บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

จากกันแค่เพียงไม่กี่เดือน ผู้พันฮาคิมก็ปั่นใจไปให้หญิงอื่น ปล่อยให้หญิงที่จงรักภักดี มอบหัวใจทั้งดวงให้กับผู้พันต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดเสียใจอย่างถึงที่สุด

“ผู้พันไม่เคยรักไลอาด์เลยใช่ไหมคะ...”

แค่เพียงคิดว่าผู้พันฮาคิมมีหญิงอื่นแนบกาย เจ้าหญิงไลอาด์ก็เจ็บซ่านไปทั้งหัวใจ หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า ร่วงรินมาตามหางตา ก่อนเจ้าตัวจะขบกรามแน่น ข่มความเสียใจให้ไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน

“ผู้พันทำให้ไลอาด์เจ็บ ผู้พันก็ต้องเจ็บด้วย”

ความโกรธเคืองเกิดขึ้นพร้อมๆ กับความรัก เจ้าหญิงผู้เลอโฉมเค้นเสียงห้วน แน่นอนว่าเธอไม่ยอมเจ็บปวดแค่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น หากผู้พันฮาคิมมีหญิงอื่น กระทั่งทิ้งเธอไป ปล่อยให้เธอต้องอยู่กับความทุกข์ระทมทุกวี่วัน ถึงตอนนี้ ผู้พันฮาคิมจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดบ้างแล้ว

“ไลอาด์อยากเห็นหน้าผู้พัน ตอนรู้ว่าไลอาด์มีคู่หมั้นแล้ว”

ผู้พันฮาคิมนอกใจไปมีหญิงอื่น ทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจได้ เธอก็จะทำให้ผู้พันเจ็บปวดไม่แพ้กัน เมื่อผู้พันห้ามไม่ให้กลับประเทศคาลาส์ เธอก็จะทำในทางตรงกันข้าม จะกลับไปยังดินแดนแห่งทะเลทรายพร้อมๆ กับ ‘ธาซิม’ ผู้เป็นคู่หมั้น

อีกไม่กี่สิบชั่วโมง เจ้าหญิงไลอาด์ก็จะได้เห็นหน้าคนที่ใจดำซะยิ่งกว่าอีกาอย่างผู้พันฮาคิม เธออยากเห็นหน้าของผู้พันเหลือเกินว่าจะทำหน้าอย่างไร ผู้พันจะเจ็บปวดเสียใจ หรือแสดงอาการเย็นชาเฉยเมยไม่รู้สึกอะไรเลยในยามเห็นเธอควงแขนอยู่กับคู่หมั้น...

ในขณะเจ้าหญิงไลอาด์แทบทนรอเวลาในการเผชิญหน้ากับเจ้าหัวใจไม่ไหว ผู้พันฮาคิมกลับหงุดหงิดหัวเสียกับความดื้อรั้นฟังใครไม่เป็นของเจ้าหญิงผู้นี้

“บ้าชะมัด! ไม่รู้หรือยังไงว่ากำลังรนหาที่ตาย”

เจ้าของนัยน์ตาคมกริบสบถดังลั่น แทบขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้ง สาบานได้ว่าหากเจ้าหญิงจอมดื้ออยู่ใกล้ๆ ตัวเขา คงได้จับเจ้าหญิงไลอาด์มาพาดบนตัก แล้วซัดหนักๆ ลงไปบนสะโพกสักสองสามที โทษฐานที่ขัดคำสั่งของเขาไปเสียทุกอย่าง

ผู้กองฟาดิสเห็นสีหน้าของผู้บังคับบัญชา ก็พอเดาได้ว่าการเจรจากับเจ้าหญิงไลอาด์คงไม่เป็นไปตามที่ผู้พันต้องการ

“เจ้าหญิงจะกลับประเทศคาลาส์ให้ได้ใช่ไหมครับ”

“ใช่” ผู้พันตอบเสียงห้วน ยิ่งคิดถึงคนดื้อรั้นก็ยิ่งหัวเสีย “ไลอาด์จะกลับคาลาส์ให้ได้ เธอไม่ฟังที่เราห้าม แถมยังปิดเครื่องหนีเราด้วย”

“ป่านนี้เจ้าหญิงคงอยู่บนเครื่องบินแล้ว” ผู้กองฟาดิสคุ้นเคยกับเจ้าหญิงไลอาด์ และรู้ว่าเจ้าหญิงมีนิสัยดื้อรั้นไม่แพ้ผู้พันฮาคิม

“และอีกสิบชั่วโมง ก็จะถึงประเทศคาลาส์” ผู้พันฮาคิมเอ่ยต่อท้าย หลุบสายตามองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ แล้วเอ่ยบอกต่อเสียงเคร่งเครียด

“ตอนนี้ลูกน้องของไอ้นาฟซาต่างก็กระหายในตัวไลอาด์ พวกมันเตรียมพร้อมสำหรับการลักพาตัวไลอาด์มาให้ไอ้นาฟซา”

“หากพวกมันจับตัวเจ้าหญิงได้ คงทำเงินให้กับพวกมันได้อย่างมหาศาล”

