บทที่ 6 คู่หมั้นของเขาจะสนใจเธอเหรอ?
กู้เหวินขึ้นไปบนเวที มองดูรอบ ๆ
ภาพนี้ เหมือนสายฟ้าในท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ฟาดลงบนหัวของหวังหรงและจ้าวเฉิง
คน ๆนี้! เป็นคนที่คอยช่วยฉีเทียน ที่แท้ก็คือกู้เหวินเหรอ?
มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง?
หลังจากที่กู้เหวินขึ้นไปบนเวทีแล้ว เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นทั่วทั้งห้องโถง นี่คือบุคคลอันดับหนึ่งของวงการธุรกิจเทียนหยิน ใครไม่ไว้หน้าบ้าง?
มีเพียงหวังหรงกับจ้าวเฉิงสองคนที่อึ้งอยู่ มีความโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน!
มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยิน เป็นคนที่เหนือกว่าตระกูลเสิ่น!
หวังหรงอยากจะเจอเสิ่นชิวสุ่ยต้องนัดล่วงหน้าหนึ่งเดือน ได้เจอหรือไม่ได้เจอยังต้องขึ้นอยู่กับโชคอีกด้วย
แต่ตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้กู้เหวินโกรธเคือง และยังทำให้โกรธเคืองถึงแก่ชีวิต!
หวังหรงรู้สึกเพียงโลกหมุน ทั้ง ๆ ที่บรรยากาศภายในห้องโถงอบอุ่น สบายใจมาก ๆ แต่หวังหรงกลับรู้สึกมีเหงื่อเย็นเต็มหลัง! นี่คือกู้เหวินเลยนะ แค่โบกมือขึ้นมา ก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของตนเองได้เลย!
หวังหรงอดที่จะกำหมัดขึ้นมาไม่ได้ รู้สึกโกรธเคืองอยู่ในใจสุด ๆ ทำไม! ทำไมคนติดคุกอย่างฉีเทียนถึงได้รู้จักกับกู้เหวิน!
เพราะอะไร! ทำไมคนอย่างกู้เหวินถึงช่วยออกหน้าแทนฉีเทียน!
กู้เหวินที่ยืนอยู่บนเวทีมองไปรอบ ๆ ยิ้มเล็กน้อย : “ขอบคุณที่นายท่านเสิ่นให้เกียรติ ทำให้ผมได้มาโชว์ตัวในวันนี้ ได้ออกมาเดินดูข้างนอกนานมากแล้ว วันนี้เทียนหยินกลายเป็นโลกของวัยรุ่นหนุ่มสาวแล้ว ชิวสุ่ยเป็นสาวน้อยที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต วันนี้ได้เจอคู่ครองที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก”
เสียงปรบมือข้างล่างเวทีดังขึ้นอีกครั้ง
กู้เหวินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาอีกว่า : “วันนี้เห็นวัยรุ่นหลาย ๆ คน ต่างก็มีความฮึกเหิม โดยเฉพาะคนที่ชื่อจ้าวเฉิงทำให้ผมจดจำได้ไม่ลืม”
จ้าวเฉิงที่อยู่ข้างล่างเวทีตัวสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง เหมือนโดนไฟช็อต สีหน้าอ้ำอึ้ง เขาเพิ่งภาวนาให้กู้เหวินลืมคนที่มีสถานะน้อย ๆ อย่างตนเอง แต่ตอนนี้ได้ยินกู้เหวินระบุชื่อขึ้นมา!
จ้าวเฉิงเข้าใจทันที ตนเองหลบหนีภัยอันตรายในครั้งนี้ไปไม่ได้แน่นอน!
สิ่งที่จ้าวเฉิงไม่รู้คือ ถ้าเขาแค่หาเรื่องกู้เหวิน บางทีกู้เหวินอาจจะจำเขาที่เป็นบุคคลตัวเล็ก ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เขาดันไปหาเรื่องฉีเทียน
สำหรับกู้เหวินแล้ว ตอนนี้ทุกคนในเหวินจุน กรุ๊ป ต้องบริการให้ฉีเทียนคนเดียว! ใครทำให้ฉีเทียนโกรธเคือง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเหวินจุน กรุ๊ป กู้เหวินไม่ปล่อยไว้แน่!
จ้าวเฉิงหลบอยู่ในฝูงชนเงียบ ๆ เหมือนวิธีการแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเล็กน้อย
จ้าวเฉิงที่หลบอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างเงียบ ๆ ยื่นไปดึงหวังหรงหนึ่งครั้ง แต่ดึงอย่างไรก็ไม่ขยับ
จ้าวเฉิงเรียงด้วยความร้อนรน : “หวังหรง! มานี้!”
สีหน้าของหวังหรงเต็มไปด้วยความไม่ยอม : “ทำไมคนแซ่ฉีถึงได้รับการหนุนหลังของคนอย่างกู้เหวิน? ฉันไม่ยอม! ฉันดีกว่าเขาตั้งเยอะ!”
หวังหรงทำให้ฉีเทียนต้องเข้าคุก และเป็นฝ่ายขอแยกทางกับฉีเทียน ตอนนี้เพียงแค่ฉีเทียนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีสักเล็กน้อย หวังหรงก็จะรู้สึกหงุดหงิดใจมาก ทางกลับกัน ฉีเทียนยิ่งอนาถ หวังหรงก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข
ตอนนี้เห็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยินหนุนหลัง หวังหรงจะยอมทนความไม่ยอมนี้ได้อย่างไร!
จ้าวเฉิงมองดูสีหน้าของหวังหรง รู้ว่าหวังหรงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จ้าวเฉิงพูดอย่างใจร้อนว่า : “เธอไม่ยอมก็ไม่มีวิธีการอื่น ไม่รู้ว่าคนแซ่ฉีนั้นจะโชคดีอะไรมากนักมีกู้เหวินช่วยหนุนหลัง ต่อให้เธอจะได้รับความสำคัญจากเสิ่นชิวสุ่ย ก็ไม่สามารถงัดข้อกับกู้เหวินได้!”
“ไม่!” หวังหรงจ้องมองไปที่เวทีอย่างไม่ละสายตา “กู้เหวินสุดยอด เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งเทียนหยิน แต่คุณต้องรู้ว่า ที่วันนี้เขาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ได้ จะต้องไม่ใช่เป็นเพราะตระกูลเสิ่นมีหน้ามีตามากแค่ไหน แต่เป็นเพราะคู่หมั้นของเสิ่นชิวสุ่ย ตระกูลเสิ่นไม่สามารถงัดข้อกับกู้เหวินได้ แต่คู่หมั้นคนนั้นของเสิ่นชิวสุ่ยทำได้ เขาเป็นคนใหญ่คนโตแน่นอน!”
หวังหรงหายใจเข้าลึก ๆ : “ถ้าฉันสามารถสนิทกับเสิ่นชิวสุ่ย สามารถทำความรู้จักกับคู่หมั้นของหล่อน ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเอาคืนกู้เหวิน! และพวกเราต้องไปทำเรื่องนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลาที่ฉีเทียนไปรื้อคดีขึ้นมา พวกเราทั้งสองซวยกันหมด!”
เมื่อได้ยินหวังหรงพูดแบบนี้ จ้าวเฉิงก็ตระหนักถึงปัญหาที่สำคัญขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่าจะจัดการกับฉีเทียนได้หรือไม่ แต่ต้องจัดการฉีเทียนให้ได้ ไม่อย่างนั้นหลังจากที่ฉีเทียนไปรื้อคดีได้ ตนเองจะต้องแย่แน่ ๆ!
จ้าวเฉิงที่หลบอยู่ในฝูงชนก็ยืนออกมาอีกครั้ง หวังหรงพูดถูก ไปมาหาสู่กับตระกูลเสิ่นไม่พอ แต่คู่หมั้นลึกลับของเสิ่นชิวสุ่ยนั้น จะต้องมีคุณสมบัติที่เพียงพอแน่นอน วันนี้กู้เหวินออกมากล่าวคำอวยพร ก็พอที่จะบ่งบอกถึงสถานะของคน ๆ นั้นแล้ว แค่คบค้าสมาคมกับคนนั้นให้ดี การจัดการฉีเทียนเพียงคนเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
อย่างไรเสียฉีเทียนก็เป็นเพียงนักโทษที่ติดคุก ต่อให้มีกู้เหวินหนุนหลังให้ ฉีเทียนก็เป็นเพียงแค่สุนัขตัวหนึ่งที่กู้เหวินเลี้ยงไว้เท่านั้น
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จ้าวเฉิงก็มีความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง ยืนอยู่ข้าง ๆ หวังหรง มองไปบนเวที
บนเวที กู้เหวินกล่าวคำอวยพรเสร็จ พูดเสียดังขึ้นมาว่า : “ตอนนี้ ขอเชิญพระเอกของวันนี้ขึ้นมาบนเวที!”
เมื่อเสียงของกู้เหวินสิ้นสุดลง เสียงปรบมือดังขึ้นมาอีกครั้ง ดังก้องมากกว่าที่ผ่านมาทุกครั้ง ดูจากท่าทางของกู้เหวิน ทุกคนต่างก็ดูออกพระเอกของวันนี้ ตำแหน่งจะต้องน่าเคารพมากกว่ากู้เหวิน!
บุคคลแบบนี้ จะต้องทำความรู้จักไว้ให้ดี!
หวังหรงกับจ้าวเฉิงมองไปอีกฝั่งด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ รอคอยพระเอกออกมา คน ๆ นี้ จะเป็นที่พึ่งที่ทำให้พวกเขาพลิกชีวิตได้!
จากเสียงปรบมือที่ดังขึ้น ฉีเทียนจัดระเบียบปกคอเล็กน้อย มองดูหวังหรงและจ้าวเฉิงทั้งสองคนที่กำลังพยายามปรบมือและปรากฏตัวออกมาจนกีดขวางทางเดิน
หวังหรงกับจ้าวเฉิงอยากจะแสดงตัว จึงยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ทางขึ้นเวทีโดยเฉพาะ คิดไว้ว่าเดี๋ยวจะมีโอกาสสร้างภาพจำที่ดีให้คู่หมั้นลึกลับคนนี้หรือไม่
เดิมทีฉีเทียนไม่อยากสนใจสองคนนี้ แต่หวังหรงพวกเขาสองคนขวางทางเดินขึ้นเวทีจนมิด ฉีเทียนพูดขึ้นว่า : “ขอทางหน่อย”
หวังหรงก็เคลื่อนตัวออกด้วยสัญชาตญาณ แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก หันกลับไปมอง ก็เห็นฉีเทียนยืนอยู่ข้างหลังตน
หวังหรงมองดูฉีเทียนด้วยความเหยียดหยาม พูดเย้ยหยันว่า : “ฉันก็ว่าแกเอาความกล้ามาจากไหนที่เข้ามาในสถานที่แบบนี้ ที่แท้ก็เป็นสุนัขของกู้เหวินนี่เอง แต่แกอย่าคิดว่าเป็นสุนัขของกู้เหวินแล้วจะเหยียบบนหัวฉันได้นะ จะบอกให้ แกเป็นเพียงนักโทษ ที่ติดคุกเพียงคนหนึ่ง ไม่มีวันเชิดหน้าชูตาได้!”
ฉีเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
จ้าวเหวินที่ตกตะกอนทางความคิดได้แล้วพูดด้วยความจองหองว่า : “คนแซ่ฉี แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? เป็นสุนัขแล้วจะกัดใครก็ได้เหรอ? ฉันยืนอยู่ตรงนี้ แล้วแกจะทำอะไรได้? ให้ฉันหลีกทางให้ แกคิดว่าแกเป็นใคร?”
ฉีเทียนมองดูท่าทางนี้ของทั้งสองคน ไม่อยากพูดอะไรมาก ใช้ไหล่ชนจ้าวเฉิง เดินขึ้นไปบนเวที
จ้าวเฉิงโดนชน จึงโมโหขึ้นมาทันที กระชากเสื้อของฉีเทียน หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า : “คนแซ่ฉี แกคิดว่ามีคนหนุนหลังแกแล้วจะเหิมเกริมต่อหน้าฉันได้เหรอ?”
หวังหรงเย้ยหยันว่า : “คนแซ่ฉีรีบไปหานายคนใหม่ แกคิดว่ากู้เหวินหนุนหลังให้แกเพราะอะไร? คนที่ทำอสังหาริมทรัพย์อย่างกู้เหวิน ทำเรื่องสกปรกที่มากมาย หานักโทษติดคุกมาสักคน ก็เพียงเพื่อให้มาเป็นแพะรับบาปในภายหลังเท่านั้น ความรู้ของคนแซ่ฉีเป็นได้เพียงสุนัขของกู้เหวินเท่านั้น อย่าเพิ่งรีบไปประจบประแจงคู่หมั้นของเสิ่นชิวสุ่ย”
จ้าวเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา : “คู่หมั้นของเสิ่นชิวสุ่ยเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งขนาดไหน? ฉีเทียนอย่างแกก็แค่มากระดิกห่างเหมือนสุนัขเท่านั้น คนอื่นเขาจะรังเกียจเอา เอ่อใช่ พูดถึงเรื่องกระดิกหาง หลังจากที่แกเข้าไปในตอนนั้น พ่อแม่ของแกก็มาขอร้องฉันต่อหน้า แววตาท่าทางที่น่าสงสารนั้น...”
“เพี๊ยะ!”
จ้าวเฉิงยังพูดไม่จบ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตบที่ชัดเจน
ฉีเทียนตบด้วยหลังฝ่ามือเข้าไปที่หน้าของจ้าวเฉิงอย่างรุนแรง เสียงดังฟังชัด ทำให้เสียงปรบมือในงานหยุดลงอย่างฉับพลัน