บทที่ 8 เซียวจิ่นหมิงเจ้าคนสารเลว
เซียวจิ่นหมิงร้อนใจ รีบลุกขึ้นมาจะออกไป กลับทนฤทธิ์ยาไม่ไหว เขายังคงไม่มีแรง คิ้วขมวดอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันมาจ้องมองหยุนหรั่นเฟิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เงื่อนไข”
หยุนหรั่นเฟิงนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าแค่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับศิษย์น้อง เซียวจิ่นหมิงก็ตอบตกลงทันที
ดวงตาหยุนหรั่นเฟิงสว่างสดใส จับจ้องมองเซียวจิ่นหมิงอย่างไม่กะพริบ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิงว่า “องค์ชาย คือแบบนี้ ที่ผ่านมาข้าเลอะเลือน จึงไล่ตามเจ้าไม่ปล่อย แต่ตอนนี้ข้าคิดดีแล้ว ในใจองค์ชายแปดมีเพียงศิษย์น้องคนนั้น....ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าอย่ากับข้าดีไหม ข้าได้ใบหย่าแล้ว จะไปจากจวนองค์ชายแปด นับจากนี้ต่อไป ทางใครทางมัน เราต่างแต่งงานหาคู่ชีวิตใหม่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน”
“เจ้าฝันไปเถอะ เจ้าคิดว่าจวนองค์ชายแปดเป็นสถานที่อะไร คิดอยากมาก็มา คิดอยากไปก็ไปได้หรือ?” เซียวจิ่นหมิงคิดแล้วก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพิ่งแต่งงานสามวันเขาก็หย่ากับภรรยา คนบนโลกจะมองเขายังไง?
เขาพูดขึ้นอีกว่า “นี่เป็นการแต่งงานที่ฮ่องเต้พระราชทานโองการ ตอนแรกเจ้าบีบบังคับอย่างเอาเป็นเอาตาย ให้ข้าแต่งงานกับเจ้า ตอนนี้กลับอยากให้ข้าหย่ากับเจ้า หยุนหรั่นเฟิง กลยุทธ์ต้องการที่จะจับให้อยู่หมัดก็เลยแสร้งทำเป็นปล่อยไปก่อน ข้าไม่เล่นด้วย”
หยุนหรั่นเฟิง “……”
ดีมาก สมองมีปัญหา เซียวจิ่นหมิงน่าจะอยู่ขั้นระยะสุดท้ายแล้ว
แต่นี่ก็ทำให้นางค่อนข้างสงสัย ที่ผ่านมาเจ้าของร่างเดิมต้องการที่จะแต่งงานอย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายวันที่สามก็อยากหย่า การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป เดี๋ยวถึงตอนนั้นคนอื่นจะคิดว่านางถูกปีศาจสิงร่าง.....
หยุนหรั่นเฟิงลังเลอยู่สักพัก แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างเสียใจว่า “งั้นก็ได้ ยังไม่หย่าก็ได้ แต่อีกไม่กี่วันจะต้องกลับไปเยี่ยมบ้าน เจ้าต้องกลับไปเป็นเพื่อนข้า”
กลับไปเยี่ยมบ้านพร้อมกับนาง?
เซียวจิ่นหมิงกัดฟันแน่น แล้วค่อยพูดออกมาอย่างฝืนใจว่า “.....ได้”
หยุนหรั่นเฟิงดีดมืออย่างดีใจ จากนั้นก็โยนยาเม็ดให้กับจุยเฟิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาไปให้พระชายารองของเจ้าทาน รับประกันว่าหายแน่"
สายตาทั้งคู่ของเซียวจิ่นหมิงเยือกเย็น บอกว่านางไม่ได้วางยาพิษ แม้แต่อาการของศิษย์น้องเป็นยังไงก็ไม่เห็น ก็สามารถให้ยาถอนพิษมาได้
“จุยเฟิง เอายาถอนพิษไปให้พระชายารอง”
“ขอรับ” จุยเฟิงประคองเซียวจิ่นหมิงไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วก็จากไปทำตามคำสั่ง
หยุนหรั่นเฟิงได้ยินแล้วก็กระตุกมุมปาก ศิษย์น้องคนนี้ เป็นที่รักใคร่จริงๆ ตนเองยังเอาตัวไม่รอด ยังให้องครักษ์เงาเอายาไปส่ง ไม่กลัวว่านางจะฉวยโอกาสตอนนี้ที่เขาขยับไม่ได้แล้วฆ่าเขาเพื่อระบายแค้นหรือ
“เอาล่ะ ตอนนี้ยาถอนพิษพระชายารองก็ให้ไปแล้ว ระหว่างเราก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันแล้ว องค์ชายแปด เดี๋ยวให้องครักษ์เงาของเจ้ามาย้ายเจ้าออกไปได้เลย บ๊ายบาย...” หยุนหรั่นเฟิงนั่งอยู่ตรงข้างเตียง เอียงหัวโบกมือให้กับเซียวจิ่นหมิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างขยับไม่ได้
เซียวจิ่นหมิงอดกลั้นอารมณ์ไว้ พูดขึ้นด้วยโทนเสียงที่ยากจะเปล่งเสียงว่า “เอายาถอนพิษมาให้ข้า”
หยุนหรั่นเฟิงราวกับเพิ่งคิดขึ้นมาได้ ทำท่าทีแสร้งร้องทำเป็นตกใจ ยกมือกุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “อ้า...ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ? เจ้าไม่ได้ถูกวางยาพิษ เพียงแค่ชา....ไม่มีแรงเท่านั้น เมื่อถึงเวลา ฤทธิ์ยาก็จะหายไปเอง ฤทธิ์ยาบนตัวเจ้า น่าจะยังอีกประมาณธูปหนึ่งดอก”
มือเซียวจิ่นหมิงที่อยู่บ้างลำตัวกำหมัดแน่น สายตาที่มองดูหยุนหรั่นเฟิงน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาทันที
แต่เสียดาย หยุนหรั่นเฟิงไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลย ยักไหล่แผ่มือ พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายแปด เจ้าเป็นถึงองค์ชาย แค่ข้าตัวคนเดียว จะกล้าวางยาพิษท่านได้อย่างไร เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว?”
จุยเฟิงเอายาไปส่งแล้วกลับมา ได้ยินประโยคนี้พอดี สายตาที่มองดูหยุนหรั่นเฟิงชุ่มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นก็หันไปมองเซียวจิ่นหมิง รอรับคำสั่ง
“ประคองข้ากลับเรือน” เซียวจิ่นหมิงกัดฟันพูดขึ้น
“ขอรับ” จุยเฟิงรีบประคองเซียวจิ่นหมิงลุกขึ้น เซียวจิ่นหมิงสาบาน ชั่วชีวิตนี้เขาไม่เคยอับอายขายหน้าเท่านี้มาก่อน มองดูท่าทีดีอกดีใจในความโชคร้ายของคนอื่นของหยุนหรั่นเฟิง ความขุ่นเคืองภายในใจ แทบจะระงับไว้ไม่อยู่
หยุนหรั่นเฟิงมองดูเซียวจิ่นหมิงเดินกะโผลกกะเผลกเหมือนเป็ด ถูกจุยเฟิงค่อยๆประคองออกไป ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากข้ามภพมา ความหดหู่ที่ค้างอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจของนางค่อยผ่อนคลายขึ้นมาทันที นางตะโกนพูดเตือนขึ้นว่า “องค์ชายแปด อย่าใจร้อนนะ การรักษาของข้ายังบอกไม่หมดเลย ท่านต้องจำไว้ให้ดีนะ หลังจากถอนพิษพระชายารองแล้ว พวกเจ้าห้ามมีอะไรกันนะ ไม่อย่างนั้นพิษจะกำเริบขึ้นมาอีก”
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะอย่างสะใจ พร้อมกับความดีอกดีใจในความโชคร้ายของคนอื่นดังเข้ามาในหูเซียวจิ่นหมิง ทำให้ท่าทีของเขายิ่งขุ่นมัวทวียิ่งขึ้น
จุยเฟิงสั่นกระตุก ประคองอยู่อย่างระมัดระวัง ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ยังไงก็ไม่กล้าพูดถึงใบหน้าขององค์ชาย....
เรือนจือชุน
ฉีซินจื่อนอนไม่หลับทั้งคืน หลังจากกินยาถอนพิษที่จุยเฟิงให้มาแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นมาทันที
แต่คิดถึงว่าเมื่อคืนเป็นคืนเข้าห้องหอของศิษย์พี่กับนาง กลับถูกหยุนหรั่นเฟิงนังสารเลวคนนั้นทำลาย ฉีซินจื่อแทบอยากฉีกเนื้อนังสารเลวคนนั้น
แต่ประสบการณ์ถูกพิษเมื่อคืน ในใจยังคงหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะไปเผชิญหน้าหาเรื่องหยุนหรั่นเฟิง
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆร่างกายฉีซินจื่อก็แข็งทื่อขึ้นมา หันไปมองดูบ่าวใช้ของตนเองอย่างสงสัย พร้อมระงับความโกรธไว้ แล้วถามขึ้นว่า “ติงตัง เจ้าเห็นจริงๆหรือว่า หยุนหรั่นเฟิงนังสารเลวคนนั้นวางยาพิษข้า?”
สีหน้าติงตังเปลี่ยนไปทันที รีบส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “พระ พระชายารอง ข้า....”
สีหน้าฉีซินจื่อดุดัน ขยับฝีเท้า แล้วมาถึงตรงหน้าติงตังอย่างรวดเร็ว
ติงตังเบิกตาโตอย่างหวาดกลัว ยังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกฉีซินจื่อคว้าจับบีบคอไว้ ใบหน้างดงามขยับมาใกล้ ฉีซินจื่อถามขึ้นด้วยเสียงดุว่า “นังสารเลว เมื่อคืนเจ้าตั้งใจพูดถึงหยุนหรั่นเฟิงใช่ไหม? พูดมา เจ้าถูกนังสารเลวคนนั้นติดสินบนใช่ไหม?”
ติงตังหายใจไม่ออก ดวงตาแดงก่ำ ได้ยินแบบนี้แล้วก็พยายามอยากพูดอธิบาย แต่จนใจที่เปล่งเสียงออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงส่ายหัวอย่างแรง พร้อมพูดว่า “อู้ๆ อู้....อู้ๆ”
“ศิษย์น้อง? เจ้าตื่นหรือยัง?” เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงเซียวจิ่นหมิงก็ดังตามมา
ร่างกายฉีซินจื่อแข็งทื่อ รู้สึกผิดขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าศิษย์พี่จะได้ยินไหม?
นางโยนติงตังทิ้งไป พร้อมพูดขู่ว่า “ไสหัวออกไปเงียบๆ อย่าให้องค์ชายเห็นเจ้า”
ติงตังเหมือนถูกนิรโทษกรรม ไม่กล้าดิ้นรน ยกมือกุมหน้า ก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลังฉีซินจื่อ ฉวยโอกาสตอนที่ฉีซินจื่อเปิดประตูแล้วรีบหลบหนีไป
สีหน้าดุดันของฉีซินจื่อจางหายไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงบ่นว่า “ศิษย์พี่ ทำไมไป....อ้าก ศิษย์พี่ใบหน้าของเจ้า....”
ฉีซินจื่อร้องขึ้นมาอย่างตกใจ
เซียวจิ่นหมิงอึ้ง ใช้หลังมือลูบดู ก็ไม่เห็นเจออะไร ระหว่างทางกลับมา พิษบนกายก็หมดฤทธิ์แล้ว คิดถึงพิษบนตัวฉีซินจื่อ จึงรีบมาดู
ฉีซินจื่อเห็นแบบนี้ กัดริมฝีปากดึงมือของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ เจ้าเข้ามาก่อน” จากนั้นก็ดึงเซียวจิ่นหมิงมาตรงหน้าห้องแต่งหน้า พร้อมยื่นกระจกให้เขา
เซียวจิ่นหมิงมองเห็นตนเองในกระจก....
กับและไอ้สารเลวำตัวใหญ่บนหน้าของเขา
“…..หยุน หรั่น เฟิง!!!” หลายพยางค์เล็ดลอดออกมาจากไรฟัน เซียวจิ่นหมิงโกรธจัด กระจกในมือถูกบีบจนเปลี่ยนรูป
“พี่พระชายาทำเกินไปแล้ว ทำไมถึงได้วาด วาดแบบนี้บนหน้าศิษย์พี่?” ฉีซินจื่อมองดูท่าทีเซียวจิ่นหมิง ช่วยเช็ดให้เขาไปด้วย พูดถึงชาติกำเนิดของหยุนหรั่นเฟิงด้วยว่า “ยังไงพี่พระชายาก็เป็นถึงบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ กลับทำตัวเหลวไหลขนาดนี้”
ชุปน้ำร้อนและสบู่ที่มีกลิ่นหอมไปมาเป็นเวลานาน น้ำหมึกร่องรอยบนใบหน้าเซียวจิ่นหมิง จางลงเพียงเล็กน้อย
ฉีซินจื่อไม่รู้จะทำยังไง พูดพึมพำขึ้นว่า “นี่....นี่ทำไมเช็ดไม่ออก?”
เซียวจิ่นหมิงขมวดคิ้ว หันไปมองกระจกด้านข้าง คำว่าไอ้สารเลวยังประทับอยู่บนใบหน้า หยุดสักพัก ความโกรธที่เพิ่งถูกระงับในใจ พุ่งตรงไปที่หัวกะโหลกทันที เขากระชากผ้าเช็ดหน้าจากฉีซินจื่อ ส่องกระจกพร้อมเช็ดอย่างรุนแรง
“อยาที่สุด นี่มันหมึกอะไรกัน?”