บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจ

หลังจากที่ฉีเทียนตัดสายโทรศัพท์แล้ว ก็ได้รับข้อความที่ส่งมาจากปีศาจมังกรแห่งเป่ยไห่

เสิ่นเผิงปิน ลูกคนรองของตระกูลเสิ่น สองปีก่อนไปจากเทียนหยิน

คนนอกไม่ทราบสาเหตุที่เสิ่นเผิงปินออกไปจากเทียนหยิน แต่ข้อความที่ปีศาจมังกรแห่งเป่ยไห่บันทึกไว้ชัดเจน เพราะเสิ่นเผิงปินบังคับพัฒนาที่ดินผืนหนึ่ง ทำให้มีคนเสียชีวิตเจ็ดคน และเสิ่นเผิงปินทำเพียงคนเดียว

แม้ว่าเสิ่นเผิงปินจะเป็นทายาทคนรวย แต่มีนิสัยที่โหดเหี้ยม กล้าหาญและดุร้าย เป็นคนโหดเหี้ยมที่มีชื่อเสียงในสังคมทายาทคนรวยของทั้งเทียนหยิน

ออกไปจากเทียนหยินสองปี ตระกูลเสิ่นไม่ช่วยเหลือด้านเงินให้กับเสิ่นเผิงปินเลยสักนิด แต่เสิ่นเผิงปินอาศัยชื่อเสียงที่ตนเองไปสร้างไว้ในต่างถิ่น อีกทั้งยังก่อตั้งแก๊งใต้ดินขึ้นมาอีกด้วย เห็นถึงระดับความสามารถและความโหดเหี้ยมของเขา

เสิ่นเผิงปินกลับมาครั้งนี้ กลับมาเพื่อแย่งสมบัติของตระกูลเสิ่น!

และอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของเสิ่นเผิงปิน ก็คือเสิ่นชิวสุ่ยที่ดูแลจัดการองค์กรของตระกูลเสิ่นในตอนนี้

เสิ่นเผิงปินทำอะไรก็มีความโหดเหี้ยม ดังนั้นวิธีการที่ใช้ก็จะตรงที่สุด เขาอยากให้เสิ่นชิวสุ่ยตาย เช่นนี้แล้ว เสิ่นเผิงปินสามารถเข้ามารับช่วยต่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

หลังจากที่ฉีเทียนอ่านจบ ก็ลบข้อความที่อยู่บนโทรศัพท์มือถือออก ออกจากบ้านไปโบกมือเรียกรถคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปที่เสิ่นซื่อ กรุ๊ป

ชั้นดาดฟ้าของเสิ่นซื่อ กรุ๊ป ภายในห้องทำงานของประธาน เสิ่นชิวสุ่ยนั่งอยู่บนโซฟารับแขก บนที่นั่งเดี่ยวของโซฟาอีกตัวหนึ่ง เป็นผู้หญิงสาวสวยผมสั้นคนหนึ่ง

เสิ่นชิวสุ่ยมองดูข้อมูลที่ผู้หญิงสาวสวยผมสั้นถือมา เผยความสงสัยบนใบหน้า : “เฉียวหลิง เธอมั่นใจว่าข้อมูลนี้ไม่ผิด?”

เฉียวหลิงพยักหน้าเบา ๆ : “ไม่ผิดแน่นอน เธอก็รู้ว่าฉันทำอะไร ฉีเทียนคนนี้ เป็นนักโทษติดคุกจริง ๆ”

เสิ่นชิวสุ่ยขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา

เฉียวหลิงถามด้วยความไม่เข้าใจว่า : “ชิวสุ่ย คุณปู่ของเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ ที่ให้เธอหมั้นกับนักโทษติดคุกคนหนึ่ง? เพราะคำพูดของกู้เหวินเหรอ? ต่อให้กู้เหวินเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยิน ก็ไม่ควรผลักเธอเข้าไปในกองไฟแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?”

ในใจของเสิ่นชิวสุ่ยเต็มไปด้วยความขมขื่น เดิมทีหมั้นกับคนแปลกหน้าก็ทำให้เธอยากที่จะยอมรับแล้ว ตอนนี้ยังพบว่า คน ๆ นี้เพิ่งออกจากคุกอีก!

เสิ่นชิวสุ่ยพูดด้วยความขมขื่น : “งานแต่งงานนี้คุณปู่ได้ตกลงกับคนอื่นมาตั้งแต่อดีตแล้ว ฉันปฏิเสธไม่ได้”

เฉียวหลิงรู้สึกเสียดายแทนเสิ่นชิวสุ่ย : “ชิวสุ่ย เธอเป็นคนสวย ฐานะทางบ้านก็ดี มีความสามารถด้วย มีผู้ชายดี ๆ ตามจีบเธอตั้งเยอะก็ยังจีบไม่ได้ สุดท้ายนักโทษที่ติดคุกก็ได้ไปง่าย ๆ เขาขับรถชนคนแล้วหนีจึงถูกตัดสินให้จำคุก! คนแบบนี้มีนิสัยที่แย่สุด ๆ ! เธอรู้ไหมว่าผู้หญิงที่โดนเขาชนเจ็บปวดทรมานขนาดไหน? ขาพิการทั้งสองข้าง ต้องใช้ชีวิตอยู่บนวีลแชร์ตลอดชีวิตแล้ว!”