“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น และหลังจากไอ้นาฟซามันเล่นงานไลอาด์จนหน่ำใจแล้ว มันจะส่งตัวเธอให้กับไอ้พวกชาติชั่วที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์นรก”

ผู้พันฮาคิมยกมือขึ้นลูบหน้าขณะถอนหายใจลึก ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยริ้วรอยของความเป็นห่วงเจ้าหญิงผู้กำลังตกเป็นเหยื่อในเกมนี้

ผู้กองฟาดิสเป็นห่วงเจ้าหญิงไลอาด์ไม่แพ้กัน การปลอมตัวเข้ามาอยู่ในกองโจรที่มีนาฟซาเป็นหัวหน้า ทำให้เขาได้เห็นว่าเดนมนุษย์เหล่านี้ไม่เคยมอบความเมตตาให้กับเหยื่อที่เป็นผู้หญิง

แน่นอนว่าผู้พันฮาคิมไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหญิงไดอาด์ ผู้เป็นยอดดวงใจต้องตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว เขารู้ว่าผู้พันจะปกป้องเจ้าหญิงด้วยชีวิตของเขาเอง

“ผู้พันจะลงมือชิงตัวเจ้าหญิงเมื่อไรครับ”

“ทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์” ผู้พันฮาคิมบอกแผนการของตนเองให้ลูกน้องทราบ

“ผู้พันคิดว่าเจ้าหญิงจะยอมมากับพวกเราง่ายๆ ไหมครับ”

ผู้กองฟาดิสเอ่ยถามติดรอยยิ้มบนใบหน้า มั่นใจว่าผู้บังคับบัญชาของตน คงมีแผนเด็ดไว้รอรับมือกับเจ้าหญิงผู้ดื้อรั้น

“คงต้องให้หิมะตกบนแผ่นดินทะเลทรายในประเทศคาลาส์ก่อน ไลอาด์ถึงจะเชื่อฟัง และยอมทำตามคำสั่งของเราง่ายๆ”

“ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน” ผู้กองฟาดิสเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“ใช่! ไม่มีทางเป็นไปได้” ผู้พันฮาคิมรับคำ “ไลอาด์คงติดนิสัยนี้มาจากเรา”

“ข้อนี้ผมไม่ปฏิเสธครับ”

คราวนี้ผู้กองฟาดิสแทบกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ซึ่งผู้พันฮาคิมเองก็ยอมรับเป็นอย่างดี

“ไลอาด์คงได้ร้องลั่นจนแสบแก้วหูกันไปข้าง”

“แล้ว...ผู้พันจะทำการชิงตัวโดยละม่อมไหมครับ”

“คิดว่าไม่นะ”

ผู้พันฮาคิมตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมกริบไหววาบอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเจ้าหญิงไลอาด์ไม่มีทางยอมไปกับเขาง่ายๆ เพราะฉะนั้นต้องใช้วิธีการชิงตัวเจ้าหญิงออกมาจากเครื่องบินด้วยวิธีที่เขาถนัด และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากหน่วยสเปซนาซ

“สำหรับไลอาด์...ไว้ให้เป็นหน้าที่ของเราเอง นายเข้าไปจัดการกับไอ้ผู้ชายหน้าปลาจวดที่เป็นคู่หมั้นของเธอ ลากตัวไปให้ไกลเราที่สุด ไม่เช่นนั้นเราจะไม่รับประกันความปลอดภัยของเขา”

คำเหน็บแนมของผู้พันฮาคิมทำเอาผู้กองฟาดิสแทบสำลัก พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอดเล็ดลอดเข้าหู ผู้บังคับบัญชาของเขากำลังโกรธเพราะพิษของความหึงหวง

“ว่าแต่...เจ้าหญิงมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรครับ”

ก่อนหน้านี้ผู้กองฟาดิสได้ยินเสียงผู้พันฮาคิมสบถลั่นระหว่างคุยโทรศัพท์กับเจ้าหญิงไลอาด์ ซึ่งเขาเองก็สงสัยในเรื่องนี้ไม่แพ้กัน

“เป็นคำถามที่เราตอบไม่ได้ เพราะเราก็เพิ่งรู้ว่าไลอาด์มีคู่หมั้น และเธอจะพาไอ้หน้าปลาจวดคนนั้นกลับมาประเทศคาลาส์ด้วย”

น้ำเสียงที่เค้นตอบลอดไรฟัน บ่งบอกให้รู้ว่าผู้พันฮาคิมถูกพิษลมหึงเล่นงานอย่างเต็มที่ นอกจากดวงตาที่วาวโรจน์เพราะความโกรธแล้ว ยังมีเสียงกัดฟันดังกรอดเล็ดลอดออกมาด้วย

“ไม่ว่าคู่หมั้นของไลอาด์จะเป็นใครหน้าไหน นายต้องกันผู้ชายคนนี้ออกไปให้ไกล อย่าให้เขาเข้าใกล้ไลอาด์ได้เป็นอันขาด”

“รับทราบครับ เขาจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เจ้าหญิงไลอาด์อย่างแน่นอนครับ”

ผู้พันฮาคิมพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ดวงตาคมกริบไหววาบขณะใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ไลอาด์มาด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวใช่ไหม”

“ครับ ผู้พัน”

“ถ้ายังงั้นนายหาทางติดต่อกับกัปตัน ให้นำเครื่องบินไปลงจอดอีกสนามบิน”

“ผู้พันหมายถึงสนามบินลับใช่ไหมครับ”

“ใช่! สนามบินลับ” ผู้พันฮาคิมตอบเสียงลึกอยู่ในลำคอ “เราจะไปรอรับไลอาด์ที่นั่น และสั่งกัปตันห้ามแพร่งพรายเรื่องการเปลี่ยนเส้นทางบินด้วย”

มีแค่ไม่กี่คน ที่รู้ว่ามีสนามบินขนาดเล็กอยู่ในหุบเขา เป็นสนามบินลับไว้สำหรับลงจอดหรือทะยานขึ้นบนท้องฟ้าในยามคับขัน กัปตันที่จะลงจอดในสนามบินแห่งนี้ ต้องมีฝีมือการบินระดับพระกาฬ จึงจะสามารถนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย

และภายในหุบเขาแห่งนี้ นอกจากจะมีสนามบินซุกซ่อนอยู่แล้ว ยังมีบ้านพักอีกสี่ห้าหลัง ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวของผู้พันฮาคิมและเหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาด้วย เรียกได้ว่าเป็นฐานทัพลับ ที่ไม่เคยปรากฏบนแผ่นที่ของประเทศคาลาส์ และไม่สามารถค้นหาด้วยระบบดาวเทียมได้

“ป่านนี้ลูกน้องของไอ้นาฟซาคงไปดักรออยู่แถวๆ สนามบินคาลาส์แล้ว” ผู้กองฟาดิสมองภาพออกว่าคนชั่วกระหายเลือด ต้องไปดักรอเจ้าหญิงไลอาด์ตั้งแต่ไก่โห่

“แน่นอน! พวกมันคงยกโขยงไปรอต้อนรับไลอาด์แล้ว ตอนนี้ในสนามบินคาลาส์คงมีลูกน้องของไอ้นาฟซาเดินให้ควั่กไปหมด”

มันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ว่าลูกน้องของนาฟซาไปปูพรมแดงรอต้อนรับเจ้าหญิงไลอาด์ ทันทีที่เครื่องบินแตะกับรันเวย์ เจ้าหญิงไดอาด์จะตกอยู่ในมือของคนชั่ว ที่ต่างก็เข้าไปรุมทึ้ง แย่งกันชิงตัวเธอมาให้ได้ ซึ่งพวกมันพร้อมมอบความโหด

เหี้ยมให้กับเจ้าหญิงในทุกรูปแบบ

“ผู้พันจะให้เจ้าหญิงอยู่ในพระราชวังกับท่านชีค หรือว่าจะให้อยู่ในบ้านพักที่หุบเขาครับ” ผู้กองฟาดิสยังสงสัยในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าผู้พันฮาคิมจะตัดสินใจอย่างไร

ผู้พันฮาคิมนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบออกมา “เราจะให้ไลอาด์ไปอยู่ในบ้านพักที่หุบเขา มีนายและคนอื่นคอยอารักขาให้เธอด้วย”

“หวังว่าเจ้าหญิงจะยอมไปง่ายๆ ไม่มีขัดขืนแม้แต่นิดเดียวนะครับ” ผู้กองฟาดิสเอ่ยยิ้มๆ ทั้งๆ รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด

“เราก็หวังเช่นนั้น” ผู้พันฮาคิมได้แต่หวัง ทว่ามั่นใจว่าเจ้าหญิงไลอาด์คงไม่ยอมแน่นอน “นายไปจัดติดต่อกับกัปตันให้เรียบร้อย เที่ยงคืนของวันนี้ เราจะออกจากที่นี่ ไปรอรับไลอาด์”

“ครับผู้พัน”

ผู้กองฟาดิสรับคำก่อนจะใช้โทรศัพท์ดาวเทียมที่ซุกซ่อนไว้เป็นอย่างดี โทร.ติดต่อกับกัปตันเครื่องบินเป็นการเร่งด่วน

“เฮ้อ...ไลอาด์ ทำไมต้องกลับมาประเทศคาลาส์ในตอนนี้ด้วย ทำไมไม่เชื่อฟัง ทำไมไม่รู้จักทำตามคำสั่งของผมบ้าง”

ผู้พันฮาคิมได้แต่ตั้งคำถามด้วยความหนักใจ เขาไม่กลัวความตาย หากต้องเผชิญหน้ากับนาฟซาหรือลูกน้องเป็นฝูงของมัน แต่เขาเป็นห่วงเจ้าหญิงไลอาด์ผู้เป็นเจ้าดวงใจมากกว่า

เจ้าหญิงไลอาด์ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ถึงได้ดื้อรั้นหัวชนฝา และแน่นอนว่าคงมีการปะทะคารมกันหลายยก กว่าเจ้าหญิงไดอาด์จะยอมทำตามคำสั่งของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel