บทที่ 7 นั่นเป็นอีกมูลค่าหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น
เซียวจิ่นหมิงฟื้นตื่นขึ้นมา รู้สึกแข็งไปทั้งหลัง ยังรู้สึกชื้น เหมือนนอนอยู่บนพื้น อยากที่จะลุกขึ้นมา กลับพบว่าไม่สามารถขยับตัว
สายตาฉายแววอาฆาต หลังจากหันไปเห็นรองเท้าปักลวดลายดอกไม้ข้างเตียง ค่อยจำเรื่องราวต่างๆขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเขามาเอายาถอนพิษที่หยุนหรั่นเฟิง กลับทะเลาะกับผู้หญิงคนนี้ จากนั้นเขาก็ถูกหยุนหรั่นเฟิงลอบทำร้าย....
สมควรตาย
ผู้หญิงบ้าคนนี้ กล้าให้เขานอนหมดสติอยู่บนพื้นทั้งคืน
จำสิ่งแปลกประหลาดที่อยู่ในมือหยุนหรั่นเฟิงเมื่อคืนนั้นขึ้นมา สายตาเซียวจิ่นหมิงมืดครึ้มลง หยุนหรั่นเฟิงมีอาวุธลับแบบนั้นได้อย่างไร แม้แต่เขายังถูกลอบทำร้าย
“จุยเฟิง” ในที่สุดเซียวจิ่นหมิงก็ล้มเลิกดิ้นรน ร้องเรียกองครักษ์เงาด้วยเสียงเข้ม จนหยุนหรั่นเฟิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงตกใจตื่นขึ้นมา
หยุนหรั่นเฟิงลืมตาขึ้น แล้วก็เห็นเงาดำเพิ่มมาในห้องอย่างกะทันหัน อีกฝ่ายกำลังพยายามขนย้ายเซียวจิ่นหมิง หยุนหรั่นเฟิงพูดห้ามอย่างไม่แม้แต่จะคิดว่า “เดี๋ยวก่อน”
องครักษ์เงาหันกลับมา ใบหน้าปกคลุมไว้เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง จ้องมองดูหยุนหรั่นเฟิงอย่างระแวดระวัง
หยุนหรั่นเฟิงกวาดสายตามองดูเขาอย่างเย็นชา สายตามองจากบนลงล่าง มองไปที่เซียวจิ่นหมิง นางพูดขึ้นอย่างน่าขำว่า “เจ้าเรียกคนมา? ให้เขาออกไปก่อน”
เซียวจิ่นหมิงหรี่ตาลงอย่างอันตราย
หยุนหรั่นเฟิงกลับไม่รอให้เขาพูดตอบ ดึงชุดนอนตัวบางบนกาย เลิกคิ้ว พร้อมพูดขึ้นอย่างยั่วยุว่า “องค์ชายแปด เจ้าคงไม่ได้อยากให้องครักษ์เงาของเจ้า ชมข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหม?”
นางทำทีท่าจะดึงผ้าห่มออก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ถือสา ยังไงก็ไม่ใช่ข้าเสียหน้า”
เซียวจิ่นหมิงจำภาพปล่อยเนื้อปล่อยตัวของหยุนหรั่นเฟิงขึ้นมา สีหน้ามืดครึ้มลง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ออกไป”
จุยเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็หายตัวไปทันที หยุนหรั่นเฟิงมองดูอยู่อย่างแปลกใจ
หยุนหรั่นเฟิงไม่สนใจสีหน้าเซียวจิ่นหมิงที่ดูหมิ่นและความโกรธโมโหอย่างเปิดเผย เดินลงมาจากเตียง ไปเอาเสื้อผ้ามาจากในตู้อย่างน่าสงสาร กลับมาที่เตียงเอาม่านลงมาแล้วเปลี่ยนผ้าอยู่อย่างเชื่องช้า แล้วค่อยเดินมาหาเซียวจิ่นหมิง คุกเข่าก้มลงตบหน้าเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “มาสิ เรามาคุยกันอย่างมีเหตุผล”
เพราะท่าทางดูถูกเหยียดหยามนี้ เซียวจิ่นหมิงจ้องมองดูนางด้วยสายตาดุดัน อยากที่จะยกดาบขึ้นมาฆ่าคน
หยุนหรั่นเฟิงกลับลากเก้าอี้มานั่งลงหน้าเขาอย่างเชื่องช้า พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อเจ้าไม่พูด ข้าก็ฟังข้าพูด”
“เรามาคิดบัญชีกัน ที่ผ่านมายังไม่พูดถึง เอาเรื่องเมื่อคืน เจ้าเป็นคนบุกเข้ามาในห้องนอนของข้า ยังคิดจะทำร้ายข้า ใช่ไหม?”
เห็นเซียวจิ่นหมิงไม่พูดอะไร หยุนหรั่นเฟิงดื่มน้ำชาหนึ่งคำ ส่ายเท้าเตะเขาหนึ่งทีอย่างไม่เกรงใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้นคนที่ผิดคือเจ้า ข้าลอบทำร้ายบ้างก็เพื่อปกป้องตนเอง ท่าทีของเจ้าในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะทำตนเอง เข้าใจไหม?”
เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “.....เจ้าใช้วิธีสกปรก”
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะ ไม่รู้สึกอับอายกลับเห็นเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าใช้วิธีสกปรกหรือไม่ สามารถล้มเจ้าได้ ก็ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
คิดบัญชีที่หนึ่งเสร็จแล้ว หยุนหรั่นเฟิงก็เริ่มคิดบัญชีที่สองว่า “ต่อมาพูดถึงศิษย์น้องของเจ้า ในงานเลี้ยงเมื่อคืน ข้าก็แค่ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี ให้นางเคารพยกน้ำชาให้ข้า เป็นเรื่องที่สมควร นางกลับฉวยโอกาสยกน้ำชามาให้ ผลักข้าต่อหน้าผู้คน จนข้าได้รับบาดเจ็บ ข้ายังไม่เอาเรื่องนาง ในคืนวันเข้าห้องหอ องค์ชายกลับวิ่งมาหาข้า ทิ้งขว้างพระชายารองของเจ้า ทำไม? เจ้าเป็นม้าคึกจะกลับมากินหญ้าเดิมหรือ?”
เซียวจิ่นหมิงถูกหยุนหรั่นเฟิงพูดเปรียบเทียบจนหัวใจเต้นแรงอย่างโกรธจัด ลุกขึ้นมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาอยากจะบีบคอผู้หญิงบ้าคนนี้ให้ตาย
หยุนหรั่นเฟิงเห็นมือของเขามีแรง ก็ตรงใจเล็กน้อย
คนหนุ่ม ฉีดยาชาไปยังตื่นเต้นได้ขนาดนี้ ความสามารถในการเปรียบเทียบเย้ยหยันของนางมีมากขนาดนี้เลยหรือ? ไม่สิ ผ่านไปสี่ห้าชั่วโมงแล้ว ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว
หยุนหรั่นเฟิงรีบใช้เท้าเหยียบบนมือที่สั่นเทาของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าตื่นเต้น ดูจากปฏิกิริยาของเจ้า เห็นทีคงไม่ใช้พิศวาสข้ามิรู้จบ งั้นเมื่อคืนกลางดึกวิ่งมาที่ห้องข้าทำไม?”
เซียวจิ่นหมิงหันมองดูรองเท้าปักลวดลายดอกไม้บนมือของตนเอง สีหน้าดำจนแทบหยดเป็นน้ำหมึกได้ พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าเป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ แล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า”
หยุนหรั่นเฟิงรีบแสร้งทำเป็นหวาดกลัว รีบยกเท้าขึ้นมาจากมือของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “อุ้ย ขออภัย ขออภัย มองไม่เห็น”
สีหน้าเซียวจิ่นหมิงยิ่งบูดบึ้ง เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงปากจัดคนนี้อีกต่อไป จึงพูดขึ้นมาตรงๆว่า “หยุนหรั่นเฟิง พิษบนตัวซินจื่อ ใช่ฝีมือเจ้าไหม?”
เดิมเขาก็เพียงแค่คาดเดา หยุนหรั่นเฟิงไม่ได้เรื่องคนนี้ จะวางยาพิษได้อย่างไร แต่ตอนนี้แม้แต่เขายังพลาดท่า พิษบนตัวซินจื่อ จะต้องเกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน
“ข้าวางยาพิษ?”
หยุนหรั่นเฟิงอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายกำลังพูดบ้าอะไร? ข้ากับพระชายารองคนนั้น เพิ่งเคยเจอกันในงานเลี้ยงครั้งเดียวเท่านั้น ถึงแม้ในงานเลี้ยงข้าให้นางเคารพยกน้ำชา แต่นั่นก็เป็นธรรมเนียมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เดิมข้ากับนางก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน จะวางยานางทำไม?”
จากนั้นนางก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า “ทำไม ฟังจากคำพูดขององค์ชาย พระชายารองถูกวางยาหรือ?”
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะขึ้นมาอย่างเชื่องช้า พร้อมถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นพระชายารองแย่จังเลย แต่ข้ามีฝีมือทางการแพทย์สูงส่ง หากองค์ชายไม่รังเกียจ ข้าสามารถช่วยตรวจอาการของนางได้ ส่วนค่ารักษานั้น....”
นางกะพริบตาให้กับเซียวจิ่นหมิง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความร้องขอว่า “องค์ชายรับปากข้าอย่างหนึ่งได้ไหม?”
ไม่ได้
เซียวจิ่นหมิงเหยียดหยามอยู่ในใจ คิดว่าหยุนหรั่นเฟิงก็ยังคงเป็นหยุนหรั่นเฟิงคนนั้น เมื่อพูดขึ้นมาน้ำเสียงจึงแฝงไปด้วยความรังเกียจว่า “อย่าพูดมาก รีบเอายาถอนพิษออกมา”
เห็นเขาไม่สนใจ หยุนหรั่นเฟิงรู้สึกไม่พอใจ จึงก็ไม่สนใจ พูดขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจว่า “งั้นก็ให้ศิษย์น้องคนดีของเจ้า ทนทรมานอยู่กับพิษต่อไป ยังไงถ้าตายไปยิ่งสมใจข้า”
เซียวจิ่นหมิงตะคอกพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง เจ้าคนใจดำอำมหิต”
หยุนหรั่นเฟิงกระตุกมุมปาก ควักรูหูอย่างรังเกียจ นางลุกกลับไปนั่งบนเตียง นั่งยกขาไขว่ห้างมองดูเซียวจิ่นหมิงจากที่สูง น้ำเสียงก็เยือกเย็นลง ตะโกนพูดกับจุยเฟิงด้านนอกว่า “คนที่อยู่ด้านนอกคนนั้น เข้ามาพาตัวนายเจ้าออกไป”
จุยเฟิงที่อยู่ข้างนอกรีบเข้ามา พยุงท่านอ๋องที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา กลับพบว่าทั่วทั้งตัวท่านอ๋องไม่มีแรง เหมือนถูกวางยาพิษ สายตาของเขาที่มองดูหยุนหรั่นเฟิงฉายแววอาฆาตขึ้นมาทันที
หยุนหรั่นเฟิงพูดขึ้นว่า “มองอะไร? ท่านอ๋องของเจ้าเสียมารยาทกับข้าก่อน หากข้าอยากทำร้ายเขาจริงๆ ยังจะรอเจ้าเข้ามาหรือ?”
จุยเฟิงฟังดูแล้วก็ถูก ก้มหน้าลง พยุงเซียวจิ่นหมิงขึ้นมา หลังจากมองดูใบหน้าเซียวจิ่นหมิง ม่านตาหดลงทันที พร้อมพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “องค์ชาย.....”
“เจ้าถอนพิษให้ข้าก่อน” เซียวจิ่นหมิงไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของจุยเฟิง เพียงพูดเร่งหยุนหรั่นเฟิงอย่างเย็นชา
หยุนหรั่นเฟิงกลับไม่สนใจ หางตากวาดมองดูเขา แล้วพูดขึ้นว่า “อย่าหวัง นั่นเป็นมูลค่าอีกอย่างหนึ่ง นอกเสียจากเจ้าไม่อยากถอนพิษให้กับศิษย์น้องของเจ้า พูดมาตรงๆเลย ข้าให้ยาถอนพิษศิษย์น้องเจ้า เจ้ารับปากข้าอย่างหนึ่ง ตกลงไหม?”
เซียวจิ่นหมิงโกรธโมโหจนอยากบีบคอผู้หญิงที่ได้คืบจะเอาศอกคนนี้ให้ตายไปเลย
แต่ว่าตอนนี้ ด้านนอกห้องมีเสียงพ่อบ้านดังขึ้นอย่างเป็นกังวลและตกตะลึงว่า “องค์ชาย องค์ชาย ท่านอยู่ข้างในไหม? พระชายารองแย่แล้ว ท่านรีบไปดูเถอะ”