ตอนที่เฉียวหลิงตรวจสอบฉีเทียน ก็เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเอาไว้

เสิ่นชิงสุ่ยกัดริมฝีปากที่แดง ส่ายหัวเล็กน้อย : “ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว”

เสิ่นชิวสุ่ยรู้ เรื่องนี้ตนไม่สามารถปฏิเสธได้ เกิดในตระกูลเสิ่นครอบครัวที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มนี้ ในขณะเดียวกัน ก็สูญเสียอะไรหลาย ๆ ไป

เฉียวหลิงยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห

สำหรับเฉียวหลิงแล้ว ผู้ชายอย่างฉีเทียน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความสามารถ เป็นแค่คนที่ไม่ได้เรื่องไม่เอาไหนชัด ๆ!

เสิ่นชิวสุ่ยฝืนยิ้มออกมา มองดูเพื่อนสนิทที่รู้สึกเสียดายแทนตัวเอง พูดอย่างมองโลกในแง่บวกว่า : “อย่างไรเสียระหว่างพวกเราก็มีแค่ข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น ตอนนี้แค่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ”

“แบบนั้นก็ไม่ได้!” เฉียวหลิงยังคงโมโห “เรื่องที่หมั้นกันในวันนี้รู้กันทั้งวงการธุรกิจเทียนหยินแล้ว ต่อให้สุดท้ายแล้วจะไม่แต่งงานกัน ชื่อเสียงของเธอก็ได้รับผลกระทบมากแล้ว! ฉีเทียนเป็นคนท่ารังเกลียดจริง ๆ ! เป็นหมาเห่าเครื่องบิน!”

เสิ่นชิวสุ่ยลุกขึ้นยืน : “เอาน่า ไม่ต้องพูดแล้ว ครั้งก่อนเธอบอกว่าร้านอาหารนั้นไม่เลวไม่ใช่เหรอ ไปกันเถอะ วันนี้ไปลองชิมดู”

“ชิวสุ่ย นี่...เธอ” เฉียวหลิงยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ท่าทีของเสิ่นชิวสุ่ยนี้ ทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความจนปัญญา

ผู้หญิงทั้งสองคนเดินลงไปชั้นล่างของบริษัท ทำให้พนักงานมองมาไม่น้อย แม้ว่าเสิ่นชิวสุ่ยจะเป็นเจ้านาย แต่ผู้หญิงสาวสวยทั้งสองคนเดินด้วยกันจะเป็นภาพที่สวยงาม ทำให้อดที่จะมองซ้ำไม่ได้

กำลังเดินออกไปจากประตูบริษัท ฉีเทียนก็เดินเข้ามา

เสิ่นชิวสุ่ยขมวดคิ้ว

ฉีเทียนเดินไปข้าง ๆ เสิ่นชิวสุ่ย เอื้อมมือไปโอบไปที่ไหล่ของเสิ่นชิวสุ่ย

เสิ่นชิวสุ่ยตัวสั่นเล็กน้อย จะต่อต้านการกระทำของฉีเทียนโดยอัตโนมัติ แต่ก็ฝืนทนได้

ฉีเทียนสัมผัสถึงการต่อต้านของเสิ่นชิงสุ่ยได้ชัดเจน เขายิ้มให้เสิ่นชิวสุ่ยหนึ่งครั้ง มองไปที่เฉียวหลิงแล้วพูดว่า : “ชิวสุ่ย คนนี้คือใครเหรอ?”

เสิ่นชิวสุ่ยกำลังจะพูด เฉียวหลิงก็พูดขึ้นมก่าอน : “ฉีเทียนใช่ไหม?”

น้ำเสียงของเฉียวหลิง มีความแข็งและไม่พอใจ

ฉีเทียนหยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากพูดอย่างสุภาพว่า : “สวัสดี”

เฉียวหลิงมองดูท่าทางเจ้าเล่น์ของฉีเทียน ยิ้มอย่างเย็นชา : “คนบางคน คิดว่าบินขึ้นที่สูงก็จะเป็นหงส์ได้จริง ๆ แต่น่าเสียดาย อีกาก็คืออีกาอยู่วันยังค่ำ ต่อให้บินขึ้นไปบนต้นเมเปิล ก็เป็นแค่อีกาตัวหนึ่ง”

คำพูดของเฉียวหลิงเย้ยหยันอย่างชัดเจนมาก

ฉีเทียนยังคงยิ้มเหมือนไม่ได้ยิน พูดกับเสิ่นชิวสุ่ยว่า : “ชิวสุ่ย จะไปไหนเหรอ? ไปด้วยกันเถอะ”

เฉียวหลิงเอามือกอดอก พูดอย่างไม่เป็นมิตรว่า : “คุณฉี ฉันกับชิวสุ่ยเป็นเพื่อนสนิทกันอยากจะไปร่วมกินข้าวด้วยกัน คุณคงไม่ต้องถามให้ชัดเจนก็ได้มั้ง? อย่าว่าแต่พวกคุณแค่หมั้นกันเลย ต่อให้แต่งงานกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองบ้าง คุณไม่รู้สึกว่าคุณเป็นส่วนเกินเหรอ?”

ฉีเทียนยังคงพูดอย่างลื่นไหลว่า : “ชิวสุ่ย นายท่านเสิ่นให้พวกเราสร้างความสัมพันธ์กันให้มาก”

เสิ่นชิวสุ่ยเห็นฉีเทียนเอาคุณปู่ของตัวเองมาอ้าง จึงโมโหขึ้นมาในทันใด แต่ก็ไม่มีที่ระบาย จ้องไปที่ฉีเทียนแวบหนึ่ง เสิ่นชิวสุ่ยบอกกับเฉียวหลิงว่า : “เฉียวหลิง พวกเราค่อยไปวันอื่นก็แล้วกัน”

ทำไมเฉียวหลิงจะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดที่ฉีเทียนพูดออกมา เธอคิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะไร้ยางอายขนาดนี้ ตนเองพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว เขายังเอาคุณปู่ของเสิ่นชิวสุ่ยมาอ้างอีก!

เฉียวหลิงพูดขึ้นทันทีว่า : “ชิวสุ่ย เราตกลงกันแล้ว ทำไมต้องเลื่อนวันด้วย อย่าว่าแต่หมั้นเลย ต่อให้กู้เหวินอยู่ที่นี่ ก็ใช่ว่าเขาพูดอะไรก็ว่าตามนั้น”

คำพูดประโยคนี้ของเฉียวหลิงกำลังต่อว่าฉีเทียนอย่างชัดเจน อย่าว่าแต่ฉีเทียนเป็นคนที่กู้เหวินระบุให้มาที่นี่ ต่อให้เป็นตัวของกู้เหวินอยู่ที่นี่ วันนี้ก็ไม่ไว้หน้าให้!

เสิ่นชิวสุ่ยมีสีหน้าที่ลำบากใจ ด้านหนึ่งก็เป็นเฉียวหลิงที่เรียกร้องความไม่เป็นธรรม อีกด้านหนึ่งก็กังวลใจเรื่องที่บ้าน คิดไปคิดมาจึงทำได้เพียงหาวิธีถนอมน้ำใจเท่านั้น

“เฉียวหลิง หรือเธอไปที่บ้านฉันไหม บ้านที่ย้ายเข้าไปใหม่ เธอจะได้รู้จัก”

เฉียวหลิงก็รู้ว่าเสิ่นชิวสุ่ยลำบากใจ จึงไม่ได้ยืนหยัดที่จะไปร้านอาหารนั้น พยักหน้า : “ก็ได้ งั้นกลับไปกันเถอะ นั่งรถฉัน”

ฉีเทียนไม่รู้สึกอะไร เขามาที่นี่ แค่มั่นใจว่าเสิ่นชิวสุ่ยไม่ได้ไปไหนมั่วก็ได้แล้ว เดินไปขึ้นรถของเฉียวหลิงตามเสิ่นชิวสุ่ย

เฉียวหลิงเพิ่งเปิดประตูรถออกเข้าไปนั่งที่คนขับรถ ก็เห็นว่าฉีเทียนเปิดประตูข้างหลังที่นั่งคนขับแล้วนั่งเข้าไป

เฉียวหลิงพูดเสียงเย็นชาว่า : “คุณฉี ฉันไม่ได้ชวนคุณมานั่งที่รถฉันนี่คะ?”

ฉีเทียนยิ้มแห้ง : “ยังไงก็ไปที่เดียวกัน ผมเองก็ไม่มีรถ ก็พาผมไปด้วยเลยสิ”

เฉียวหลิงอดกลั้นความใจร้อนที่อยากจะไล่ฉีเทียนลงจากรถ ยังไงก็ต้องเว้นช่องว่างและพื้นที่ในการไหวตัวให้กับเสิ่นชิวสุ่ย เฉียวหลิงฝืนทนกับคนน่ารังเกียจอย่างฉีเทียน แล้วออกรถไป

ฉีเทียนนั่งอยู่ข้างหลังรถ สังเกตอย่างละเอียด ตลอดทางที่รถขับอยู่บนถนน ฉีเทียนมั่นใจแล้วว่า มีรถตามหลังพวกเขาอย่างน้อยสามคัน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel