บทที่ 4 ภรรยาควรได้รับการเคารพ นางบำเรอควรอยู่อย่างถ่อมตน
เสียงผู้หญิงที่สดใสและเย็นชาดังขึ้นในทันใด ราวกับเสียงฟ้าร้อง บรรยากาศของงานเลี้ยงแต่งงานที่ยินดีหยุดชะงัก ทุกคนต่างหันมามองอย่างอัตโนมัติ
หยุนหรั่นเฟิงสวมชุดสีแดงเพลิง แววตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ที่สวมผ้าคลุมหน้า ก้าวเดินมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน เดินเข้าไปในห้องโถง เดินมาถึงตรงหน้าพิธีกรรม แล้วก็มายืนนิ่งตรงหน้าคู่บ่าวสาว
อาจเป็นเพราะสายตาของนางที่เผยออกมาให้เห็นนั้นงดงาม หรืออาจเป็นเพราะชุดแต่งงานที่ยับยู่ยี่จนน่าตกใจ ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ
รอเมื่อได้สติกลับมา ทุกคนต่างส่งเสียงพูดขึ้นมาว่า
“คนนี้คือใครหรือ? ทำไมสวมชุดแบบนี้ออกมา?”
“สวมชุดแต่งงาน คงไม่ใช่พระชายาที่เมื่อวานองค์ชายแปดเพิ่งแต่งงานด้วยมั้ง?”
“นี่ ตั้งใจจะมาพังงานหรือ?”
……
ฉีซินจื่อที่คลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งสีแดง แทบจะกัดฟันจนแหลกละเอียด นางเคยเห็นหยุนหรั่นเฟิงอยู่แล้ว เวลานี้กำลังจ้องมองดูร่องรอยช้ำบนตัวหยุนหรั่นเฟิง แล้วก็รู้ทันทีว่า นังสารเลวคนนี้ได้กับศิษย์พี่.....
เปลวไฟแห่งความริษยาแผดเผาจากก้นบึ้งของหัวใจ เกือบจะลบล้างสติสัมปชัญญะของนางจนหมดสิ้น
ฉีซินจื่อกำมือแน่น ความเจ็บปวดของเล็บที่ทิ่มเข้าไปในเนื้อ ค่อยทำให้นางพอมีสติอยู่บ้าง นางขยับไม่ได้ และก็ทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นงานแต่งระหว่างนางกับศิษย์พี่ เป็นวันมงคลของนาง จะพังเพราะน้ำมือนังสารเลวคนนี้ไม่ได้
สีหน้าเซียวจิ่นหมิงดำมืดราวกับก้นหม้อ เขามองดูหยุนหรั่นเฟิงที่มาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ดวงตาเย็นชาแฝงไปด้วยแววสังหาร พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง ไสหัวกลับไป”
หยุนหรั่นเฟิงไม่สนใจนาง ด้วยสถานะที่ตนเป็นพระชายา พูดอธิบายขึ้นมาอย่างใจกว้างสง่างามว่า “องค์ชายจะโกรธไปทำไม? วันนี้เป็นวันที่ท่านแต่งงานกับสนม ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นพระชายา หากไม่มาดื่มน้ำชาคู่บ่าวสาวสักแก้ว คนอื่นจะกล่าวหาว่าข้าที่เป็นพระชายาไม่มีมารยาท”
เซียวจิ่นหมิงได้ยินแบบนี้ ท่าทีเยือกเย็นที่เปล่งออกมาทำให้ทั่วทั้งจวนเย็นเฉียบไปหมด พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง ข้าตกลงยอมแต่งงานกับเจ้า ถือเป็นการทำดีอย่างที่สุดแล้ว เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก”
หยุนหรั่นเฟิงทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงจ้องมองฉีซินจื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารอง เจ้าว่าอย่างไร?”
ฉีซินจื่อที่ถูกขานชื่อโซเซเล็กน้อย ราวกับไม่สามารถรับได้ เซียวจิ่นหมิงรีบเดินมาข้างหน้า ขวางอยู่ตรงหน้าฉีซินจื่อ ส่งเสียงเมินอย่างดัง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “อย่าคิดข้องเกี่ยวกับจื่อเอ๋อ เจ้าไม่คู่ควร”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างไม่บดบัง ทำให้สายตาหยุนหรั่นเฟิงเยือกเย็นลง นางหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่คู่ควรจริงๆ ยังไงข้าก็เป็นถึงบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ เป็นพระชายาแปดตามพระราชโองการ พระชายารองเป็นเพียงชาวบ้านในยุทธภพ สถานะต่ำต้อย ข้าพูดคุยด้วยสักคำยังเปื้อนปาก ต้องขอบคุณที่องค์ชายพูดเตือน”
หยุนหรั่นเฟิงพูดพร้อมกับหันไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ผ้าคลุมหน้าไม่สามารถปกปิดดวงตาคู่นั้น มองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพระชายารองไม่มีความเห็น งั้นก็ทำตามธรรมเนียม รินน้ำชา”
ฉีซินจื่อโกรธจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว อดกลั้นไฟแห่งความโกรธไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยทำเสียงที่น่าสงสารว่า “ศิษย์พี่ ทำไมพี่พระชายาถึงยังยอมรับข้าไม่ได้? ทั้งๆที่นางก็แย่งทุกอย่างของข้าไปหมดแล้ว ทำไมยังจะบีบบังคับกันขนาดนี้....”
ความโกรธระหว่างคิ้วของเซียวจิ่นหมิงทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาโอบกอดฉีซินจื่อไว้ ต่อหน้าแขกมากมาย พยายามยับยั้งความโกรธไว้ แล้วพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง”
เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?
หยุนหรั่นเฟิงไม่แม้แต่จะมองเซียวจิ่นหมิง จับจ้องมองดูฉีซินจื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “คำพูดของข้า ยังไม่ชัดเจนหรือ? ข้าต้องการ....ให้พระชายารองยกน้ำชามาให้”
เซียวจิ่นหมิงขมวดคิ้วเข้ม ฉีซินจื่อกลับร้องไห้ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่พระชายา ข้าเคารพที่ท่านเป็นพระชายาของศิษย์พี่ แต่วันนี้เป็นวันมงคลของข้ากับศิษย์พี่ ท่านจำเป็นต้อง เหยียดหยามข้าถึงขนาดนี้หรือ?”
หยุนหรั่นเฟิงใช้สายตาอุกอาจกวาดมองดูนาง พร้อมถามขึ้นอย่างน่าขำว่า “ดังนั้น ความหมายของพระชายารองก็คือ นางสนมยกน้ำชาให้กับพระชายา เป็นการเหยียดหยาม?”
นางพูดพร้อมกับกวาดสายตามองดูแขกทั้งสองข้าง พร้อมพูดยั่วยุขึ้นว่า “อย่าว่าแต่จวนองค์ชาย ต่อให้เป็นบ้านคนธรรมดาทั่วไป สนมยกน้ำชาให้กับภรรยาเอกถือเป็นธรรมเนียมที่สมควร ถึงเจ้าจะเป็นศิษย์น้องขององค์ชาย เป็นที่รักใคร่ แต่อย่าลืมว่า ข้าต่างหากที่เป็นภรรยาถูกต้องตามขนบธรรมเนียม เป็นพระชายาแปดตามพระราชโองการของฮ่องเต้ หรือเพราะความรักใคร่ที่องค์ชายมีต่อเจ้า เจ้าที่เป็นสนมก็ไม่ต้องให้เกียรติพระชายา ไม่ยกน้ำชาให้ข้าที่เป็นพระชายาหรือ?”
ใช่ มีภรรยาเอกที่ไหนจะทนถูกเหยียดหยามเช่นนี้? ในจวนที่มีสนมนั้นมากมาย พวกภรรยาเอกที่มีสามีหลงรักใคร่สนมได้ยินคำพูดของหยุนหรั่นเฟิงแล้ว ต่างก็เห็นใจและเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน
ฮูหยินคนหนึ่งเดินนำออกมา มองดูหยุนหรั่นเฟิงพร้อมตะโกนพูดขึ้นว่า “พระชายาพูดถูก นับแต่โบราณมา ภรรยาเอกควรได้รับเกียรติ สนมควรถ่อมตน สนมเข้ามาอยู่ในจวน ควรที่จะเคารพยกน้ำชาให้กับภรรยาเอก แยกแยะฐานะชัดเจน ถือเป็นกฎเกณฑ์ประเพณี”
มีฮูหยินอีกหลายคนต่างพูดเห็นด้วยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“หากสนมไม่เคารพยกน้ำชาให้กับภรรยาเอก งั้นสถานะภรรยาจะมีไว้ทำไม?”
“องค์ชายแปดเป็นถึงองค์ชาย เป็นตำแทนของแคว้นลี่ พระชายารองกับองค์ชายแปดทำพิธีแต่งงานกัน เดิมก็ฝ่าฝืนจารีตประเพณี หากยังไม่เคารพยกน้ำชาให้กับพระชายา งั้นต่อไป พวกสนม ตาสูงมือต่ำคนอื่นๆ จะไม่เรียนแบบ เอาเป็นเยื้ยงอย่างหรือ?”
……
เซียวจิ่นหมิงคิดไม่ถึง หยุนหรั่นเฟิงที่ปกติกำเริบเสิบสาน กลับก็มีฝีปากดีขนาดนี้ เขากำลังจะพูดตำหนิ กลับถูกฉีซินจื่อคว้าดึงแขนไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพี่พระชายาต้องการให้ข้ายกน้ำชาให้ท่าน งั้นข้าทำให้ก็ได้ หวังว่าหลังจากพี่พระชายาพอใจแล้ว ก็อย่าสร้างความลำบากใจให้กับศิษย์พี่”
วันนี้เป็นวันแต่งงานของนาง นางจะปล่อยให้หยุนหรั่นเฟิงนังสารเลวคนนี้ก่อเรื่องแบบนี้ต่อไปไม่ได้ รอนางเข้ามาอยู่ในจวนแล้ว มีโอกาสที่จะเล่นงานสั่งสอนนางเยอะแยะ
ฉีซินจื่อเกลียดชังจนสายตาแดงก่ำ กัดฟันเดินไปข้างหน้าอย่างน่าเห็นใจ เพิ่งยืนอยู่ตรงหน้าหยุนหรั่นเฟิง ก็มีสาวใช้ยกน้ำชามายื่นให้ทันที ฉีซินจื่อหันไปมองดูสาวใช้แวบหนึ่ง แทบอยากที่จะยกฝ่ามือฟาดตบนาง
ปกติไม่เห็นกระตือรือร้นขนาดนี้ เวลาแบบนี้กลับมือเท้าคล่องแคล่วขึ้นมา?
นางอดกลั้นที่จะไม่ใช้ความรุนแรง กลั้นหายใจแล้วหยิบถ้วยชาขึ้นมา กำลังจะยื่นให้ กลับได้ยินหยุนหรั่นเฟิงพูดขึ้นมาว่า “อย่าใจร้อน คุกเข่าก่อนค่อยว่ากัน”
นางแทบกระอักออกมาเป็นเลือด นังสารเลวคนนี้ นางยังไม่จบไม่สิ้นใช่ไหม?
ฉีซินจื่อวางถ้วยน้ำชาไว้บนถาดอย่างแรง กัดฟันแน่นพร้อมค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าหยุนหรั่นเฟิง สาวใช้ยื่นถ้วยน้ำชามาให้อีกครั้ง
นางกัดริมฝีปาก ยกถ้วยน้ำขึ้นมายื่นให้กับหยุนหรั่นเฟิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่พระชายา เชิญดื่มน้ำชา”
สายตาฉีซินจื่อที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง จับจ้องมองดูใบหน้าหยุนหรั่นเฟิง เพิ่งเห็นชัดว่า นังสารเลวคนนี้สวมผ้าคลุมหน้าไว้
ทำไม?
ไม่ใช่เพราะใบหน้าของนางอัปลักษณ์ สู้หน้าใครไม่ได้ไม่ใช่หรือ?
ฉีซินจื่อยิ้มอย่างชั่วร้าย เอื้อมมือออกไป ใช้แรงฉุดดึงผ้าคลุมหน้าของหยุนหรั่นเฟิง
หยุนหรั่นเฟิงจ้องมองดูการกระทำของนางอยู่แต่แรกแล้ว เมื่อเห็นนางยื่นมือออกมาก็ล้มไปด้านข้าง จนโต๊ะเครื่องหอมที่อยู่ข้างหลังนางก็ถูกนางโค่นลงมาจนหมดสิ้น สิ่งของบนโต๊ะแตกกระจายและกลิ้งเต็มพื้น
มือฉีซินจื่อที่ยื่นออกไปนิ่งชะงัก นางคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ เวลานี้ท่าทีที่นางยื่นมือออกไป กับภาพที่วุ่นวายด้านหลังหยุนหรั่นเฟิง ปรากฏในสายตาทุกคนก็คือ ฉีซินจื่อเกลียดแค้น จนลงมือทำร้ายคน
หยุนหรั่นเฟิงขมวดคิ้วแน่น สายตาที่มองดูฉีซินจื่อแลดูค่อนข้างน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องพระชายารอง เจ้าไม่อยากยกน้ำชาก็บอกตรงๆ ทำไมจะต้องลงมือทำร้ายกัน?”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาทันที