บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 คนใหญ่คนโตยอมช่วยแล้ว!

ฉีเทียนกลับเข้าไปในบ้าน ไม่กี่วิต่อมา เสิ่นชิวสุ่ยกับเฉียวหลิงก็กลับเข้ามาจากข้างนอกพร้อมกัน

เสิ่นชิวสุ่ยมองฉีเทียนแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร

เฉียวหลิงก็ด่าว่าคนขี้ขลาดโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด จากนั้นก็เดินตามเสิ่นชิวสุ่ยขึ้นไปชั้นบน

ฉีเทียนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลยสักนิด นั่งลงบนโซฟา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พูดคุยเรื่องพวกนี้กับปีศาจมังกรแห่งเป่ยไห่

ห้องหนังสือที่อยู่ชั้นสอง ทันทีที่เฉียวหลิงเข้าไปในห้องก็อดที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาไม่ได้ : “ชิวสุ่ย ฉันยิ่งเห็นฉีเทียนยิ่งรู้สึกรังเกลียดมากจริง ๆ! เมื่อเจอภัยอันตรายก็หนีไปอย่างรวดเร็วเลย!”

เสิ่นชิวสุ่ยส่ายหัวด้วยความรู้สึกเฉย ๆ : “อย่างไรเสียพวกเราสองคนก็ไม่มีความรู้สึกอะไรกันเลย เขาหนีไปในช่วงเวลาแบบนี้ ฉันไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เฉียวหลิง วันนี้ต้องขอบคุณมากที่มีเธออยู่”

เฉียวหลิงมองบนใส่เสิ่นชิวสุ่ยหนึ่งครั้ง : “เราสนิทกันขนาดนี้ เธอพูดพวกนี้ทำไม ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเธอมาช่วยฉัน ตระกูลเฉียวก็จบเห่ไปตั้งนานแล้ว ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรื่องของวันนี้แล้ว ไม่นานก็รู้ผลแล้ว”

“ไม่ต้อง” เสิ่นชิวสุ่ยส่ายหัว “ฉันพอรู้ว่าใครเป็นคนทำ”

เฉียวหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย : “เธอมีศัตรูคู่แค้นเหรอ?”

เสิ่นชิวสุ่ยมองไปข้างนอกหน้าต่าง : “เสิ่นเผิงปินกลับมาแล้ว”

สีหน้าของเฉียวหลิงเปลี่ยนไปมาก : “เขาเหรอ!”

เสิ่นเผิงปิน เป็นลูกคนรองของตระกูลเสิ่นตอนนั้นอยู่เทียนหยินเป็นคนที่มีความโหดเหี้ยม ออกไปจากเทียนหยินสองปี เฉียวหลิงก็เคยตรวจสอบคน ๆ นี้ เฉียวหลิงที่ได้ข้อมูลก็รู้สึกตกใจ นี่คือคนที่น่ากลัวมาก!

เฉียวหลิงสีหน้าเปลี่ยนไปเยอะ จากนั้นก็พูดกับเสิ่นชิวสุ่ยด้วยความกังวลว่า : “ชิวสุ่ย เสิ่นเผิงปินยังไม่กลับมาก็ลงมือทำร้ายเธอแล้ว เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขาตัดสินใจชัดเจนแล้ว เธอจะทำอย่างไร?”

เสิ่นชิวสุ่ยส่ายหัวเบา ๆ : “ไม่รู้เลย ที่จริงแล้วฉันไม่ถนัดกับเรื่องที่ทะเลาะกันภายในตระกูลเลย สำหรับฉันในตอนนี้ ต้องอาศัยพลังอำนาจของกู้เหวินเท่านั้น..”

เสิ่นชิวสุ่ยถอนหายใจออกมา มองไปข้างนอกหน้าต่าง มีความกังวลใจ

เฉียวหลิงเห็นท่าทางแบบนี้ของเสิ่นชิวสุ่ย ไม่รู้ว่าควรปลอบใจอย่างไร สำหรับเฉียวหลิงแล้ว เสิ่นเผิงปินเป็นคนที่จัดการยาก

เสิ่นชิวสุ่ยกับเฉียวหลิงผู้หญิงทั้งสองคนอยู่ในห้องหนังสือหนึ่งชั่วโมงกว่า เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ผู้หญิงทั้งสองคนจึงไม่มีกระจิตกระใจที่จะกินข้าวแล้ว

เฉียวหลิงเป็นกังวลเรื่องของเสิ่นเผิงปิน ตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่านี้ ครั้งนี้เสิ่นเผิงปิน คุกคามอย่างดุเดือด ถ้าจัดการเสิ่นชิวสุ่ยไม่ได้ จะต้องไม่ยอดหยุดแน่นอน!

นิสัยของเสิ่นเผิงปินนี้ เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดแน่นอน! เฉียวหลิงเข้าใจข้อนี้ดี

เฉียวหลิงปลดเสื้อเชิ้ตออก เอาจี้หยกหนึ่งชิ้นออกมาจากคอ

เสิ่นชิวสุ่ยเห็นเช่นนี้ รีบลุกขึ้นมาห้ามเฉียวหลิงไว้ : “เฉียวหลิง เธอจะทำอะไร?”

เฉียวหลิงบีบจี้หยกที่อยู่ในมือพูดว่า : “ชิวสุ่ย ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอช่วยฉัน จะมีตระกูลเฉียวเสียที่ไหน พวกเราตระกูลเฉียวไม่ใช่ไม่รู้จักตอบแทนคุณคน ตอนนี้เธอประสบวิกฤต ฉันจะนิ่งเฉยได้อย่างไร”

เสิ่นชิวสุ่ยพยักหน้า : “เฉียวหลิง ฉันเข้าใจน้ำใจของตระกูลเฉียว แต่ตอนนั้นเธอก็ยังไม่เอาจี้หยกชิ้นนี้มาใช้เลย ตอนนี้ฉันประสบปัญหาเพียงเล็กน้อย เธอก็...”

เฉียวหลิงพูดขัดจังหวะเสิ่นชิวสุ่ยขึ้นมาว่า : “ชิวสุ่ย เธอก็รู้ นี่ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ ด้วยนิสัยของเสิ่นเผิงปิน อยากจะเอาให้เธอถึงแก่ชีวิตเลยนะ ถ้าฉันไม่ทำ คุณปู่ของฉันรับรู้ จะต้องด่าว่าเฉียวหลิงไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ!”

เฉียวหลิงพูดจบ ไม่สนใจเสิ่นชิวสุ่ยจะห้ามอย่างไร ก็ต้องโยนจี้หยกลงบนพื้น

จี้หยกที่มีราคาแพงนี้แตกออกเป็นสองชิ้นในทันที มีกระดาษโน้ตใบหนึ่งซ่อนอยู่ในจี้หยก กระดาษโน๊ตนั้นเขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้

เฉียวหลิงกดเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่บนกระดาษ จากนั้นกดปุ่มโทรออก เฉียวหลิงหายใจเร็ว เพราะเธอก็ไม่แน่ใจ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เบอร์โทรศัพท์นี้ยังโทรติดหรือไม่

“ฮัลโหล”

เสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากปลายสาย ทำให้เฉียวหลิงสบายใจขึ้นมา เฉียวหลิงรีบพดว่า : “อดีตมีคน ๆ หนึ่งเขียนเบอร์โทรศัพท์นี้ให้ฉัน เขาบอกว่าช่วยฉันได้หนึ่งครั้ง”

เสียงท่ดังจากปลายสายสั้นกระชับเข้าใจมาก : “ที่อยู่ เหตุการณ์”

