บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ขอโทษภรรยาของผมก่อนค่อยว่ากัน

“พ่อของเขาจะไม่ตายใช่ไหมคะ” เหมียวเหมียวถามอย่างใจดี

“ไม่เป็นไร มากสุดสิบนาทีก็หายแล้ว” เจียงเหยียนยิ้มพูด

ปกติส่งแค่หน้าประตู ครั้งนี้เจียงเหยียนอุ้มเหมียวเหมียวขึ้นโดยตรง เข้าไปในห้องเรียน

นี่กำลังบอกเพื่อนๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเหมียวเหมียวมีพ่อแล้ว ใครก็ห้ามรังแกเธออีก

คุณครูของเหมียวเหมียว พูดอย่างเป็นกังวลมาก “ฉันโทรหาแม่ของเหมียวเหมียวแล้ว คุณรีบไปเถอะค่ะ อย่าหาเรื่องอีกเลยค่ะ โรงเรียนนี้ป้าของหู่ข่ายซวนเป็นเจ้าของ”

เจียงเหยียนพูดอย่างเคร่งขรึม “ต่อให้แม่แท้ๆ ของเขาเป็นเจ้าของ ก็ห้ามแตะต้องเส้นผมของลูกสาวผมแม้แต่เส้นเดียว”

“หึ ไม่ดูตัวเองเลยว่าอยู่ในสถานะอะไร ใจกล้าท้าทายพ่อแม่ของหู่ข่ายซวน ครูใหญ่เรียกให้คุณไปทำเอกสารลาออกที่ห้องทำงานของเธอ” คุณครูพูดอย่างเหยียดหยาม

อันที่จริงเธอก็ไม่ชอบที่เหมียวเหมียวป่วยยุ่งวุ่นวายมาก ถ้าหากไม่ใช่ว่าโจวจี้ซีพูดจาดี แถมยังเพิ่มเงินค่าดูแลพิเศษอีก 3 พัน ครูใหญ่ไม่อยากรับด้วยซ้ำ

โจวจี้ซีวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปยังโรงเรียน ร้อนใจอย่างมาก และก็โทษตัวเอง

เหมียวเหมียวไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น โรงเรียนอนุบาลหลายโรงเรียนไม่รับ แต่ก็อยากมีเพื่อนเป็นของตัวเอง

ในวันสุดท้ายของชีวิตลูก มักอยากจะให้เธอมีความสุขอย่างที่ควรจะมี

“เฮ้อ โจวจี้ซี เธอโง่งมงายมาก ทำไมต้องให้เจียงเหยียนไปส่งด้วย พูดไว้แล้วว่าจะไม่เชื่อเขาตลอดไป”

ห้องทำงานครูใหญ่ พ่อแม่ของหู่ข่ายซวนชี้หน้าเจียงเหยียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“แกไอ้ขยะ ไม่ดูว่าลูกสาวของแกยังไม่คนกล้ารับอีกไหม มีเงินส่งไปโรงเรียนอนุบาลที่ไกลกว่านี้เหรอ แกมีรถไปรับไปส่งไหม?”

“พี่สาว วันนี้ไม่ก็ให้มันคุกเข่ายอมรับผิด ไม่ก็ให้เจียงเหมียวเหมียวไสหัวไป” พ่อหู่ข่ายซวนพูด

ครูใหญ่เล่นปากกา พูดยิ้มเยาะ “เจียงเหมียวเหมียวมาโรงเรียนสองปีแล้ว คุณที่เป็นพ่อเคยปรากฏตัวสักครั้งไหม แม้แต่เด็กก็ยังตบ ถึงว่าแม้แต่ภรรยาของคุณก็ยังดูถูกคุณ ฉันขี้เกียจจะพูดพร่ำกับคุณ รอโจวจี้ซีมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เจียงเหยียนก็ไม่ได้โมโห เพียงแค่ยิ้มแล้วพูด “วันนี้ลาออกไม่ได้จริงๆ ด้วยสิ”

“คุณก็ลองดู” ครูใหญ่พูดยิ้มเยาะ

เจียงเหยียนไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป แต่นั่งอย่างทะนงองอาจอยู่บนเก้าอี้ เปลี่ยนซิมโทรศัพท์ใส่ในโทรศัพท์มือถือ เปิดเบอร์โทรเบอร์หนึ่ง ส่งข้อความ

“ฉันคือนายน้อยของเสินหนงกวน บุญคุญที่ช่วยหลานของคุณ ตอนนี้ถึงเวลาตอบแทนแล้ว”

ทางด้านนั้นตอบข้อความกลับทันที ท่าทางแปลกใจอย่างมาก “นายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ พวกท่านสองคนยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”

“อย่าถามมากนัก ทำตามที่ฉันสั่ง...”

เจียงเหยียนส่งข้อความเสร็จ ก็หยิบซิมโทรศัพท์ออกมาใส่ลงในกระเป๋าเงิน

โจวจี้ซีมาถึงอย่างรวดเร็ว หายใจเหนื่อยหอบ ใบหน้าสวยงาม เต็มไปด้วยหยดเหงื่อ

ได้ยินว่าเป็นเพราะเรื่องของหู่ข่ายซวน จึงไม่ได้ตำหนิเจียงเหยียนโดยตรง พูดอธิบายอย่างดี “ครูใหญ่คะ เรื่องนี้ฉันรายงานกับคุณครูหลายครั้งแล้ว เหมียวเหมียวเดิมทีก็ป่วยอยู่...”

“ป่วยคุณก็ส่งไปโรงเรียนอนุบาลอื่น คุณยังมีเหตุผลอีกเหรอ?” ครูใหญ่ตบโต๊ะพูดตวาด

“แต่ฉันจ่ายค่าเทอมหนึ่งหมื่นสองพันไปแล้วนะ อย่างน้อยก็เรียนให้จบเทอมนี้ก่อนเถอะค่ะ”

“ตบหน้าหลานชายของฉัน ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายเหรอ? เงินที่เหลือ ถือว่าเป็นค่ารักษาพยาบาล”

“พวกคุณทำไมถึงมีเหตุผล”

โจวจี้ซีร้อนใจทันที เดิมทีที่บ้านก็ไม่มีเงิน ค่าเทอมนี้ก็ขอยืมจากพ่อมา

พ่อของหู่ข่ายซวน จ้องมองโจวจี้ซีอย่างละสายตาไม่ได้ ลืมความโมโหไปแล้ว

คิดไม่ถึงว่าห้องของลูกชายยังมีแม่ที่สวยขนาดนี้ด้วย

สาวงามพริ้งเห็นสามีเป็นแบบนี้ หึงหวงอย่างกระหืดกระหอบยิ่งกว่าเดิม พูดขึ้น “ต้องใช้เหตุผลกับคนจนแบบเธอด้วยเหรอ เงินชดใช้แค่หมื่นกว่าจะพอได้ยังไง ไม่ถึงแสนก็ไม่ยอม”

เจียงเหยียนในอดีต คงจะไม่มีทางเข้าใจตลอดกาล ถ้าหากผู้ชายไม่มีอนาคต ภรรยาและลูกจะได้รับความอยุติธรรมและถูกรังแกอย่างไร

หลายปีมานี้ ก็เป็นเพราะโจวจี้ซีจิตใจเมตตา ต่อให้เป็นแม่แท้ๆ เกรงว่าก็คงรับไม่ไหว

“พวกคุณเป็นแบบนี้ ฉันจะยื่นฟ้องพวกคุณ” โจวจี้ซีก็โมโหแล้ว

“ฉันเปิดโรงเรียนอนุบาลเป็นสิบที่ในเมืองเจียงโจว ลงทุนหลายร้อยล้าน คุณคิดว่ายื่นฟ้องจะมีประโยชน์เหรอ?” ครูใหญ่ตอบกลับ

“เธอเนี่ยนะอยากจะยื่นฟ้องพี่สาวฉัน? เพียงแค่ประโยคเดียวของพี่สาวก็ทำให้ลูกสาวของเธอไม่มีโรงเรียนไหนกล้ารับ” สาวงามพร้งคุยโว

เจียงเหยียนลุกขึ้นยืน จ้องมองครูใหญ่แล้วพูด “ผมดูแล้วคุณไม่มีคุณสมบัติในการเปิดโรงเรียนจริงๆ ปิดไปเลยเถอะ”

“คุณนับประสาอะไร เห็นตัวเองเป็นคนจริงๆ เหรอ รปภ. ขับไล่ครอบครัวพวกเขาออกไป”

รปภ. สองคนถือไม้กระบอง พาเจียงเหมียวเหมียวมาแล้วพูด “รีบไปเถอะ อย่าให้พวกเราใช้กำลังต่อหน้าเด็ก”

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของครูใหญ่ดังขึ้น

“อุ๊ย ผู้อำนวยการหวัง คุณทำไมถึงมีเวลาโทรหาฉันด้วยคะ”

“ที่นั่นมีนักเรียนชื่อเจียงเหมียวเหมียวใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?”

“คุณเตรียมจะไล่เธอออก?”

ผู้อำนวยการใหญ่อึ้งเล็กน้อย ยิ้มพูด “ไม่ใช่ว่ามีคนยื่นฟ้องพวกเราหรอกนะคะ เรื่องเล็กค่ะ คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ตอนค่ำนัดร้องเพลงกันเป็นอย่างไรคะ?”

“ร้องกับผี ขอโทษผู้ปกครองเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะปิดโรงเรียนทั้งหมดของเธอ”

“ผู้อำนวยการหวัง นี่...นี่ไม่ถึงขนาดนี้หรอกมั้งคะ”

“คุณยั่วโมโหบุคคลสำคัญแล้ว ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ปกครอง พรุ่งนี้ก็ปิดไปเลย”

พูดจบฝ่ายนั้นก็ตัดสายไป

ครูใหญ่นั่งทรุดลงบนเก้าอี้ มองเจียงเหยียนที่ยิ้มแย้มด้วยความงุนงง เธออดเสียวสันหลังไม่ได้

ตอนนี้โจวจี้ซีอุ้มเจียงเหมียวเหมียวออกไปแล้ว เธอรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ยอมเสียเปรียบก็ช่างเถอะ ยังไงซะสองปีนี้เคยชินกับการถูกดูถูกต่างๆ นานาแล้ว

“ลูกรัก พวกเรากลับบ้านกันก่อนนะ?””

“แม่ หนูมาเรียนที่นี่ไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ?” เหมียวเหมียวถามอย่างฉลาด

“ใช่ค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะ แม่ส่งลูกไปโรงเรียนอื่น”

“งั้นหนูไปบอกลาเพื่อนๆ ได้ไหมคะ?”

เจียงเหยียนไม่พูดอะไร รับเหมียวเหมียวมาจากโจวจี้ซี อุ้มจะเดินไป

ครูใหญ่ลังเลอยู่หนึ่งนาที ยกเท้าวิ่งตามไป

“ขอโทษค่ะ พวกเราจะเข้าเรียนแล้ว ไม่มีเวลาให้เหมียวเหมียวทักทาย” คุณครูพูดอย่างไม่พอใจ เตรียมปิดประตู

ครูใหญ่รีบเร่งฝีเท้าพุ่งไป ตะโกนขึ้น “ครูซัน เธอทำอะไรน่ะ รีบขอโทษคุณแม่เหมียวเหมียว”

“ห๊ะ?” ครูซันหน้าตางุนงง

“ห๊ะอะไรล่ะ ขอโทษ”

เจียงเหยียนหันหน้ามองครูใหญ่ พูดขึ้น “เปลี่ยนครูคนนี้ซะ สำหรับคุณ ขอโทษภรรยาผมก่อนค่อยว่ากัน”

ครูใหญ่ยิ้ม พูดกับโจวจี้ซี “คุณแม่เหมียวเหมียว เมื่อครู่พวกเราท่าทางไม่ดี ได้โปรดยกโทษให้ด้วยที่พวกเรามีตาหามีแววไม่”

โจวจี้ซีตะลึงงันอยู่กับที่ เมื่อครู่กำเริบเสิบสานขนาดนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงเลี้ยวโค้ง 180 องศา

เธอไม่ใช่บุคคลใหญ่โตอะไร และก็ยังไม่ทันยื่นฟ้อง

พ่อแม่ของหู่ข่ายซวนก็ตามมา โมโหอย่างมาก จากนั้นพูดขึ้น “พี่ พี่ทำบ้าอะไรน่ะ ทำไมต้องขอโทษไอ้หมอนี่ด้วย”

“พวกเธอหุบปากเลยนะ รีบกลับไป หู่ข่ายซวนถูกย้ายไปอนุบาลสามห้อง 1 ต่อไปสอนลูกชายของเธอดีๆ หน่อย”

“งั้นเหมียวเหมียวของพวกเรายังเรียนต่อได้ไหม?” โจวจี้ซีถาม

“ได้แน่นอนค่ะ คุณครูดูแลของพวกเราต่อไปจะดูแลเธอเป็นพิเศษด้วยค่ะ รับรองความปลอดภัยของเธอ” ครูใหญ่ยิ้มพูด

ไม่เพียงเหมียวเหมียวสามารถเรียนต่อไป และก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรังแก

นี่ดีกว่าที่โจวจี้ซีคิดหลายร้อยเท่า

ทั้งสองคนออกมา เจียงเหยียนขับรถจักรยานไฟฟ้า พูดขึ้น “ขึ้นมาเถอะ”

“ไม่ต้อง ฉันเดินกลับก็ได้แล้ว” โจวจี้ซีพูดจบก็เดินกลับไปอย่างเร็ว

เรื่องวันนี้เธอไม่ได้โทษเจียงเหยียน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์จะคลี่คลาย

ยังไงรอเหมียวเหมียวเสียชีวิต เธอก็ออกจากจงโจว

เจียงเหยียนขี่รถจักรยานไฟฟ้าตามไป จากนั้นพูดขึ้น “เธอยังจะต้องสั่งจองสินค้าอีกไม่ใช่เหรอ รีบเร่งเวลา”

“กลับถึงบ้านฉันต้องคืนสินค้า ด้านนั้นไม่เอาแล้ว”

“ทำไมถึงไม่เอาแล้ว?”

จริงอยู่ที่เจียงเหยียนไม่มีความรู้ด้านการค้าขาย เมื่อก่อนรู้แค่ขอเงิน ไม่ให้ก็ทุบตี

สำหรับหาเงินอย่างไร ลำบากแค่ไหน ไม่อยากรับรู้

โจวจี้ซีหยุดลง ตอบกลับอย่างโมโห “พ่อของฉันแบกหน้าไปขอร้องคนอื่นเขา โรงพยาบาลของอาโล่ถึงให้พวกเราจัดหาสินค้าราคาถูก เพราะอยากช่วยเหลือ ตอนนี้ส่งมอบสินค้าไม่ได้ พวกเขาโทรหาเพียงแค่สายเดียวก็สามารถหาผู้จัดซื้อได้เป็นสิบร้าน ธุรกิจเล็กๆ แบบนี้ นายจะสนใจได้อย่างไร?”

เจียงเหยียนพยักหน้า ฟังเข้าใจคร่าวๆ แล้ว จากนั้นพูดขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันไปเจรจากับลูกค้า ลูกค้าคนสุดท้ายลองพยายามดู”

“นายอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย อาโล่เกลียดที่สุดก็คือนาย” โจวจี้ซีพูด

เจียงเหยียนคนประเภทนี้ จะแบกหน้าไปขอร้องคนอื่นเพื่อธุรกิจได้อย่างไร

ตีให้ตายเธอก็ไม่เชื่อ

โจวจี้ซีไม่ได้ขึ้นรถจักรยานไฟฟ้า เจียงเหยียนก็ไม่ได้บังคับ

รอให้เธอเดินกลับถึงร้าน พบว่าเจียงเหยียนเอาใบสั่งของโรงพยาบาล ขับรถจักรยานไฟฟ้าออกไปแล้วจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel