บทที่ 13 ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้
หลิวจี้นั่งอยู่ตรงนี้ และคุยโม้โอ้อวดเรื่องอิทธิพลใต้ดินหลากหลายแบบให้เสิ่นชิวฟัง
“ประธานเสิ่น ดูเหมือนอิทธิพลใต้ดินห่างไกลจากคุณมาก แต่ความจริงแล้ว อิทธิพลใต้ดินเหล่านี้มีทั่วทุกที่ อาทิเช่นในKTV ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ อิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง เรียกว่าองค์กรสิบทิศ! ผมจะบอกให้ องค์กรสิบทิศเป็นหนึ่งในอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ พันธมิตรที่เสิ่นเผิงปินหามา เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์กรสิบทิศไร้ค่ามาก”
หลิวจี้เผยสีหน้าที่ภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด : “และผมเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่รับผิดชอบองค์กรสิบทิศด้วย ดังนั้น ประธานเสิ่น เรื่องนี้ ผมจะจัดการให้เอง”
หลิวจี้ยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า ต้องเป็นคุณชายหลิวของพวกเราเท่านั้น!”
“ประธานเสิ่น ผมจะบอกให้ เรื่องนี้คุณหาใครในเทียนหยินก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงคุณชายหลิวเท่านั้นที่สามารถช่วยคุณได้!”
เพื่อน ๆ ทายาทคนรวยของหลิวจี้ที่นั่งอยู่ในห้องVIP ต่างก็อวยยศกันขึ้นมา
หลิวจี้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์พูดว่า : “ประธานเสิ่น วันนี้ดึกมากแล้ว ยังมีเรื่องราวและบุคคลที่เกี่ยวกับอิทธิพลใต้ดินมากมายที่ผมยังไม่ได้เล่าให้คุณฟัง หรือคืนนี้พวกเราไปหาสถานที่ตามลำพัง เพื่อวางแผนการรับมือกับเสิ่นเผิงปินกันสองคนดีไหม? ”
เสิ่นชิวสุ่ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เฉียวหลิงรีบพูดขึ้นว่า : “หลิวจี้ คุณอย่าลืมนะ วันนี้ชิวสุ่ยเพิ่งหมั้นไป กลางค่ำกลางคืนอยู่กับคุณตามลำพังมันจะเป็นยังไง?”
อันธพาลคนหนึ่งของหลิวจี้หัวเราะและพูดว่า : “คุณเฉียว มีใครดีไปกว่าคุณหลิวของพวกเราเหรอ? ผู้ประกอบการรายใหญ่ นั่นเป็นเพราะคุณชายหลิวของพวกเราไม่อยากทำอะไรพวกเขา ถ้าคนพวกนั้นมีเจตนาอยากจะอยู่เหนือหัวของคุณชายหลิว ถึงเวลานั้นคุณก็จะรู้เอง คุณชายหลิวอยากจะขยี้พวกเขาให้ตายก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเหมือนมด ดังนั้นคืนนี้ประธานเสิ่นก็กล้า ๆ หน่อย ถ้าใครกล้าพูดคำพูดที่ไม่พอใจ ต่อให้เป็นคู่หมั้นของประธานเสิ่น ฉันก็ช่วยคุณชวยหลิวทุบให้ขาเขาหัก!”
หลิวจี้หัวเราะและพูดอย่างมั่นใจ : “ประธานเสิ่น พูดโดยไม่เกินจริง หลิวจี้อย่างผมไม่กลัวใครเลยในเทียนหยิน ไม่มีปัญหาไหนที่ผมจัดการไม่ได้ด้วย”
หลิวจี้เพิ่งพูดจบ ประตูของห้องVIP ก็โดนคนผลักออกอย่างรุนแรง
เจี่ยงตงที่ก่อนหน้านี้ต่อว่าฉีเทียนเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยความโมโห กอดสาวสวยเอาไว้หนึ่งคน ด่าว่า : “ถือว่าไอสารเลวนี้ไหวตัวเร็ว ! ไม่อย่างนั้นฉันจะทุบขามันให้หัก!”
หลิวจี้ขมวดคิ้ว พูดว่า : “เกิดอะไรขึ้น?”
สาวสวยที่อยู่ในอ้อมกอดของเจี่ยงตงอธิบายว่า : “คุณชายจี้ เมื่อกี้นี้มีผู้เฒ่าคนหนึ่งลวนลามฉันที่หน้าประตูห้องน้ำ พี่ตงเข้าไปสั่งสอนเขา”
หลิวจี้เผยสีหน้าที่โมโหออกมา : “ใครมันช่างกล้าขนาดนี้ กล้ามากระตุหางเสือเหรอ?”
เจี่ยงตงโบกไม้โบกมือ : “ไม่เป็นไรหรอกคุณชายจี้ ฟังจากสำเนียงแล้วเป็นคนต่างถิ่น เป็นคนเลวที่ไม่มีตาม้าตาเรือ สั่งสอนเขาแล้ว”
หลิวจี้พยักหน้า : “ตงจื่อ เรื่องนี้แล้วแต่นายเลย ถ้ารู้สึกว่าอารมณ์ยังไม่ดีขึ้น พวกเราจะได้สั่งสอนให้เขารู้จักเป็นคนให้ดี ยังคงประโยคนั้น อยู่ที่เทียนหยิน ไม่มีเรื่องไหนที่หลิวจี้อย่างฉันจัดการไม่ได้ ไม่มี...ไหนที่หลิวจี้อย่างฉันจะกลัว...”
“ปึก!”
คำว่า “คน” ที่เป็นคำพูดสุดท้ายยังไม่ทันออกจากปากของหลิวจี้ ก็มีคนเตะประตูห้องVIPออกอย่างรุนแรง!
มีชายฉกรรจ์สิบกว่าคนอยู่ข้างนอกประตูห้องVIP จ้องมองกลุ่มคนที่อยู่ข้างในห้องVIPอย่างดุร้าย
ผู้ชายร่างไม่สูง อายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอกประตูห้องVIP ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จ้องมองไปที่เจี่ยงตงอย่างไม่ละสายตา
ผู้ชายวัยกลางคนถ่มเสมหะลงบนพื้น : “แม่มเอ้ยแกกล้าแตะต้องฉันเหรอ? ฉันว่าแกคงอยากตายแล้วมั้ง!”
หลิวจี้มองดูเจี่ยงตงแวบหนึ่ง
เจี่ยงตงพูดกับหลิวจี้ว่า : “คุณชายจี้ นี่ก็คือคนเมื่อกี้นี้!”
หลิวจี้ลุกขึ้น มองไปยังผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่หน้าประตุห้องVIP หัวเราะอย่างเย็นชา : “เหอะ มีคนที่ไม่กลัวตายจริง ๆ ใช่ไหม! ฉันยังไม่ไปเอาเรื่องแกเลย แกยังกล้ามาหาเรื่องถึงที่อีก! ไม่สืบดูว่าหลิวจี้อย่างฉันคือใคร!”
หลิวจี้เดินไปข้างหน้าประตูห้องVIP ด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่ง มองตากับผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างนอกประตู
ห้องทำงานที่อยู่ชั้นดาดฟ้าของKTVหรูหราแห่งนี้ พนักงานหญิงอายุสามสิบกว่าปี ที่มีเสน่ห์คนหนึ่งถามว่า : “ยังไม่ได้ข่าวนายท่านหรอ?”
พนักงานส่ายหัว : “เมื่อเช้านายท่านได้รับภารกิจจากสำนักงานใหญ่แล้วก็ออกไปทันที ติดต่อไม่ได้”
ผู้หญิงคนหนึ่งขมวดคิ้ว : “นายท่านดูแลองค์กรสิบทิศมานานหลายปี ไม่เคยมีเหตุการณ์ติดต่อไม่ได้ ฉันรู้สึกว่า...”
ผุ้หญิงกำลังพูดอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญเข้า”
พนักงานคนหนึ่งเปิดประตูออกแล้ววิ่งเข้ามา พูดกับผู้หญิงว่า : “พี่หง ลูกค้าของพี่ทะเลาะกับคนที่อยู่ในห้องVIP888แล้ว ลูกค้าที่อยู่ในห้องVIP888ชื่อหลิวจี้ เป็นคนตระกูลหลิว”
เมื่อพี่หงได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา : “คนตระกูลหลิวกล้าหาญขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้าหาเรื่องลูกค้าของฉันเหรอ?”
พนักงานพูดว่า : “หลายปีนี้ตระกูลหลิวยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน ดังนั้น...”
พี่หงหึขึ้นมาเสียงเย็นชา : “ขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้ ตระกูลหลิวที่อยู่ต่อหน้าฉัน ก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น ไป ไปดูสิ! ไปดิว่าตระกูลหลิวเอาความกล้ามาจากไหน!”
ข้างหน้าประตูห้องVIP888 หลิวจี้เผชิญหน้ากับผู้ชายวัยกลางคน
หลิวจี้พูดกับผู้ชายวัยกลางคนว่า : “เป็นแค่ตาแก่ต่างถิ่นกล้าดียังไงมาก่อเรื่องที่เทียนหยิน ไม่สืบดูว่าที่นี่คือที่ไหน! ไม่สืบดูว่าหลิวจี้เป็นใคร!”
หลิวจี้พูดพลาง ยื่นมือไปตบหน้าผู้ชายวัยกลางคน
“เพี๊ยะ” เสียงดังฟังชัด ทำให้ชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้างหลังผู้ชายวัยกลางคนพุ่งเข้ามา
หลิวจี้ไม่กลัวเลยสักนิด หัวเราะอย่างเย็นชาว่า : “อยากจะสู้ใช่ไหม! จะบอกพวกแกให้ อยากสู้กันก็ออกไปสู้ข้างนอก! วันนี้อยู่ในKTVนี้ ฉันไว้หน้าพี่หง ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดแขนขาพวกแกให้หักได้ทันที!”
“เหอะเหอะเหอะ” เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น “ฉันพี่หงต้องให้ตระกูลหลิวมาไว้หน้า ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังผู้ชายวัยกลางคนกระจายออกกันหมด เว้นทางเดินไว้ แล้วเห็นพี่หงที่สวยงามและมีเสน่ห์เดินมาอย่างช้า ๆ
ทันทีที่เห็นพี่หง ความเย่อหยิ่งที่อยู่บนหน้าของหลิวจี้ก็หายไปทันที เปลี่ยนเป้นรอยยิ้ม : “พี่หง ลมอะไรพัดพี่มาเหรอ”
พี่หงยิ้มอ่อน : “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นใน KTV ของฉัน ฉันมาดูไม่ได้เหรอ?”
หลิวจี้รีบพยักหน้า : “ได้! ได้สิครับ! พี่หง มีคนไม่มีตาม้าตาเรือคนหนึ่งมาสร้างที่นี่ ผมช่วยสั่งสอนเขาให้”
“ไม่มีตาม้าตาเรือเหรอ?” พี่หงค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าหลิวจี้ช้า ๆ น้ำเสียงแข็งทื่อขึ้นมา “ฉันว่า คนที่ไม่มีตาม้าตาเรือคือแกมากกว่ามั้ง!”
พี่หงพูดจบ ก็ยกแขนขึ้นมา ตบลงบนหน้าของหลิวจี้
เสียงดังฟังชัด ทำให้หลิวจี้มึนงงไปเลย
หลิวจี้ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นพี่หงเอ่ยปากพูดกับชายวัยกลางคนนั้นว่า : “ประธานจ้าวคะ ต้อขอโทษด้วยจริง ๆ เรื่องนี้ฉันจะต้องหาคำตอบที่พอใจมาให้คุณ”
ภาพนี้ ทำให้สีหน้าของหลิวจี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว!
ประธานจ้าวมีสีหน้าที่บึ้งตึง : “พี่หง ไอสวะนี้มาตบฉันหนึ่งครั้ง! อยากให้ฉันพอใจ ไม่ง่ายนะ!”
พี่หงยิ้มอย่างไม่แยแส : “ประธานจ้าวไม่ต้องห่วง นี่เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น คุณต้องการแขนหรือขาทั้งสองของเขา?”
เมื่อหลิวจี้ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ร่างกายก็สั่นโดยไม่รู้ตัว!
ต้องการแขนหรือขาทั้งสองข้าง!
หลิวจี้รู้ดี พี่หงไม่ได้ล้อเล่น!
แม้หลิวจี้จะพูดว่าตนเองรู้จักกับผู้ดูแลองค์กรสิบทิศ แต่ความจริงแล้ว หลิวจี้คิดหาวิธีหลากหลายก็ทำได้เพียงโผล่หน้าไปขณะที่อยู่ต่อหน้าผู้ดูแลองค์กรสิบทิศเท่านั้น สำหรับองค์กรสิบทิศแล้ว ตระกูลหลิว ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น!
ประธานจ้าวยิ้มอย่างไม่แยแส : “พี่หง ฉันไม่สนใจทั้งแขนและขาของไอสารเลวนี้เลย แต่ว่า ฉันกลับสนใจผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเขา”
ประธานจ้าวพูดพลาง มือทั้งสองก็เอื้อมผ่านตัวหลิวจี้ไป มองดูเสิ่นชิวสุ่ยที่อยู่ในห้องVIP
ประธานจ้าวจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ในห้องVIPนี้ตั้งนานแล้ว เขาก็เห็นผู้หญิงที่ตนสัมผัสอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อกี้นี้ แต่ทันทีที่เห็นเสิ่นชิวสุ่ย ประธานจ่าวก็มองข้ามผู้หญิงคนอื่น ๆ ไปเลย
“คิดไม่ถึงว่า เทียนหยินที่มีพื้นที่เล็กจะมีสาวสวยขนาดนี้! พี่หง ให้ผู้หญิงคนนี้อยู่กับฉันสองวัน เรื่องนี้ก็ถือว่าจบ”
ประธานจ้าวยื่นมือออกมา ชี้ไปที่เสิ่นชิวสุ่ย