บทที่ 5 หมาป่าตาขาวมาถึงที่
“ฉัน ฉันเป็นพ่อคนแล้วงั้นหรือ?” เซียวจื่อหนิงรู้สึกตกตะลึงใจอย่างยิ่ง
จากนั้นสีหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ
“ถูกต้อง” เซียวยีพยักหน้า “เด็กสองคนนั่นฉลาดหลักแหลมเป็นว่าเล่น ก่อนหน้านี้ฉันและคุณพ่อคุณแม่ แอบไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว”
“เจ้าเด็กน้อยสองคนนั่นน่ารักมาก”
“เพียงแต่ว่า......” เซียวยีถอนหายใจไปทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ในปีนั่นพี่ไป๋ซีหลิงตั้งท้องด้วยเหตุสุดวิสัย ครอบครัวตระกูลไป๋คิดอยากจะให้เธอขออค่าชดเชยจากตระกูลเซียวของเรา แต่ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายครอบครัวเธอทั้งครอบครัว ก็ได้ขับไล่เธอออกจากตระกูลไป๋ไป ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากมาก”
“ก่อนหน้านี้ ฉันและคุณพ่อคุณแม่คิดอยากจะรับเธอกลับตระกูลเซียว แต่กลับถูกเธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้พวกเราเข้าใกล้เด็กสองคนนั้น”
“สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น เป็นสิ่งที่ได้ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัส”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เซียวจื่อหนิง ก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาภายในใจของเขา
ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในตอนแรกไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอยากจะให้เกิดขึ้น แต่เป็นการถูกใส่ร้ายจากคนอื่น แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องจริงที่ได้ทำให้ไป๋ซีหลิงได้รับความเสียหายอย่างมากมาย
การกลับมาในครั้งนี้!
เขาจะพยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถของตัวเอง เพื่อชดเชยให้กับเธอ!!
เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ไป๋ซีหลิงต้องคอยอดทนกับคำนิทานอยู่อย่างเงียบๆ และถูกคนดูถูกและรังเกียจ ยังจะต้องตั้งครรภ์อยู่เป็นเวลาสิบเดือนอีก และยังต้องผ่านความยากลำบากในทุกรูปแบบเพื่อเลี้ยงดูลูกสองคนนี้......
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อไป๋ซีหลิงมากยิ่งขึ้นไปอีก
“พวกเรากลับบ้านกันก่อน” เซียวจื่อหนิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วเปิดปากพูดว่า “เฟิ่งหวง ออกรถ”
ทั้งสามคนขึ้นรถไป และได้เดินทางมุ่งหน้าไปสู่บ้านหลังเก่าของตระกูลเซียว
---
และในเวลานี้เอง
บ้านหลังเก่าของตระกูลเซียว
คนลำพองหยิ่งพยองกลุ่มหนึ่งก็ได้บุกเข้ามา นำทีมโดยชายอ้วนวัยกลางคนหนึ่ง
“รีบจัดการเก็บกวาดที่นี่ให้ฉันในทันที และนำของทุกอย่าง ที่มีค่าเอาออกไปให้หมด”
“ของที่ไม่เอาก็โยนทิ้งออกไปให้หมด”
ชายอ้วนวัยกลางคนนั้นประสานมือเอาไว้ด้านหลัง ลักษณะท่าทางเหมือนอย่างกับผู้คุมทั้งประเทศ
“ครับ---“
กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของเขา ก็ได้ทยอยแยกย้ายกันออกไปทันที และได้เริ่มยึดและปล้นตระกูลเซียวกัน
“พวกแกกำลังทำอะไรกัน!”
มีเสียงโมโหโกรธได้ดังขึ้นมา ชายชราคนหนึ่ง ได้เดินออกมาจากด้านใน เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทันใดนั้นดวงตาก็แตกสลาย
เขาคือพ่อบ้านของตระกูลเซียว
เฉินฝู
“ตาแก่ฝู” ชายอ้วนวัยกลางคนคนนั้นยิ้มเยาะ “ฉันจะทำอะไรได้? แน่นอนว่าต้องนำของทุกอย่างที่มีค่าเอากลับไปให้หมดนะสิ”
“อย่างไรเสียบ้านหลังเก่าของตระกูลเซียวหลังนี้ ยังไงก็ต้องถูกประมูลขายในเร็วๆนี้อยู่แล้ว แทนที่จะอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนนอก สู้อำนวยความสะดวกสบายให้กับฉันที่ได้ทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรให้กับตระกูลเซียวและเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ต่อสู้ดิ้นรนมานานถึงสิบกว่าปีจะดีกว่า”
“หวังจง! แก่มันไอ่สัตว์เนรชาน การที่แกทำแบบนี้ไม่ละอายใจต่อคุณท่านบ้างหรือไง?”
เฉินฝูตะโกนร้องด้วยความโมโห
“ในอดีตคุณท่านดีกับแกยังไง? พวกท่านยังไม่ทันหลับสงบแกก็---“
“หยุดพูดพูดถึงไอ่หมอนั่นกับฉันอีก!”
ดวงตาทั้งคู่ของหวังจงเปลี่ยนเป็นเย็นชา และได้ผลักเฉินฝูลงไปที่พื้น “การที่ฉันบินมาถึงจุดนี้ในวันนี้ได้ เพราะความสามารถของตัวเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขาทั้งนั้น! เข้าใจไหม?”
“รีบค้นหา!”
“ค้นหาอย่างเต็มที่เลย!”
ดวงตาของหวังจงเต็มไปด้วยความโลภ หรือบางที ครั้งนี้อาจจะโชคดี อาจจะค้นพบโบราณวัตถุอันมีค่าอยู่ไม่น้อยหรือไม่ก็ภาพภาพวาดพู่กันอื่น ๆ
ของพวกนี้ล้วนมีมูลค่า!
สำหรับเซียวชวณ คนก็ได้ตายไปแล้ว ยังจะเคารพเหี้ยอะไรอีก!
หวังจงเดินอย่างทะนงองอาจเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์ของตระกูลเซียว เมื่อได้เห็นป้ายจารึกวิญญาณของเซียวชวณและภรรยาของเขา ดวงตาของเขาก็ได้แสดงออกถึงการเสียดสี
“เซียวชวณนะเซียวชวณ แกก็มีวันนี้เหมือนกัน ฉันถุ้ย สมน้ำหน้า”
ในตอนนั้นเซียวชวณเคยให้ความช่วยเหลือเขา เขาถึงได้มีโอกาสที่จะลุกขึ้นยืนมาอีกครั้ง และทำให้ครอบครัวและวงศ์ตระกูลของตนเองมีมูลค่าถึงหลายสิบล้าน
แต่ก็เพราะด้วยเหตุนี้ เขาจึงเกลียดผู้ชายคนนี้มากเป็นอย่างยิ่ง!
ทุกครั้งที่คนอื่นพูดถึงเขา ต่างก็พูดว่าเพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากคุณเซียวผู้ที่ร่ำรวยที่สุด ถึงได้มีหวังจงในวันนี้ได้!
เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองขนาดนี้ จะสามารถทนต่อคำนินทาของคนอื่นได้อย่างไรกัน?
ตอนที่เซียวชวณยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เขาทำได้เพียงแค่ก้มหัวและเป็นแค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง มาตอนนี้เซียวชวณก็ได้ตายไปแล้ว เขายังไม่สามารถซ้ำเติมได้อีกหรือไง!”
“ประธานหวัง ได้ทำการค้นที่บ้านตระกูลเซียวจนเสร็จสิ้นแล้ว และได้ของมาไม่น้อย!”
“ดี”
หวังจงพยักหน้า และร้องตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ทำลายห้องไว้ทุกข์นี้สะ และทำลายป้ายจารึกวิญญาณของพวกมันทิ้งสะ!”
“อย่านะ!!” เฉินฝูเดินโซซัดโซเซพุ่งเข้ามา ทรุดตัวและคุกเข่าลงในทันทีทันใด คว้าปลายกางเกงของหวังจงเอาไว้แล้วอ้อนวอนขอร้องเขา......
“ประธานหวัง ขอร้องท่านละ ขอร้องท่านละ...อย่าได้ทำลาย......”