บทที่ 6 หลังจากนี้ไป แกก็ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นนี้ไปตลอดชีวิตสะ
“นี่มัน......”
คนพวกนั้นต่างก็ลังเลไปชั่วครู่ ทำลายห้องไว้ทุกข์นี่มันเกินไปหน่อยนะ
“ทำไม? ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?” หวังจงตะคอกอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นหวังจงโมโหโกรธ พวกเขาถึงได้ฝืนใจพยักหน้า “ครับ!”
“ทำลายมัน!”
“ทุบทำลายมันให้ย่อยยับ!”
ดวงตาของเฉินฝูนั้นกำลังจะแตกสลาย แล้วขอร้องอ้อนวอนว่า “พวกคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ หวังจงถือว่าฉันขอร้องคุณหละ! ฉันได้คุกเข่าลงเพื่อขอร้องคุณแล้ว......
หวังจงแสยะยิ้ม สะบัดมือออก ทำให้เฉินฝูล้มไปกองอยู่ที่พื้น
“แกคุกเข่าลงก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ กูจะทำลายที่นี้ให้ได้!”
“ลงมือ!”
ขณะที่พวกเขากำลังจะทำลายห้องไว้ทุกข์นี้ให้แหลกละเอียดเป็นชิ้นๆนั้น......
“ฉันจะดูสิว่าใครมันจะกล้าทำลายกัน!!”
เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวก็ได้ดังขึ้นมา และเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ก็ได้ก้าวเข้ามาจากด้านนอก ดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับสายรุ้งที่ทรงพลัง
“แก......แกคือเซียวจื่อหนิงหรือ?”
หวังจงได้แสดงออกถึงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “ฮ่าๆ ไอ่นักโทษคดีข่มขืน ยังจะกล้ากลับมาอีก? ตอนนี้พ่อแม่แกก็ตายไปแล้ว ยังจะมีใครสามารถปกป้องแกได้อีก?”
“หวังจง แก่นี่มันไอ่หมาป่าตาขาวไอ่เนรคุณ ลืมบุญคุณไปหมดแล้วจริงๆสินะ ในตอนนั้นพ่อแม่ของฉันดีกับแกยังไง แกลืมไปแล้วหรือไง? มาตอนนี้นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าแกจะให้คนมาทำลายห้องไว้ทุกข์ของพวกท่าน? ดี ดีมาก!”
เซียวจื่อหนิงเต็มไปด้วยไฟโกรธ
“หยุดพูดเรื่องพวกนี้กับฉันสักที!” หวังจงยิ้มอย่างเย็นชา “แม่งตอนนี้แกมันก็แค่หมาตัวหนึ่งที่ไร้บ้าน! แกจะเอาอะไรมาขัดขวางฉันได้? วันนี้ กูจะทำลายที่นี่ทิ้งอย่างแน่นอน!”
คำพูดของเขากำลังจะพูดจบ ร่างกายของเซียวจื่อหนิง ก็ได้หายไปกับที่แล้ว
วินาทีต่อมา!
เซียวจื่อหนิงก็ได้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา!
“ไอ่ชาติหมา! วันนี้กูจะทำให้มึงกลายเป็นคนพิการ ทำให้มึงต้องมานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพ่อแม่กู...เพื่อยอมรับผิดและขอโทษ!”น้ำเสียงของเซียวจื่อหนิงนั้นเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง วินาทีต่อมา เขาได้ถีบเท้าออกไป
“โอ้ย---“
เข่าของหวังจงถูกถีบและแหลกเป็นชิ้นๆโดยทันที เสียงดังตุบ ทำให้เข่าข้างหนึ่งของเขาต้องคุกเข่าลงกับพื้น
“ก้มกราบสะ!”
น้ำเสียงของเซียวจื่อหนิงนั้นเย็นชาอย่างยิ่ง และได้ถีบขาอีกข้างของเขาหัก
หวังจงคุกเข่าลงทั้งสองข้างอย่างเป็นระเบียบ!
