บทที่ 5
บทที่ 3
ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ (London Heathrow Airport)
เจ้าหญิงไลอาด์ พร้อมด้วยองครักษ์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และระหว่างนั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่องบิน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เจ้าหญิงไลอาด์ยังให้ความสนใจกับหนังสือที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ จึงไม่หยิบโทรศัพท์มากดรับ ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเสียงเรียกในครั้งแรกเงียบหายไป แต่ไม่ถึงห้าวินาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เจ้าหญิงถึงกับถอนหายใจลึก นึกเคืองคนที่โทรมาขัดจังหวะการอ่านหนังสือแฟนตาซีแสนสนุกในยามนี้
“ใครโทร.มานะ”
เจ้าหญิงไลอาด์พึมพำถามตัวเองมากกว่าจะถามองครักษ์ ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ติดกัน ใบหน้างามเผยความหงุดหงิดให้เห็น ขณะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก ทว่า...พอเห็นชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์ จากที่หงุดหงิดใจ ก็กลายเป็นหน้าแดงซ่าน มือเล็กสั่นเทาเล็กน้อย ขณะกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมพึมพำเอ่ยเรียกชื่อของผู้ที่โทร.มาหาตนเองด้วย
“ผู้พันฮาคิม...”
“ผู้พันโทร.มาหรือครับ” ธาซิม องครักษ์คนสนิทของเจ้าหญิงไลอาด์ เอ่ยถามเบาๆ หลังจากได้ยินเสียงเจ้าหญิงพึมพำออกมา
“ใช่...ผู้พันโทร.มา”
เจ้าหญิงไลอาด์รับคำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พอกดรับโทรศัพท์แล้วก็รีบทักทายเสียงหวานเพราะความดีใจ แต่เหนือความดีใจก็คือ...ความรักภักดีที่เจ้าหญิงได้มอบให้กับผู้พันฮาคิมเสมอมา
“สวัสดีค่ะ ผู้พัน...”
“ไลอาด์ ห้ามกลับมาคาลาส์เด็ดขาด”
จากที่คิดว่าจะได้ยินเสียงทักทายตอบกลับไพเราะเสนาะหู หรือเอ่ยถามด้วยความเห็นห่วงใย หรือบอกว่าคิดถึงเธอเหลือเกิน
ทว่า...ทุกสิ่งกลับตาลปัตร ไม่เป็นไปดั่งที่คิด รอยยิ้มด้วยความดีใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าในก่อนหน้านี้ ได้เลือนจางหายไป ใบหน้ามีเลือดฝาดเพราะเป็นสุขที่ผู้พันฮาคิมโทร.มาหา กลับกลายเป็นเศร้าสร้อย ขอบตาร้อนผะผ่าวกับคำสั่งห้วนๆ ของผู้พันจอมไร้หัวใจ
“ทำไมถึงไม่ให้ไลอาด์กลับประเทศคาลาส์”
เมื่อถูกสั่งเสียงห้วนเป็นมะนาวไม่มีน้ำ เจ้าหญิงไลอาด์ก็ถามเสียงห้วนไม่แพ้กัน พยายามข่มความเสียใจไว้สุด
กำลัง ไม่ให้มีเสียงสะอื้นหลุดลอดไปด้วย
“ไม่ต้องถามหาเหตุผล ผมสั่งไม่ให้กลับประเทศคาลาส์ ก็จงทำตามคำสั่งของผม”
“ไม่!” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เจ้าหญิงไลอาด์ปฏิเสธเสียงแข็งในทันที “ฉันจะกลับประเทศคาลาส์ เครื่องบินกำลังจะออกในสามสิบนาทีข้างหน้านี้...”
“ผมบอกว่าอย่ากลับมา”
ผู้พันฮาคิมออกคำสั่งก่อนเจ้าหญิงไลอาด์จะทันพูดจบ
และก็ถูกเจ้าหญิงไลอาด์สวนกลับในทันควัน “เสียใจด้วย ผู้พันฮาคิม...คุณไม่มีทางห้ามฉันได้ ฉันจะกลับประเทศคาลาส์พร้อมกับคู่หมั้นของฉัน อีกสิบชั่วโมงเจอกันนะคะ สวัสดี”
“บ้าฉิบ....นรกแตกหรือยังไง มีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรถึงจะพาคู่หมั้นมาด้วย”
เจ้าหญิงไลอาด์แทบทำโทรศัพท์หล่นจากมือเล็กที่สั่นเทา ทว่าคราวนี้หาใช่เพราะความดีใจไม่ แต่เป็นเพราะความเสียใจกับคำสบถลั่นจากผู้พันฮาคิม
“เจ้าหญิงครับ”
ธาซิมเอ่ยเรียกด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเจ้าหญิงไลอาด์ค่อยๆ ลดโทรศัพท์ลงจากใบหู ก่อนจะกดตัดสายโดยไม่ปะทะคารมกับผู้พันฮาคิมต่อ
ไม่อยากให้ธาซิมเห็นหยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอระคนเสียใจที่เอ่ออยู่ในดวงตาแดงก่ำ เจ้าหญิงไลอาด์จึงเบือนหน้านี้ พลางลุกขึ้นยืน แล้วเลี่ยงไปพูดเรื่องการเดินทางแทน
“พนักงานเรียกขึ้นเครื่องบินแล้ว ไปกันเถอะ ธาซิม”
“ครับ เจ้าหญิง”
เมื่อเจ้าหญิงไลอาด์ไม่อยากพูด ธาซิมก็ไม่อาจบังคับเจ้าหญิงได้ นอกจากลุกขึ้นยืน แล้วทำหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินตามเจ้าหญิงไปขึ้นเครื่องบิน
เจ้าหญิงไลอาด์กะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าให้เหือดแห้ง ใบหน้างามอมทุกข์ซบลงกับหน้าต่างเครื่องบิน ทอดสายตาแดงก่ำจ้องมองปุยเมฆบนท้องฟ้ากว้าง หัวใจดวงน้อยที่ชอกช้ำคิดถึงผู้พันฮาคิม บุรุษหนุ่มเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจของเธอมาช้านาน
เจ้าหญิงยังจำได้ไม่มีวันลืม ในวันที่ผู้พันฮาคิมทิ้งให้เธอต้องอยู่คนเดียวในบ้านพักที่ลอนดอน ส่วนตัวผู้พันหายไป คงมีแค่เพียงกระดาษโน้ตฉบับเดียวที่ทิ้งไว้ให้เธอต้องงุนงงสงสัยกับการกระทำของเขา
‘ผมกลับคาลาส์ มีงานด่วนต้องทำ แล้วจะติดต่อกลับมา’
ข้อความสั้นๆ ที่ผู้พันฮาคิมเขียนทิ้งไว้ ไม่บอกเหตุผล ไม่บอกว่างานด่วนที่ต้องทำคืออะไร ไม่มีแม้กระทั้งความห่วงหาอาทร ที่จะเขียนทิ้งท้ายไว้กับข้อความนี้ ทำให้เธอเสียใจยิ่งนัก และงานด่วน งานสำคัญของผู้พันฮาคิมคืออะไร จนป่านนี้เธอก็ไม่อาจล่วงรู้ได้
“กี่เดือนแล้วคะ ที่คุณกลับคาลาส์แล้วไม่ติดต่อหาไลอาด์เลย”
“กี่วัน กี่เดือนแล้วที่คุณทิ้งไลอาด์ไปโดยไม่แยแส”
เจ้าหญิงไลอาด์กระซิบถามถึงคนที่อยู่ไกล หกเดือนกว่าเกือบเจ็ดเดือน ที่ผู้พันฮาคิมหายเงียบไป ไม่ติดต่อ ไม่มีแม้กระทั่งโทร.หาคนที่รอเขาอยู่ด้วยความรัก ผู้พันเงียบหายเข้ากลีบเมฆ จนเธออดรนทนไม่ไหวและด้วยความเป็นห่วง จึงโทร.สอบถามถึงข่าวคราวของผู้พันจากท่านชีคมาคิม
‘ท่านชีคเพค่ะ ผู้พันอยู่ไหน ทำไมเขาไม่รับโทรศัพท์ของไลอาด์’
‘ฮาคิมไม่สะดวกรับโทรศัพท์ในตอนนี้’
‘ทำไมเพค่ะ ทำไมผู้พันถึงรับโทรศัพท์ไม่ได้’
‘เอ่อ...ไลอาด์ ลุงไม่สะดวกที่จะบอกความจริงกับเจ้า’
‘ท่านลุง...ได้โปรดบอกความจริงกับไลอาด์...จู่ๆ ผู้พันก็เงียบหายไป ไม่ติดต่อกลับมา ไลอาด์เป็นห่วงผู้พันจนไม่เป็นอันจะกินจะนอนแล้วเพค่ะ’
‘อย่าห่วงฮาคิมเลย ไลอาด์ ฮาคิมสบายดี ตอนนี้เขาอยู่...’
‘ผู้พันอยู่ที่ไหนเพค่ะ ทำไมท่านลุงไม่พูดต่อ’
‘ไลอาด์ ลุงบอกเจ้าไม่ได้’
‘บอกไม่ได้? ทำไมเพค่ะ เพราะอะไร หรือว่าผู้พันมีหญิงอื่นแทนไลอาด์...’
‘อย่าให้ลุงต้องลำบากใจเลย ไลอาด์ ฮาคิมขอร้องไว้ ไม่ให้ลุงบอกความจริงกับเจ้า’
“ผู้พัน...ทำไมถึงใจร้ายกับไลอาด์ถึงเพียงนี้...”
เจ้าหญิงไลอาด์รำพันเสียงสั่นเครือ ขอบตาทั้งสองร้อนผะผ่าว เมื่อนึกถึงตอนที่เธอโทรศัพท์หาท่านชีคมาคิม ท่านชีคปฏิเสธที่จะบอกความจริง ซ้ำยังช่วยปิดบังบางสิ่งบางอย่างไว้ ซึ่งคงเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากเรื่องอิสตรีที่เข้ามาแทนที่ตัวเธอ