บทที่ 6 ลงมาจากบนตัวข้า
ส่วนอีกด้าน เซียวจิ่นหมิง บุกมายังเรือนหยุนหรั่นเฟิงด้วยสายตาเฉียบคม
ปัง.....
เสียงกระหึ่มดังขึ้น ประตูถูกเตะเปิดออกอย่างแรง บานประตูชนผนังทั้งสองด้าน แล้วเด้งกลับอย่างแรง ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
หยุนหรั่นเฟิงตกใจ รีบออกมาจากช่องว่าง
นางเพิ่งนั่งอยู่บนเตียง เซียวจิ่นหมิงก็บุกมาเหมือนลมกระโชก ฝ่ามือใหญ่คว้าจับข้อมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “เอายาถอนพิษมา”
กว่าจะได้นอนหลับสบาย กลับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไฟแห่งความโกรธในใจหยุนหรั่นเฟิงกำลังลุกโชน ดวงตาที่งดงามเย็นยะเยือกแฝงไปด้วยเพลิงโกรธมองไปยังเซียวจิ่นหมิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ยาถอนพิษอะไร? กลางดึกแบบนี้ เจ้าเป็นบ้าอะไร? ป่วยก็รีบไปรักษา”
หางตาเซียวจิ่นหมิงเหลือบมองเรียวขาเรียวยาวคู่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ภาพความทรงจำที่เคยถูกหยุนหรั่นเฟิงก่อกวนที่ผ่านมา ผุดขึ้นมาในความคิดของเขาทันทีอย่างควบคุมไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็หงุดหงิด ตะโกนเสียงดังด้วยความขยะแขยงว่า “ช่างไม่มีความอับอาย”
หยุนหรั่นเฟิงถูกด่าจนอึ้ง เมื่อได้สติกลับมา ในใจนึกขำ....เตียงยุคโบราณนี้แข็งเกินไป นางรังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคืนนางยังถูกหมากัดบนเตียงนี้.....
นางจะไม่รังเกียจหรือ?
อีกอย่าง มีห้องพักผ่อนสบายระดับโรงแรมห้าดาวอยู่ในช่องว่าง นางจะยอมทรมานตนเองทำไม?
ยังไงก็ต้องนอนโรงแรมระดับห้าดาวสิ
แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากเปลี่ยนสวมชุดนอนแบบสายเดี่ยวอย่างเคยชินแล้ว ยังไม่นอนหลับก็ถูกปลุกโดยสุนัขบ้าที่บุกเข้ามา จนนางไม่ทันได้เปลี่ยนชุด....
หยุนหรั่นเฟิงส่งเสียงเมิน ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่นางทำไว้ก่อนหน้านี้ กำเริบตอนนี้แล้วหรือ?
นางดึงไปที่กระโปรง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มที่เลอะด้านข้างมาคลุมขาไว้ ค่อยพูดหยอกล้อขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันเข้าห้องหอขององค์ชายกับศิษย์น้องอ่อนหวานไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังวิ่งมาหาข้าที่นี่? องค์ชายแปด หรือว่าท่าน...ทางด้านนั้นมีปัญหา?”
เซียวจิ่นหมิงรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดตรงๆของนาง ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงไม่รู้จักอับอายขนาดนี้ อะไรก็ล้วนพูดออกมาได้?
เซียวจิ่นหมิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาอีกครั้งว่า “หยุนหรั่นเฟิง เจ้าทำอะไรซินจื่อกันแน่?”
หยุนหรั่นเฟิงกางมือออกอย่างคนพาล กะพริบตาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะทำอะไรได้ ก็แค่ให้พระชายารองสุดที่รักของเจ้ายกน้ำชาให้ข้า เท่านั้นเองไม่ใช่หรือ? เรื่องแค่นี้นางก็ทำได้ไม่ดี กลับยังทำให้ข้าบาดเจ็บ ข้ายังใจกว้างไม่เอาเรื่องนาง ทำไม นางยังกลับมาแว๊งกัดข้าหรือ?”
เซียวจิ่นหมิงมองก็รู้ว่านางกำลังพูดโกหก ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย
เขาหัวเราะเย้ยพร้อมเดินไปข้างหน้า ยื่นมืออย่างรวดเร็ว คว้าจับข้อมือของหยุนหรั่นเฟิงไว้ ออกแรงบีบรุนแรงจนแทบจะบีบกระดูกข้อมือของนางแหลกสลาย ใบหน้าดุดันขยับมาใกล้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าคิดว่าไม่มีหลักฐาน ข้าก็จะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของเจ้า หยุนหรั่นเฟิง อย่าคิดใช้วิธีชั่วร้ายเพื่อดึงดูดความสนใจของข้า ข้าไม่มีวันชอบเจ้า ไม่มีทางไปตลอดชั่วชีวิตนี้”
“นับจากนี้ต่อไป เจ้าอยู่ในเรือนของเจ้าอย่างว่าง่าย หากทำอะไรชั่วร้ายอีก อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีเจ้า”
หยุนหรั่นเฟิงเจ็บปวดปวดจนเหงื่อซึม จนใจที่ข้อมือถูกบีบแรงเกินไป นางไม่สามารถที่จะดิ้นรนได้ กลัวว่าจะถูกบีบจนกระดูกแหลก
“ความปรานี? ความปรานีเหี้ยอะไรของเจ้า” หยุนหรั่นเฟิงสูดลมหายใจเข้า อดทนต่อความเจ็บปวด พร้อมพูดโต้กลับว่า “นักโทษข่มขืนอย่างเจ้ามีหน้ามาพูดถึงความปรานีอะไร?”
เซียวจิ่นหมิงโกรธจัด แรงบีบยิ่งเพิ่มทวีขึ้น
วินาทีนั้น หยุนหรั่นเฟิงเหมือนได้ยินเสียงกระดูกหักแล้ว
ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้หยุนหรั่นเฟิงโกรธจัดอย่างมาก เสียสติไปชั่วขณะ เคลื่อนไหวความคิด คว้าเอายาชาในห้องทดลองออกมา หยุนหรั่นเฟิง จ้องมองอีกฝ่ายด้วยเบ้าตาที่ขุ่นเคืองจนดูเหมือนจะร้าว ฉีดแทงออกไปสามเข็มอย่างไม่สนใจอะไร
ไปตายเสียเถอะ ผู้ชายสารเลว
สายตาเซียวจิ่นหมิงเหลือบสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ ที่ปรากฏขึ้นในมือของนาง ม่านตาหดลงเล็กน้อย ยังไม่ทันตอบโต้ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่แขนซ้าย ความรู้สึกชากระจายไปทั่วร่างกายทันที ดวงตาของเขามืดมัว ล้มทับบนตัวหยุนหรั่นเฟิง
ร่างสูงราวกับภูเขาล้มทับลงมา หยุนหรั่นเฟิงถูกกดทับอย่างไม่ทันตั้งตัว ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นก็คือ หัวของเซียวจิ่นหมิงซบอยู่ตรงคอของนาง....ลมหายใจหอบหนักพ่นบนผิวบอบบางของนาง ตรงคอของหยุนหรั่นเฟิงขนลุกขึ้นมาทันที
“ต่ำช้า อาวุธ ลับ” เซียวจิ่นหมิงรู้สึกชาไปทั้งตัว แม้แต่พูดจาก็ไม่ชัดเจน น้ำเสียงที่สะดุด ติดอ่าง เสียชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ผ่านมาไปโดยสิ้นเชิง
“ด่าว่าข้าต่ำช้า? เจ้าสิต่ำช้า อาศัยที่ตนเองมีวิทยายุทธ รังแกข้าที่เป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง” หยุนหรั่นเฟิงที่รอดพ้นจากอันตรายมาได้พูดตอบโต้กลับอย่างโกรธโมโห นางหายใจหอบ เอื้อมมือลูบบนไหล่เซียวจิ่นหมิง ดึงเข็มยาชาออกมา แล้วเอาเก็บคืนไปไว้ในช่องว่าง
จากนั้นค่อยใช้มือเท้าผลักผู้ชายตัวโตอย่างกับภูเขาลงไปจากบนกายตน
เสียงดังปัง เซียวจิ่นหมิงกลิ้งไปบนพื้น หน้าผากกระแทกบนพื้นอย่างแรง จนเขามึนหน้ามืดหมดสติไป
ข้อมือเจ็บปวดอย่างมาก หยุนหรั่นเฟิงก้มมองดูข้อมือตนเองที่เขียวช้ำอย่างโกรธจัด
ต่อให้ตอนนี้เซียวจิ่นหมิงย่ำแย่ขนาดไหน นางก็ยังคงไม่หายโมโห แต่ตอนนี้ข้อมือของนางสำคัญกว่า หยุนหรั่นเฟิงกำลังที่จะเตรียมรีบเข้าไปหายาในช่องว่าง นางจำได้มีว่าน้ำยาแก้ปวดเมื่อยอยู่
แต่นางก็ไม่กล้าประมาท ถึงแม้เซียวจิ่นหมิงจะถูกฉีดยาชาไปสามเข็ม แต่เข็มนั่นเป็นปรอมาณของหนูน้อยเท่านั้น หากผู้ชายสารเลวคนนี้ตื่นขึ้นมาจะแย่
นางครุ่นคิดสักครู่ จำได้ว่าภายในห้องพักผ่อนในช่องว่างยังมีธูปหอมช่วยในการนอนหลับ จึงล้วงเอาออกมาจุด จากนั้นค่อยเข้าไปในช่องว่างอย่างวางใจ รักษาข้อมือของตนเองอย่างง่ายๆ
ทาน้ำมันนวดอยู่สักพัก หยุนหรั่นเฟิงก็ไม่กล้านอนต่อในช่องว่าง ใครใช้ให้ภายในห้องนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญ?
นางออกมาจากภายในช่องว่าง มองดูผู้ชายบนพื้น สายตาแห่งความโกรธลุกวาว กระโดดลงมาจากเตียงอย่างไม่แม้แต่จะคิด ทั้งต่อยทั้งเตะเซียวจิ่นหมิงอย่างระบายแค้น เตะไปด้วยด่าไปด้วยว่า “คนสารเลว ใครใช้ให้เจ้ารังแกผู้หญิง ใครใช้ให้เจ้าบุกเข้ามาอย่างไม่บอกไม่กล่าว เตะเจ้าให้ตายไปเลย....ดูสิว่าเจ้ายังจะกล้าอวดดีไหม”
หยุนหรั่นเฟิงเหนื่อยจนหายใจหอบ ข้างหูไม่มีเสียงอวดดีของเซียวจิ่นหมิงที่ก่นด่าอย่างอวดดี รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก พร้อมพูดขึ้นว่า “เสียดายที่ตอนนี้ข้าไม่มีกล้อง ไม่อย่างนั้นจะถ่ายภาพอัปลักษณ์ของเจ้าไว้ แล้วส่งไปให้คนทั่วทั้งเมืองจริงดู”
นางจ้องมองดูเซียวจิ่นหมิงบนพื้น ในใจแอบคิดว่า ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะสารเลว แต่ยังไงก็เป็นองค์ชายที่มีอำนาจทหารอยู่ในมือและเป็นองค์ชายคนโปรด หากนางฆ่าเซียวจิ่นหมิง ด้วยรูปร่าง กับกำลังของนางตอนนี้ อย่าว่าแต่จวนองค์ชายแปด แม้แต่เรือนนี้ก็ไม่สามารถเดินออกไปได้....
“ทำอย่างไรดีล่ะ?” หยุนหรั่นเฟิงครุ่นคิดไปด้วย มองพิจารณาดูเซียวจิ่นหมิงไปด้วย ท่าทางของเขาในตอนนี้คือก้มหน้าลงกับพื้น นานราบแขนขาไม่สามารถขยับได้....
เหมือนเต่าตัวหนึ่ง
ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ นางเคลื่อนไหวความคิด หยิบปากกามาร์กเกอร์มาจากในช่องว่าง มองดูใบหน้าหล่อเหลาคมคายของอีกฝ่าย ยิ้มหัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย สายตาเต็มไปด้วยความไม่หวังดี พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่มีความปรานีก่อน อย่าหาว่าข้าใจร้าย ไหนๆก็มาแล้ว ไม่มอบของขวัญให้เจ้าหน่อย จะไม่เป็นการยุติธรรมกับข้าที่ถูกกระทำ”