บทที่ 3 เซียวจิ่นหมิง ไตของเจ้ารับได้หรือ?
เผชิญกับความโกรธโมโหของหยุนหรั่นเฟิง ยายเฒ่าอึ้งพูดอะไรไม่ออก เพียงยื่นมือไปหาหยุนหรั่นเฟิงอย่างสั่นเทา
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ยายเฒ่า สมองเจ้าไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม? สาวใช้ที่ติดตามข้ามาถูกเจ้าตบตีจนกลายเป็นแบบนี้ ข้าไม่เอาชีวิตเจ้าถือว่าข้าใจดีแล้ว เจ้ายังอยากได้ยาถอนพิษ? ยาถอนพิษที่ยิ่งถอนยิ่งคันจะเอาไหม?”
ยายเฒ่าอึ้ง จากนั้นก็ถลึงตาใส่นางอย่างโกรธโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า.....”
วินาทีต่อมาหยุนหรั่นเฟิงยกเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เตะไปที่ท้องของนางอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอะไรเจ้า? ยังไม่รีบไสหัวไป รอข้าป้อนยาพิษทะลวงไส้ของเจ้าหรือ?”
ยายเฒ่าถูกเตะจนกลิ้งอยู่บนพื้น ร้องเจ็บปวดอยู่อย่างโหยหวน สายตาที่จับจ้องดูหยุนหรั่นเฟิงแทบจะกลายเป็นยาพิษ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงหวาดกลัวว่า หยุนหรั่นเฟิงป้อนยาพิษทะลวงไส้ให้นางกินจริงๆ จึงคลานลุกขึ้นมาแล้วก็รีบจากไป
หลินหลังมองดูหยุนหรั่นเฟิง สายตามนกลมเขียนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณ คุณหนู.....” คุณหนูของนางถึงจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนั้น.....
หยุนหรั่นเฟิงไม่ทันสังเกต
นางมองดูใบหน้าบวมแดงของหลินหลัง คิดในใจว่านางเพิ่งอายุสิบสองสิบสามเอง ยายเฒ่าชั่วยังลงมือได้ลงคอ
หยุนหรั่นเฟิงชี้ไปที่เตียงยุ่งเหยิงพร้อมพูดทักทายว่า “มานั่งตรงนี้ ข้าทายาบนหน้าให้เจ้าก่อน”
หลินหลังหดม่านตาลง ราวกับถูกภาพบนเตียงทำให้เจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู? องค์ชายแปด เขาทำกับท่าน....”
“นั่นไม่สำคัญ” หยุนหรั่นเฟิงโบกมือ เคลื่อนไหวความคิด ขวดยาทาขวดเล็กขวดหนึ่งเพิ่มมาในมือ ก่อนข้ามภพมา ด้วยเพราะสถานะพิเศษของนาง จึงแทบกินนอนอยู่ในห้องทดลอง ดังนั้นภายในห้องทดลองจึงมีกล่องยากับยาสำรอง
หันกลับมาเห็นหลินหลังไม่ขยับ จึงพูดเร่งขึ้นว่า “เร็วหน่อย ใบหน้าของเจ้าต้องรีบทานยา”
หลินหลังอึ้ง คุณหนูถูกกระทำขนาดนี้แล้ว ยังเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของนาง?
น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที
หลินหลังอดกลั้นความตื่นเต้นไว้ ยกขาขึ้นไปบนเตียงอย่างเชื่อฟัง แล้วปล่อยหยุนหรั่นเฟิงช่วยทายาให้นาง ยาอ่อนโยนถูกทาบนใบหน้าของนาง ความรู้สึกเย็นแผ่ซ่านไปทั่ว เดิมใบหน้าที่ร้อนผ่าว รู้สึกเย็นขึ้นมาทันที ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
“ยานี้อัศจรรย์มากเลย?”
หลินหลังมองดูคุณหนูของตน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ยานี้ได้มาจากไหน?
หรือว่า ได้มาจากองค์ชายแปด?
หยุนหรั่นเฟิงไม่ได้สังเกตดูท่าทีของหลินหลัง นางกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะกู้สถานการณ์กลับคืนมายังไง เซียวจิ่นหมิง ยายเฒ่าปลิ้นปล้อน.....คนที่เคยรังแกนางพวกนี้ ไม่ว่าคนไหน นางก็จะไม่ยกเว้น
จัดการบาดแผลบนใบหน้าหลินหลังเสร็จแล้ว หยุนหรั่นเฟิงตบบ่าของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
หลินหลังกระโดดลุกขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้อย่างไร? บ่าวไม่ไป บ่าวจะอยู่ที่นี่ ปกป้องคุณหนู”
หยุนหรั่นเฟิงฟังแล้วก็ขำ คิดว่าตนเองยังมีเรื่องต้องจัดการ จึงผลักนางออกไปจากประตูห้อง ให้นางกลับไปพักผ่อน ในใจกลับจดจำความตั้งใจปกป้องนี้ไว้ในใจ
มือลูบกำไลหยด หยุนหรั่นเฟิงกลับมายังห้องทดลองอีกครั้ง นี่เป็นห้องทดลองที่นางสร้างขึ้นมาเอง นอกจากมีอุปกรณ์เครื่องมือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ครบชุดแล้ว นางยังจัดห้องรับรองให้ตัวเองซึ่งเปรียบได้กับห้องชุดของโรงแรมระดับห้าดาว
คิดได้แบบนี้ หยุนหรั่นเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งไปยังห้องพักผ่อน ร่างกายที่ถูกทรมานอย่างมากเมื่อคืน สามารถอดทนได้ถึงตอนนี้ถือว่าเป็นขีดสุดของนางแล้ว
นางเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่แม้แต่จะคิด ในขณะที่มือขวาจับฝักบัว มือหยุดชะงัก ที่นี่ไม่มีไฟ สิ่งของที่นี่ยังจะสามารถใช้ได้ไหม?
หยุนหรั่นเฟิงลังเลอยู่หนึ่งวินาที เมื่อเปิดก๊อกน้ำ น้ำร้อนพ่นไหลลงมาจากฝักบัว ร่างกายของนางอาบไปด้วยความปีติยินดีในทันที
สามารถใช้ได้
หยุนหรั่นเฟิงอาบน้ำอย่างมีความสุข แล้วก็เปลี่ยนสวมชุดเสื้อผ้าที่สะอาดสวมใส่สบาย หลังจากเดินสำรวจดูรอบๆภายในห้องทดลองแล้ว เลเซอร์ลบรอยแผลเป็นที่เกิดจากหลอดเลือดผิดปกติบนใบหน้าออก จากนั้นก็ใช้ยาสมุนไพรที่ตนเองมีอยู่พอกหน้าเพื่อซ่อมแซมบำรุงผิวหน้าให้กับตนเอง หลังจากพอกหน้าเสร็จแล้วก็ไปยืนส่องกระจกอยู่ยังสวยงาม
แม้ว่าจะมีความคาดหวังอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม หยุนหรั่นเฟิงยังคงประหลาดใจกับใบหน้าในกระจก คิ้วเรียวได้รูป ผิวขาวเนียนละเอียด ดวงตาเหมือนดั่งฤดูใบไม้ร่วงคู่หนึ่งฝังอยู่ในใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือ ใบหน้างดงามทุกส่วน ตอนนี้ไม่ได้ทาแป้ง เหมือนดั่งดอกชบาที่ผุดขึ้นมาจากน้ำใส.....
ภายในความทรงจำ ผู้คนต่างพูดว่าหยุนหรั่นเฟิงบุตรสาวแม่ทัพใหญ่หน้าตาอัปลักษณ์ ซุ่มซ่ามเซ่อซ่า....เป็นเรื่องอุกอาจยิ่งนัก
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูข้างนอกดังขึ้น พร้อมเสียงดังขึ้นว่า “คุณหนู คุณหนูอยู่ในห้องไหม?” หลินหลังถามอยู่ข้างนอกยังเป็นกังวล
หยุนหรั่นเฟิงมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องพัก นางเข้ามาอยู่ในช่องว่างกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว
นางเคลื่อนไหวความคิด ออกมาจากช่องว่าง ยื่นมือเปิดประตู เดิมหลินหลังยังเป็นกังวล เมื่อเห็นหน้าหยุนหรั่นเฟิง ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ตั้งนานกว่าจะหาเสียงตนเองกลับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู ใบหน้าของท่าน....”
หยุนหรั่นเฟิงกะพริบตาให้กับนาง พร้อมทำมือให้เงียบ ใบหน้าที่ไม่มีปานแล้ว ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มช่างน่าทึ่ง บวกกับท่าทางขี้เล่นและน่ารักนี้ หลินหลังแทบใจละลาย
หลินหลังถามขึ้นด้วยสายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็นว่า “คุณหนู ท่านทำได้อย่างไร? อัศจรรย์มากเลย ท่านสวยงดงามขนาดนี้ หากท่านเอาปานบนหน้าออกไปตั้งแต่แรก วันนี้องค์ชายแปดก็คงไม่....”
หลินหลังพูดได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุด หยุนหรั่นเฟิงเลิกคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “หมา....วันนี้องค์ชายแปดทำอะไร? ”ระบบชนชั้นในยุคโบราณนั้นเข้มงวด อาจจะทำให้หลินหลังตกใจ นางกลืนสรรพนามคำหยาบกลับคืนไป
ภายใต้การบีบถามของหยุนหรั่นเฟิง สุดท้ายหลินหลังก็พูดขึ้นมาว่า “คุณหนูท่านไม่รู้ เมื่อคืนองค์ชายแปดเพิ่งแต่งงานกับท่าน วันนี้ก็แต่งพระชายารองเข้ามาแล้ว ช่าง....ช่างสารเลวจริงๆ”
สาวใช้ทั้งโกรธทั้งโมโห พูดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้า
หยุนหรั่นเฟิงรีบคว้าจุดสำคัญ วันนี้เซียวจิ่นหมิง.....แต่ง....พระชายารอง?
นางอึ้งไปสักพัก แล้วค่อยเข้าใจ ถึงว่ายายเฒ่าปลิ้นปล้อนคนนั้นถึงมาหาเรื่องนางแต่เช้า ยังไม่ให้นางก้าวเท้าออกจากห้อง....
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เมื่อวานแต่งพระชายาเอก วันนี้ก็จะแต่งพระชายารอง เซียวจิ่นหมิงคนนี้ ไม่กลัวว่าไตของตนเองจะรับไม่ไหวหรือ?
หยุนหรั่นเฟิงขมวดคิ้ว สายตากวาดมองภายในห้อง สุดท้ายจับจ้องมองบนเตียงที่ยุ่งเหยิง มุมปากของนางกระตุกยิ้มอย่างเย็นชา ก้มลงเก็บชุดแต่งงานที่ฉีกขาดมาสวมใส่ หาผ้าเช็ดหน้ามาคลุมหน้าไว้ จากนั้นก็เดินเชิ่ดหน้าออกไป ภายใต้สายตาตกตะลึงของหลินหลัง
เมื่อคืนผู้ชายสารเลวคนนั้นข่มเหงนาง วันนี้ยังคงจะแต่งพระชายารองอย่างมีความสุข ฝันไปเถอะ....
งานเลี้ยงจัดตรงด้านหน้าลาน มีการประดับไฟประดับประดาไปทั่วทุกที่ คึกคักยิ่งนัก หยุนหรั่นเฟิงเพิ่งเดินลงบันไดมายืนนิ่ง ก็ได้ยินเสียงวิจารณ์นินทามากกว่า
“องค์ชายแปดคนนี้มีบุญจริงๆ แต่งงานแต่งสนมติดต่อกันสองวัน ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ”
“ทำไมเจ้าไม่พูดว่า เมื่อวานองค์ชายแปดเพิ่งแต่งงานกับพระชายาหลัก วันนี้ก็แต่งพระชายารองเข้ามา เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าพระชายาหลักคนนั้นขนาดไหน”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานตอนที่แต่งงานกับพระชายา ไม่ได้เชิญแขกสักคนเลย อย่าว่าแต่งานเลี้ยง เกี้ยวเจ้าสาวหาบเข้ามาทางประตูด้านหลัง ก็สิ้นเรื่องแล้ว.....มีงานเหมือนอย่างวันนี้เสียที่ไหน”
“อ๋า? ง่ายขนาดนี้เลยหรือ? พระชายาคนนั้นเป็นถึงคุณหนูจวนแม่ทัพใหม่ไม่ใช่หรือ?”
“งั้นเจ้านี่ช่างหูตาแคบจริงๆ พระชายาแปดคนใหม่นี้ ใบหน้า....เพ้ยๆ”
……
ผู้คนต่างพากันหัวเราะอย่างสมเพช ไม่มีใครสังเกตเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา
สายตาหยุนหรั่นเฟิงมองดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวตรงกลางห้องโถงอย่างเฉียบเย็น แววตาปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น เวลานี้ ผู้นำในพิธีกล่าวคำอวยพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเปล่งเสียงตะโกนพูดขึ้นว่า “เจ้าบ่าวเจ้าสาวโค้งคำนับ หนึ่งไหว้ฟ้าดิน.....”
ในขณะที่กำลังจะพูดเสร็จ หยุนหรั่นเฟิงก้าวเท้ามาตรงด้านหน้า พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ช้าก่อน”