ขาข้างหนึ่งของเซียวจื่อหนิงได้เหยีบบไปที่หัวของเขา
ทำให้หน้าทั้งหน้าของเขาทุบลงไปอยู่บนพื้น และได้ติดแน่นอยู่กับพื้น!
“โอ้ย---!”
“เซียวจื่อหนิง แก แม่งเอ๋ยแกรนหาที่ตายใช่ไหม!”
หวังจงเจ็บปวดสะจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปจนหมด แล้วแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธ “จัดการมัน!จัดการมันสะ!ทุกคนจัดการมันพร้อมกันทีเดียว แล้วทำให้มันพิการสะ!”
คนพวกนั้นแอบกลืนน้ำลายกันเบาๆ ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือในทันที
“ใครทำให้มันพิการได้ กูจะให้แสนหนึ่ง!”
หนึ่งแสน!!
เมื่อได้ยินคำคำนี้ สายตาของคนเหล่านั้นต่างก็เป็นประกายขึ้น! กัดฟันเอาไว้แน่น แล้วล้อมกันเข้าไป.....
ร่างกายที่ผอมสูงและอ่อนช้อยของเซียวเฟิ่งได้เริ่มขยับ วิ่งไปข้างหน้าอย่างว่องไวราวกับเสือชีตาห์ และในเวลาเดียวกัน......เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาก็ได้ได้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เธอพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนกลุ่มนั้นโดยตรง และกวาดสายตามองไปทั่ว ไม่ถึงห้าวินาที คนพวกนั้นก็ได้นอนร้องโหยหวน อยู่บนพื้น แขนไม่หักก็ขาหัก......
“ไอ่พวกเศษสวะไร้ประโยชน์ ยังกล้าคิดที่จะลงมือกับคุณผู้ชายของฉันหรือ?” เซียวเฟิ่งเหยียบอยู่บนหน้าอกของใครคนหนึ่งเอาไว้ แล้วยิ้มเยาะเย้ยอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“นี่ นี่มัน---” หวังจงตกตะลึงจนเบิกตากว้าง ภายในปากสูดลมหายใจเย็นเข้าอย่างไม่ยอมหยุด แล้วพูดด้วยความ สั่นเทาว่า “จื่อหนิง หลานชายคนดี ฉันเป็นลุงหวังของคุณนะ เพื่อเห็นแก่เรื่องในอดีต......”
“หลังจากนี้เป็นต้นไป แกก็ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นนี้สะ” เซียวจื่อหนิงยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ ก็ได้เหยียบขาทั้งคู่ลงอีก ครั้ง และได้เหยียบแขนทั้งสองข้างของเขาหัก
โดยปกติแล้วเขาเกลียดพวกหมาป่าตาขาวไอ่พวกเนรคุณมากที่สุดในชีวิตอยู่แล้ว!
“โอ้ย---“ หวังจงกลอกตาขาวทั้งคู่ เจ็บปวดสะจนเป็นลมล้มตายไปในทันที
เซียวจื่อหนิงมองดูกลุ่มคนที่อยู่ที่พื้นด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วพูดอย่างอ่งอาจว่า “นำตัวมัน แล้วไสหัวไปสะ!”
“ครับๆๆ---“
คนกลุ่มนั้นตกใจกลัวสะจนเหงื่อแตกไปทั่วทั้งตัว ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทาไปจนหมด สุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานย่างแสนสาหัส และนำตัวหวังจงที่หน้าตามอมแมมไปทั่วแล้วออกไปจากตะกูลเซียวอย่างหน้าม่อยคอตก
เซียวจื่อหนิงมองไปที่ป้ายจารึกทั้งสองป้ายที่อยู่ในห้องโถงไว้ทุกข์ และทันใดนั้นก็ทรุดตัวลงและคุกเข่าลงไปในทันทีทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาราวกับฝนตก......
“คุณพ่อ คุณแม่ ลูกที่ไม่รักดีเซียวจื่อหนิง ได้กลับมาดูพวกท่านแล้ว!”