่ลูกรุมรังแกเลย

" เขาไม่ใช่แม่หนู หนูไม่ผิด หนูไม่ขอโทษ คุณพ่อลำเอียง คุณพ่อไม่เคยรักหนูเลย คุณพ่อไม่ยุติธรรม หนูเกลียดคุณพ่อ หนูเกลียดทุกคนเลย ออกไป ออกไปให้พ้น ฮือๆๆๆ "

นับหนึ่งรู้สึกจนตรอกอย่างไร้ทางออกจนเกิดความเครียดเลยตะคอกออกมาเสียงกร้าวทั้งน้ำตา

" นับหนึ่ง! "

ผู้เป็นพ่อตะคอกออกมาเสียงดัง เพราะท่าทางก้าวร้าวของนับหนึ่งทำให้ผู้เป็นพ่อโกรธมาก

" ได้ ในเมื่อไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมขอโทษ งั้นก็อยู่สำนึกผิดแต่ในห้อง ไม่ต้องออกไปกินข้าว จนกว่าจะสำนึกได้ "

เอ่ยจบธำรงก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องของลูกสาวด้วยสีหน้าขมึงทึง

หนูน้อยใจสลายทรุดตัวนั่งลงกับพื้นร้องให้กอดชุดที่แม่ซื้อให้ด้วยความเสียใจ

" ฮือๆๆๆๆ พวกคนใจร้าย ฮือๆๆ "

รานีเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้านับหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเบา

" นับหนึ่ง เธอจำไว้นะ คนอย่างเธอจะต้องนับหนึ่งไปตลอดชีวิต เหมือนกับชื่อของเธอ เธอจะไม่มีวันได้นับสอง สาม สี่ ห้า เพราะฉันจะไม่ยอมให้เธอมีโอกาสได้นับสองเด็ดขาด ยกเว้นเธอจะออกไปจากบ้านหลังนี้ "

คำพูดของแม่เลี้ยงทำให้นับหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองแม่เลี้ยงทั้งน้ำตา

เธอจดจำคำพูดนี้ไว้ใช้เป็นแรงผลักดันในใจ และคิดว่าสักวัน เธอจะทำให้พวกเขาเห็นว่าเธอสามารถนับหนึ่งไปถึงล้านได้ โดยที่ไม่ต้องออกไปจากบ้านเลย

อิงฟ้าเดินเข้ามาหาแม่ของตัวเองแล้วเอ่ย

" คุณแม่ขา หนูหิวแล้วค่ะ เราไปกินข้าวกันเถอะ อย่าไปสนใจคนไม่มีแม่เลยค่ะ ขังเธอไว้ในห้องคนเดียวนี้แหละดีแล้ว เธอจะได้สำนึกผิดไวๆ "

รานีเงยหน้ามองลูกสาวแล้วเอ่ย

" รอเดี๋ยวลูกแม่ขอคุยกับเด็กที่ไม่มีแม่คนนี้ก่อนนะ "

จากนั้นรานีก็หันกลับมามองนับหนึ่งด้วยแววตาร้ายกาจพร้อมกับเหยียดยิ้มขึ้นที่มุมปาก

" เธอรู้มั้ย ว่าทำไมแม่เธอถึงป่วยตาย ถ้าอยากรู้ก็ออกไปจากที่นี่ซะ แล้วฉันจะบอก ว่าแม่เธอตายเพราะอะไร "

เด็กฉลาดอย่างนับหนึ่ง เข้าใจความหมายของคำพูดแม่เลี้ยงดี ว่าแกต้องการไล่เธอออกไปจากบ้าน โดยใช้เรื่องของแม่มาล่อ เพื่อให้เธออกไปจากที่นี่ไวๆ

แต่เธอก็เด็กเกินกว่าจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกคนเดียว เลยทำได้เพียงอดทนอดกลั้นเพื่อรอที่วันบรรลุนิติภาวะ

ชีวิตหลังจากที่เกิดเรื่องในวันนั้น นับหนึ่งก็ถูกแม่เลี้ยงกดขี่ข่มเหงเยี่ยงทาสมาตลอด

ทั้งใช้ให้ซักผ้าด้วยมือ กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างรถ ก่อนจะได้ทานข้าว เธอต้องใช้แรงทำงานจนเหนื่อยก่อนทุกครั้ง

บางครั้งถ้าล้างจานไม่สะอาดแม่เลี้ยงจะเอาน้ำล้างจานราดใส่ตัวเธออย่างเลือดเย็นไร้ซึ่งความเมตตาใดๆ

ส่วนอิงฟ้าก็แย่งทุกอย่างที่เป็นของเธอไปจนหมดรวมถึงห้องนอนส่วนตัวของเธอ

ในทุกๆวันแม่เลี้ยงก็ให้เธอกินแต่ผักจนร่างกายเธอผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหาร

เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อของเธอแม่เลี้ยงก็จะอ้างเรื่องสุขภาพ อ้างเรื่องลำไส้ของเธอเพื่อไม่ให้เธอได้กินอาหารดีๆ

แต่ด้วยความเป็นเด็กไร้ที่พึ่งจึงต้องก้มหน้าเออออตามทุกอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะการเออออและยอมถูกข่มเหงคือวิธีเดียวที่เธอจะสามารถอยู่ในบ้านของตัวเองได้

เธอค่อนข้างผอมแห้งและดูโทรมกว่าเด็กคนอื่น แต่โชคดีที่เธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต แม้จะดูดุๆแต่ก็ดุแบบน่ารักๆ เธอเป็นเด็กที่หน้าสวยมากคนหนึ่ง

5 ปีต่อมา เธอเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม

เด็กนักเรียนคนอื่นได้ใส่ชุดนักเรียนใหม่ไปเรียนในช่วงเปิดเทอม

แต่เธอกลับได้ใส่เพียงชุดนักเรียนเก่าๆต่อจากอิงฟ้า ซึ่งเธอต้องไปเลาะชื่ออิงฟ้าออกแล้วนั่งปักชื่อของตัวเองทับรอยชื่ออิงฟ้า

เธอนั่งปักไปร้องให้ไปพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ

( สักวันฉันจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเธอและจะกลับมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉันให้ได้ )

ชีวิตหลังจากไม่มีแม่ นับหนึ่งก็ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ๆ หรืออาหารดีๆกินอีกเลย

( คุณแม่ขา หนูคิดถึงคุณแม่เหลือเกินค่ะ หนูสัญญาว่าจะอดทนตั้งใจเรียนให้จบ เพื่อคุณแม่นะคะ )

เธอพึมพำในใจไปพร้อมกับร้องให้ด้วยความสงสารตัวเอง

การพึมพำคุยกับในใจก็เหมือนได้ระบายสิ่งที่มันอัดอั้นในใจให้แม่ฟัง

เพราะมีเพียงพึมพำคุยกับแม่ในใจเท่านั้นที่จะไม่ทำให้เธอเดือดร้อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel