บทที่ 15 พวกคุณห้ามด่าพ่อของหนู
“แน่นอนว่าต้องใช้จนหมดเลย ชุดราตรีแบรนด์ดังระดับนานาชาติราคาเริ่มต้นหนึ่งแสนไม่ใช่เหรอ?” เจียงเหยียนถาม
เขาอยู่บนเขาระยะยาว ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับโลกภายนอก แต่เมื่อก่อนตอนที่รักษาพวกลูกสาวเศรษฐี เสื้อผ้าไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน
งั้นภรรยาของเขา จะด้อยกว่าคนเหล่านี้ได้อย่างไร
“ไม่ได้ มีเงินอยู่แค่นี้” โจวจี้ซีรีบส่ายหน้า
“จี้ซี เงินไม่ใช่ปัญหาด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวล ฉันจำได้ว่าเธอสวมใส่ชุดราตรีสวยมากๆ เลย สวยกว่าดาราด้วยซ้ำ” เจียงเหยียนพูด
“นายเคยเห็นฉันใส่ชุดราตรีตอนไหน?”
“ตอนแต่งงานไง ฉันอยากเห็นเธอเปล่งประกายสูงส่ง สวยสง่าจนคนทั้งงานตกตะลึง เอาศักดิ์ศรีกลับมาจากครอบครัวของเธอ” เจียงเหยียนค้นหาภาพนั้นจากในความทรงจำ ใจเต้นแรง
โจวจี้ซีอดรู้สึกแสบจมูกไม่ได้
ครั้งนั้นสวมชุดแต่งงานคือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตเธอ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเศร้าเสียใจ
เจียงเหยียนเรียกร้องซ้ำไปซ้ำมา โจวจี้ซีถึงได้กล้าออกไปดูเสื้อผ้า
เธอไม่ได้ไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ สามปีแล้ว ปกติซื้อเสื้อผ้าไม่กี่สิบหยวนราคาถูกจากเว็บไซต์พินดูโอดูโอ
ตอนนี้เห็นราคาของร้านแบรนด์เอะอะก็เป็นหลายหมื่น ตกใจจนเธอไม่กล้าอยู่ต่อ
เธอใช้จ่ายให้กับเจียงเหยียนก่อน 5 พัน ซื้อชุดสูททั้งชุดและรองเท้าหนัง
ตอนที่ถึงคราวตัวเองกับเหมียวเหมียว คิดไปคิดมา ใช้เพียงแค่ 3 พัน ซื้อชุดเสื้อโค้ตแม่ลูกสองชุด เป็นสีชมพูแดงที่ถือว่าเหมาะสมอยู่ อยู่ต่อหน้าผู้คนดูราศีค่อนข้างดี
เธอรูปร่างสูงผม ผิวละเอียดอ่อน หุ่นและออร่าที่สูงส่ง ไม่ว่าสวมชุดอะไร ผลที่ได้คูณสิบเท่า ก็ไม่ถึงกับซอมซ่อ
เงินที่เหลือ จะต้องเหลือไว้ป้องกันเผื่ออาการของเหมียวเหมียวแย่ลง
...
พลบค่ำวันเสาร์ เมื่อโจวจี้ซีเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จ สวมใส่ให้เจียงเหยียนดู
เจียงเหยียนเหมือนกับไม่พึงพอใจ
“ไม่...ไม่สวยเหรอ?” โจวจี้ซีรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
“เธอใส่อะไรก็สวย แต่ไปแบบนี้ กลัวว่าจะถูกแม่เลี้ยงกับน้องสาวนั่นของเธอหัวเราะเยาะ”
“ฉันคิดว่าดีมากแล้วนะ” โจวจี้ซีฝืนยิ้ม กลัวว่าเจียงเหยียนจะเปลี่ยนใจและโมโห
หลายปีมานี้เงินที่เธอซื้อเสื้อผ้า รวมกันแล้วไม่ถึง 3 พัน ไม่กล้าเรียกร้องมากเกินไป
เหมียวเหมียวก็กอดคอเจียงเหยียนพูดเกลี้ยกล่อม “พ่อ อย่าโมโหเลยนะคะ แม่สวยมากแล้ว”
เจียงเหยียนยิ้ม พูดขึ้น “พ่อไม่ได้โมโหนะ เพียงแค่คิดว่าแม่ของลูกคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า เราไปกันก่อนเถอะ”
โจวจี้ซีอุ้มเหมียวเหมียวขึ้น ถามลองเชิง “เมื่อวานฉันเห็นรถเข็นอัจฉริยะตัวหนึ่ง หนึ่งหมื่นกว่า ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ พวกเราไปดูกันหน่อยได้ไหม?”
เจียงเหยียนไม่ยอม เธอก็ไม่กล้าซื้อ
“จี้ซี ของขวัญของพ่อเธอฉันเตรียมไว้แล้ว เดาว่าประมาณหนึ่งชั่วโมงจะส่งถึง เขาก็ไม่ต้องใช้รถเข็นแล้ว” เจียงเหยียนตอบกลับ
“ไม่ต้องใช้แล้วหมายความว่าอย่างไร?”
“เดี๋ยวเธอก็รู้”
เจียงเหยียนยิ้มอย่างมีเลศนัย รับเหมียวเหมียวมาจากอ้อมกอดโจวจี้ซี มีอีกข้างที่ว่างอยู่กดส่งข้อความ
“ฉันคือนายน้อยเสินหนงกวน บุญคุณที่ช่วยชีวิตแม่ของนาย ตอนนี้สามารถตอบแทนบได้แล้ว ภายในสองชั่วโมง ฉันอยากจะเห็นชุดราตรีที่แพงที่สุดในประเทศต้าเซี่ย ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูโรงแรมจินซุนเมืองเจียงโจว สัดส่วนส่วนสูงน้ำหนักของโจวจี้ซีตามด้านล่างนี้ 86 58 88 168เซนติเมตร 47กิโลกรัม...”
“รับทราบ นายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่”
เดิมไม่อยากโอเว่อร์ขนาดนี้ แต่ในเมื่อออกมือแล้ว แน่นอนว่าต้องดีที่สุด
บนรถเมล์ โจวจี้ซีอารมณ์ดี พูดคุยหัวเราะกับเหมียวเหมียว ในเมื่อไม่ได้เจอกันานมากแล้ว
เธอคิดว่าชีวิตของตัวเองก็ไม่ได้มีกินมีใช้ ต่อให้เจียงเหยียนตัดใจซื้อของขวัญไม่ลง พ่อก็คงไม่ตำหนิหรอก
ถึงหน้าประตูโรงแรมจินซุน ท้องฟ้ามืดครึ้มแล้ว รถหรูเรียงแถวยาวเหยียดเข้ามา ราคาถูกที่สุดก็คือบีเอ็มดับเบิลยูกับอาวดี้
มีเพียงพวกเขาสามคนที่นั่งรถเมล์มา รปภ. สามคนขว้างกั้นขวกเขาไว้ ถามขึ้น “พวกคุณก็มาร่วมอวยพรวันเกิด?”
“ใช่ค่ะ ฉันคือโจวจี้ซีลูกสาวคนโตของเจ้าของวันเกิด”
รปภ. มองตากัน เหมือนกับได้รับคำสั่งพิเศษ โบกมือตวาด “ไม่มีบัตรเชิญห้ามเข้า ไสหัวไป”
โจวจี้ซีอยากจะถกเถียง มีที่ไหนกันพ่อฉลองวันเกิดไม่ให้ลูกสาวกัน
เจียงเหยียนเฉยเมยมาก มองดูนาฬิกาพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเขาก็มาเชิญ
รถสองคันขับเข้ามา เห็นครอบครัวสามคน ก็ถอยกลับมาอีก
จ้าวเซียวหรุหรุกับอู๋เสี่ยวเทียนที่อยู่บนรถแลนด์ โรเวอร์ เป็นตัวแทน ตลาดสมุนไพรจีนเมืองจงโจวมาร่วมอวยพรวันเกิด
อาวดี้a8 ที่อยู่ด้านหลังก็คือคณบดีจางโล่กับโล่ซีซี
“อุ๊ย นี่คือ คุณหนูใหญ่โจวไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะ?” จ้าวเซียวหรุหรุพูดเยอะเย้ย
อู๋เสี่ยวเทียนปรับหน้าต่างลง ยิ้มอย่างโรคจิต “ให้ไอ้สวะกับลูกของมันไสหัวไป ฉันสามารถพาเธอเข้าไปได้”
โจวจี้ซีอุ้มเหมียวเหมียวแน่นขึ้น คืนนี้อากาศหนาวมาก เธอตอบกลับ “ไม่จำเป็น”
อู๋เสี่ยวเทียนจะหวังดีอะไร ในใจเธอจะไม่รู้เหรอ?
“คุณชายอวู๋ เธอสวมชุดซอมซ่อขนาดนี้ สินค้ามือสองที่โละมาจากแผงลอย พาเข้าไปคุณไม่กลัวขายหน้าเหรอ” จ้าวเซียวหรุหรุพูดเสริม
“แต่งงานกับไอ้ขยะก็เป็นแบบนี้แหละ”
โล่ซีซีทนดูต่อไปไม่ไหว พูดตะคอก “พวกคุณสองคนพอเลยนะ คอยซ้ำเติมถือว่าแน่ตรงไหน”
เธออยากจะช่วยโจวจี้ซีสักหน่อย คณบดีจางโล่กลับลากเธอไว้แล้วพูด “ลูกอย่าเข้าไปยุ่ง ไอ้ขยะนี่เข้าไป ไม่ทำให้หล่าวโจวโมโหตายพอดีเหรอ”
โล่ซีซีมองดูเพื่อนรักที่ตัวสั่นอยู่ท่ามกลางลมหนาว รู้สึกเศร้าแทนเธอมาก
เจอกับผู้ชายอย่างเจียงเหยียน หลายปีมานี้เธอถูกรังแก ถูกดูถูกมากแค่ไหน
โจวจี้ซีก็พูดอ้อนวอน “อาโล่ คุณมาฉันเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ ฉันไปดูครู่เดียวก็กลับ”
“จี้ซี นี่ต้องเป็นความต้องการของแม่เลี้ยงเธอแน่ ช่างเถอะ กลับไปเถอะ”
คณบดีจางโล่เหลือบมองเจียงเหยียน คิดถึงครั้งที่แล้วที่เขาคุยโว พูดตำหนิ “สองมือโล่งโจ้ง ยังมีหน้ามาร่วมฉลองวันเกิด ในปากเต็มไปด้วยคำพูดโกหก ไม่มียางอาย”
เห็นทุกคนประณามพ่อ เหมียวเหมียวโมโหจนร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
“ฮือฮือ...พวกคุณอย่าด่าพ่อของหนูได้ไหมคะ”
ในตอนนี้เอง หลิวเมิ่งผิงพาลูกชายลูกสาวมาต้อนรับคณบดีจางโล่ ในเมื่อตระกูลที่เป็นมิตรกันมาหลายชั่วคนของตระกูลโจว ก็คือลูกค้ารายใหญ่ของโรงผลิตยา เธอตวาดใส่เหมียวเหมียว
“อยากจะร้องก็ไสหัวไปซะ วันมงคลใหญ่ อัปมงคลจริงๆ อย่างกับร้องขอทาน”
เจียงเหยียนอุ้มลูกสาวขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด ชี้ไปบนฟ้าแล้วยิ้มพูด “ลูกรัก ไม่ต้องร้องนะ ของขวัญของคุณตาลูกเหมือนว่ามาถึงแล้ว”
“ของขวัญอะไรคะ?”
เหมียวเหมียวมองดูทางที่นิ้วของพ่อชี้ไป เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่สีเขียวทารลอยอยู่บนท้องฟ้า
สาวน้อยเช็ดน้ำตา ยิ้มออกมา
“พ่อคะ นั่นคือเครื่องบินที่มาส่งของขวัญให้พวกเราเหรอ?”
“อืม ใช่จ๊ะ”
เจียงเหยียนมองดูขบวนรถโรลส์-รอยซ์ที่อยู่ไม่ไกล พูดขึ้น “เหมือนว่าของขวัญของลูกกับแม่ก็มาถึงแล้ว”
โจวจี้ซีรู้สึกขายหน้าสุดๆ พูดเตือนเสียงเบา “เจียงเหยียน เจียงเหยียน ฉันขอร้องนายล่ะ อย่าพูดแล้วได้ไหม”
โจวปิงปิงจับมือของแม่ สองแม่ลูกหัวเราะจนน้ำตาจะไหลออกมา
คนอื่นๆ ก็มองเจียงเหยียนเหมือนกับมองคนปัญญาอ่อน
แม้แต่รปภ.ก็หัวเราะเสียงดัง
“อาโล่ คุณชายอวู๋ เถ้าแก่จ้าว พวกคุณดูสิ ไอ้ขยะหลอกลวงแม้กระทั่งลูกสาว มีสิทธิ์อวยพรวันเกิดพ่อของฉันไหม?”
“จริงด้วย ทั้งเมืองเจียงโจว คุฌชายเจียงพูดแล้วนับสินะ”
จ้าวเซียวหรุหรุก็รู้สึกสนุกมาก ดูท่าเจียงเหยียนก็ยังคงเป็นคนล้างผลาญที่คุยโวโอ้อวดเหมือนเมื่อก่อน สันดานยังคงไม่เปลี่ยน
ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน แขกเหรื่อที่ล้อมรอบยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ
สายตาแต่ละคู่ที่ดูถูก เยาะเย้ย ฉีกหน้า เหมือนกับกระแสน้ำพรั่งพรูขึ้น
ทำให้โจวจี้ซีแทบอยากจะมุดเข้าร่องพื้น
เจียงเหมียวเหมียวโมโหจนตัวสั่น กำหมัดเล็กๆ สองข้าง ตะคอกใส่ทุกคน “พ่อของหนูไม่ใช่คนหลอกลวง ไม่อนุญาตให้พวกคุณด่าเขา แง้...”
สาวน้อยไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่พ่อของเธอเปลี่ยนไปแล้ว ทำไมคนพวกนี้ยังมองเขาอย่างกับขยะ
หรือว่าเป็นเพราะพ่อไม่มีเงิน ดังนั้นทำอะไรก็ผิดไปหมดเหรอ
โจวจี้ซีกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอสงสารลูกสาว คืนนี้ทั้งหนาวทั้งร้องจนจะขาดใจ ก็เพื่อปกป้องเจียงเหยียนพ่อคนนี้
คนยากจนไม่เป็นอะไร แต่คุยโวต่อหน้าทุกคนแบบนี้ หาเรื่องโดนดูถูกเองชัดๆ สินะ
เธอก็ไม่ได้หวังว่าเจียงเหยียนจะเพิ่มเกียรติให้ตัวเอง ขอเพียงแค่ไม่ให้ขายหน้า
แม้แต่แค่นี้ เขาก็ทำไม่ได้
“เหมียวเหมียว ไม่ร้องนะ ขอโทษ คืนนี้แม่ไม่น่าพาลูกมา พวกเรากลับบ้านกัน”
เธอแย่งเหมียวเหมียวมาจากมือของเจียงเหยียน หันหลังจะกลับไป กลับถูกขบวนรถโรลส์-รอยซ์ขวางทางไว้
โรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมสิบคันปกป้องรถบ้านเพิ่มขนาดยาวคันหนึ่งตรงหน้าเธอ สถานการณ์น่าตกตะลึงอย่างมาก
ชาวต่างชาติที่สวมชุดสูทรองเท้าหนังลงจากรถ มองดูรูปภาพบนโทรศัพท์ ขวางโจวจี้ซีไว้ จากนั้นถามอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใช่คุณโจวจี้ซีไหมครับ?”
“ฉัน...ใช่ฉันค่ะ ทำไมเหรอคะ?”
โจวจี้ซีในตอนนี้ ราวกับนกที่ตกใจง่าย อุ้มเหมียวเหมียวถอยหลังหลายก้าว เกือบจะล้มลง
สองแม่ลูกน้ำตาไหลไม่หยุด อยากจะหนีจากที่ตรงนี้ไปให้ไกล
ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ขบวนรถหรูหราตรงหน้า มาเพื่อใครกันแน่