ตอนที่ 2 ซิงมั้ย
ฉันตกใจมากนะเป็นหมื่นในคืนเดียว ฉันสามารถดูแลทุกคนได้อย่างสบายเลยนะ ถ้าได้งานนี้
“โอเคร ฉันตกลง ฉันพร้อมตอนนี้เลย”
“งั้นแกลงมาหาฉันคืนนี้เลย”
“ได้ แต่ว่า...”
" แต่อะไรอีกวะ"
"ฉันขอเวลา 3 วันก่อนได้มั้ยตอนนี้ฉันมีเงินไม่พอ"
“ไอ้ที่ว่าไม่พอนะ มีเท่าไหร่”
“เหลืออยู่ 300 เอง”
“จนจังวะ เออๆ เอาเลขบัญชีมา เดี๋ยวฉันโอนไปให้"
ฉันตกใจนิดนึงที่หงษ์จะโอนเงินค่าเดินทางให้ฉัน แต่ก็แอบดีใจที่จะได้งานที่มีเงินเดือนดีๆแบบนี้
ฉันกลับมาบอกที่บ้านเรื่องที่จะไปทำงาน สายตาของทุกคนที่จ้องมองฉันมันไม่ได้มีความห่วงไยอยู่เลยยกเว้นพ่อที่ยังดูเป็นห่วงฉันอยู่นิดนึง
“แล้วจะไปอยู่ยังไง ไว้ใจได้รึเปล่า” พ่อถามฉันขึ้นมาเบาๆ
“ช่างมันซิคุณ ขอแค่มันส่งเงินกลับมาก็พอละ จะอะไรนักหนา”
นี่คือคำพูดของแม่เลี้ยงฉัน มันบันทอนจิตใจจริงๆนะ
“ตาลจะระวังตัวค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วงตาลนะ”
“นี่นังตาลถ้าเกิดแกไม่ส่งเงินมาละก็ฉันจะตามไปลากแกกลับมาตบที่บ้านเลยคอยดู” แม่เลี้ยงชี้หน้าฆาตโทษฉันไว้ ฉันจึงได้แต่พยักหน้ารับคำ
“ค่ะ”
ฉันจัดการเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าก่อนจะไหว้ลาพ่อกับแม่ ฉันค่อยๆเดินมาขึ้นมอเตอร์ไซค์วินที่หน้าปากซอย หงษ์บอกว่าให้ฉันนั่งรถตู้ไปหาเธอซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ฉันนั่งรถออกต่างจังหวัด
แล้วไม่นานฉันก็มาถึง ฉันรอหงษ์มารับอยู่ที่ท่ารถนานมาก ประมาณ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้มั้ง นี่หงส์ลืมไปแล้วรึเปล่าว่าฉันจะมา หรือว่า เกิดอะไรขึ้นกับหงส์ ฉันคิดวกวนไปหมด เพราะถ้าหงษ์ไม่รับฉันจะทำยังไง
“เฮ้ยๆ โทษทีที่ให้รอนาน พอดีฉันคุยกับแขกนานไปหน่อย”
เสียงหงส์ดังลั่นมาแต่ไกลเลย เฮ้อ โล่งอกอย่างน้อย หงษ์ก็แค่มาช้าไม่ได้เป็นอะไร
“อืมไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่หงษ์เมาหรอ”
“นิดหน่อย อย่าพูดมากน่าง่วงนอน ขึ้นมาให้ไวเลย”
เราเลยจำใจขึ้นไปคร่อมมอไซค์ของหงษ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงแม้จะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุก็ตาม
หงษ์พาฉันมาที่ห้องเช่าเล็กๆห้องนึงมันมีห้องน้ำในตัวนะ แต่มันเล็กมาก ฉันมองไปรอบๆ ในห้องแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย นอกจากเตียง พอฉันจะหันไปถาม หงษ์ก็ล้มตัวลงนอนแล้ว ก็แน่ละ นี่มัน ตี4 แล้ว เธอคงจะเหนื่อยจากงานเลยหลับง่ายแบบนี้ ฉันจึงวางกระเป๋าไว้ที่ปลายเตียงก่อนจะลงไปนอนเพื่อเอาแรง เพราะพรุ่งนี้ยังต้องลุกขึ้นมาสู้ชีวิตกันต่อ
เช้ามา หงส์ยังไม่ตื่นฉันจึงเดินลงไปหาซื้อข้าวขึ้นมาเตรียมไว้ ซึ่งตลอดการเดินของฉันมันมีแต่คนมองตลอดเลย ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่าเขามองกันทำไม แต่พอกลับมาที่ห้อง หงษ์ก็ไม่ตื่นขึ้นมากินซักที ฉันเลยนั่งเล่นเกมส์ในมือถือไปเรื่อยๆจนเวลาผ่าไปนานพอสมคสร หงส์ก็ตื่นขึ้นมา
“เฮ้อออ ง่วงชิบหาย”นี่คือคำแรกที่หงส์พูดหลังจากตื่นมา อะไรเนี้ย พึ่งตื่นแท้ๆ แต่ดันง่วงอีกแล้ว หงษ์คงเหนื่อยมากแน่ๆ
"อ้าวตาล นี่แกไปซื้อกับข้าวมาหรอ"
"อืม ตื่นมาแกจะได้กินไง"
หงษ์เดินไปแปรงฟันล้างหน้าในห้องน้ำก่อนจะออกมานั่งกินข้าวที่ฉันจัดเตรียมไว้ให้
"เออ ขอบใจ แล้วนี่แกกินยั้ง"
"กินแล้ว แกกินเลย อันเนี้ยของแก"
"อืมๆ ว่าแต่ ทำไมแกอยากมาทำงานกับฉันวะ"
หงษ์พูดไปหรางก็กินไปด้วย
" ฉันนึกถึงแค่แกคนเดียว แกก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะทำแต่งานมาตลอด"
"แต่งานฉันก็ไม่ได้สบายขนาดนั้นนะ แกไหวรึเปล่า"
"ไหวดิ เพราะฉันต้องหาเงินส่งทางบ้าน น้องก็ยังเรียนไม่จบ"
"อีหวานนะเหรอ ฉันว่ามันเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าแกนะ"
"ไม่ได้หรอกแม่บอกว่าหวานต้องทำงานในออฟฟิต ซึ่งต่างจากฉัน"
" ไปดักตบแม่แกจะผิดป่าววะ"
"บ้าน่า อะกินข้าวเถอะ"
หงษ์ส่ายหัวอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะกินข้าวจนหมด ฉันเก็บถ้วยชามไปล้างในห้องน้ำ เพราะที่นี่ไม่มีที่ล้างจานเหมือนที่บ้าน
" หงษ์ เราจะไปทำงานกันกี่โมงหรอ"
"5โมง ว่าแต่แกมีชุดสวยๆมารึเปล่า"
"มีนะ แกลองเปิดดูในกระเป๋าซิ"
ฉันได้ยินเสียง หงษ์รื้อค้นกระเป๋าอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเงียบเสียงไป
"เจอมั้ยหงษ์"
"เจอ แต่เจอเฉพาะเสื้อผ้านะ แต่ความสวยไม่เจอเลย"
ฉันที่ล้างจานเสร็จพอดีเลยเดินออกมาดู ก็เห็นหงษ์นั่งทำหน้าตาเซ็งๆอยู่
"ก็มันสวยได้เท่านี้จะให้ทำไง"
"เอาไปทิ้งให้หมดเลย เดี๋ยวเอาของฉันไปใส่"
“ทิ้งเลยเหรอ เสียดายอยู่นะ”
“เออ ทิ้งเหอะ ดูแต่ละตัวดิ หาความสวยไม่เจอเลย”
"อืม ทิ้งก็ได้ ว่าแต่ขอบใจนะ"
ฉันยิ้มให้หงษ์ที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ ซึ่งไม่นานหงษ์ก็แต่งตัวเสร็จ เรียกว่าสวยจนจำแทบไม่ได้เลยหละ
"สวยมากเลยหงษ์ แกแต่งตัวแบบนี้ฉันจำแทบไม่ได้เลย"
"แน่นอน เราต้องสวยจนแขกตะลึง เออ แล้วแกยังซิงอยู่มั้ยวะ"
ฉันชะงักไปแปบเลย ทำไมหงษ์ต้องถามแบบนี้ด้วยอ่ะ
" ถามทำไมอ่ะ"
"เออ ก็ถามไว้ ว่าไงซิงมั้ย"
" อืม"ฉันพยักหน้าเบาๆด้วยความเขิน เพราะฉันคิดว่า ฉันคงเป็นคนสุดท้ายในรุ่นเลยละมั้งที่ยังซิงอยู่