เฉียวหลิงหายใจเข้าลึก ๆ พูดว่า : “เทียนหยิน เสิ่นเผิงปินตระกูลเสิ่นจะทำร้ายเสิ่นชิวสุ่ย ฉันอยากจะปกป้องความปลอดภัยของเสิ่นชิวสุ่ย”

“รอได้เลย”

เสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากปลายสาย จากนั้นก็วางสายไป

ฟังเสียงสัญญาณที่ดังในโทรศัพท์ เฉียวหลิงไม่ได้พูดอะไรสักประโยค นี่คือสิ่งที่คุณปู่ของหล่อนเขียนไว้ให้ บอกว่าถ้าประสบปัญหาก็โยนจี้หยกให้แตกโทรหาเบอร์ที่อยู่ข้างในจะช่วยจัดการได้หมด แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เฉียวหลิงก็ยังไม่รู้ แต่เฉียวหลิงรู้จักคุณปู่ของตัวเองดี ในเมื่อเป็นคุณปู่พูดแบบนี้ออกมาได้ คนที่อยู่โทรศัพท์ปลายสายนั้น จะต้องมีความสามารถที่แข็งแกร่งมาก เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัยเลย!

นี่เป็นวิธีการเดียวที่เฉียวหลิงนึกออกในตอนนี้

ฉีเทียนนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของวิลล่า ครุ่นคิดเรื่องที่เกี่ยวกับแก๊งตง ตอนนี้ฉีเทียนเป็นผู้สืบทอดวิหารราชามังกรแล้ว มีหลายอย่างที่ฉีเทียนต้องไปจัดการ

แก๊งตงเป็นแก๊งใต้ดินที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเขตซีเป่ย กฎระเบียบที่วิหารราชามังกรกำหนดขึ้นในอดีต แก๊งใต้ดินในเขตประเทศจีนห้ามใช้อาวุธร้อน แต่ตอนนี้แก๊งตงกล้าฝ่าฝืนกฎระเบียบอย่างโจ่งแจ้ง เรื่องนี้ จำเป็นต้องจัดการ

ฉีเทียนกำลังครุ่นคิด จู่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ฉีเทียนรับสาย : “ว่ามา”

น้ำเสียงที่แสดงความเคารพดังขึ้นจากปลายสาย : “นายท่าน คนตระกูลเฉียวส่งจดหมายมา อยากให้พวกเราช่วยปกป้องคน ๆ หนึ่ง ตระกูลเฉียวมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือผู้อาวุโสระดับสาม ”

จดหมายที่เขียนด้วยลายมือผู้อาวุโสที่ว่านั้น ก็คือจดหมายฉบับหนึ่งที่อยู่ภายในวิหารราชามังกร ระดับหนึ่งสูงสุด ระดับห้าต่ำสุด วิหารราชามังกรไม่รับน้ำใจของใคร จะทิ้งจดหมายที่เขียนด้วยลายมือผู้อาวุโส เมื่อมีความจำเป็นก็จะลงมือ

ฉีเทียนถามว่า : “ใคร?”

“เสิ่นชิวสุ่ยตระกูลเสิ่น”

ฉีเทียนยิ้มอ่อน : “รับ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”

ห้องหนังสือที่อยู่ชั้นบน เฉียวหลิงกำลังรอการตอบกลับอย่างกระวนกระวายใจ จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้าทำให้เฉียวหลิงตกใจขึ้นมาอย่างรุนแรง

เฉียวหลิงรับโทรศัพท์ : “สวัสดีค่ะ”

“ภารกิจถูกรับไว้แล้ว ฉายาฉูฉง จะมีคนติดต่อคุณเอง”

ผู้ที่พูดอยู่ปลายสายพูดกระชับและตรงประเด็น พูดจบยังไม่ทันรอให้เฉียวหลิงตอบกลับก็วางสายโทรศัพท์

เฉียวหลิงเผยสีหน้าที่มีความสุขขึ้นมาทันที : “ชิวสุ่ย เรื่องนี้มีผลลัพธ์ที่ดีแล้ว เธอไม่ต้องห่วงนะ!”

เมื่อเฉียวหลิงพูดจบ ก็รีบกลับออกจากวิลล่า เธอกลับไปบอกเล่าเรื่องที่ใช้จี้หยกให้คนที่บ้านฟัง

ด้านของฉีเทียน ก็ได้ข้อมูลของตระกูลเฉียวทันทีที่ตกลงจะจัดการเรื่องนี้ เมื่อเห็นรูปถ่ายของเฉียวหลิง ฉีเทียนก็อดยิ้มไม่ได้ โลกกลมเหลือเกิน

ฉีเทียนโทรศัพท์หาเฉียวหลิง

ขณะนี้เฉียวหลิงกำลังนั่งรถกลับบ้าน เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฉียวหลิงยังไม่ทันได้พูด

“ฉูฉง”

เฉียวหลิงนิ่งไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็รีบพูดด้วยความเกรงใจว่า : “สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ”

“พรุ่งนี้เช้า เจอกันที่ห้องทำงานของคุณ”

ฉีเทียนพูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์ไป

สำหรับฉีเทียนแล้วการจัดการเสิ่นเผิงปินไม่ใช่เรื่องยาก แต่วันนี้ฉีเทียนเห็นการมีส่วนร่วมของแก๊งตง ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ก็จะต้องวางแผนระยะยาว

แก๊งตงกล้าฝ่าฝืนกฎระเบียบของวิหารราชามังกร ก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!

และเสิ่นเผิงปิน ก็คือตัวแปรสำคัญที่ใช้ในการลงมือ!

เทียนหยินขนาดเล็ก ความจริงแล้ว มีความสันติสุข!

ฉีเทียนเริ่มจัดแจงแล้ว

วิหารราชามังกรเป็นเครื่องจักรยักษ์ที่หยุดนิ่งมานานมากแล้ว เนื่องจากฉีเทียนส่งข้อความออกไปข้อความแล้วข้อความเล่า เริ่มดำเนินการ!

เวลาสองทุ่มตอนหลางคืน ฉีเทียนบิดขี้เกียจหนึ่งครั้ง เตรียมตัวพักผ่อน เห็นเสิ่นชิวสุ่ยเปลี่ยนเสื้อผ้ากำลังจะออกไปข้างนอก

ฉีเทียนถาม : “ไปไหน?”

เสิ่นชิวสุ่ยกับฉีเทียนพูดคุยกันชัดเจนแล้ว ตอนี่เหลือพวกเขาสองคน เสิ่นชิวสุ่ยเก็บความเกรงใจอันเสแสร้งที่มีก่อนหน้านี้กลับไป ตอบกลับโดยไม่มองไปที่ฉีเทียนว่า : “ไปไหนก็ต้องบอกคุณด้วยเหรอ?”

ฉีเทียนไม่อยากให้แก๊งตงรู้ว่าวิหารราชามังกรก็เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เร็วเกินไป จึงไม่ทิ้งเบาะแสใด ๆ เลย จึงหาข้ออ้างพูดกับเสิ่นชิวสุ่ยว่า : “ผมคือคู่หมั้นของคุณ ผมจะไปด้วย”

พฤติกรรมที่เอาคุณปู่มาอ้างของฉีเทียนก่อนหน้านี้เสิ่นชิวสุ่ยยังจำได้ และเสิ่นชิวสุ่ยก็คิดไว้แล้วว่าตนเองจะปฏิเสธฉีเทียนอย่างไร เสิ่นชิวสุ่ยยักไหล่เบา ๆ : “คุณก็เห็นเหตุการณ์ในวันนี้แล้ว ฉันประสบปัญหาเล็กน้อย คุณช่วยอะไรไม่ได้ เฉียวหลิงแนะนำเพื่อนสองสามคนให้ฉันรู้จัก”

ฉีเทียนลุกขึ้น : “งั้นก็ไปพบปะด้วยกัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel