ตอนที่ 2 ดีหรือร้าย
นับจากวันนั้นที่เกิดเรื่องคะนิ้งเกือบถูกลากไปรุมโทรมเสียแล้วก็ผ่านมาเข้าเดือนที่ 3 แต่ภายใต้เรื่องราวร้าย ๆ กลับมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้น มีคนช่วยเหลือเธอในเรื่องที่อยู่ และที่กิน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือคนเดียวกันกับที่ช่วยเธอให้รอดพ้นจากภัยอันตรายนั่นแหละ
หลังจากติณห์ได้ฟังเรื่องราวชีวิตของคะนิ้งผ่านคำพูดมากมายที่ระบายออกมาเพราะเธอทุกข์ใจราว ๆ เกือบสองชั่วโมงของวันนั้น ไม่รู้ว่าไว้ใจเขาได้หรือเปล่า แต่ ณ เวลานั้นเธอต้องการแค่คนรับฟังเงียบ ๆ ไม่ต้องออกความเห็นอะไรก็ได้ ซึ่งติณห์นั่งเงียบขรึมฟังเธอตัดพ้อชีวิตจนเหนื่อยแล้วหยุดพูดไปเอง ก่อนคนที่เอาแต่เงียบจะหยิบยื่นข้อเสนอบางสิ่งให้
เดิมทีคะนิ้งไม่สนใจข้อเสนอจากเขาหรอก เพราะยังไม่ไว้วางใจใครขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่ชื่อ และพูดคุยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงแค่ขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอจากพวกหื่นกามไปเท่านั้น ทว่าวินาทีต่อมาเธอกลับลังเลเสียอย่างนั้น
ช่างใจคิดแล้วคิดอีกว่าควรไปต่ออย่างไรดี เพราะเธอในตอนนี้แทบไม่มีตัวเลือกดี ๆ เลย
จนกระทั่งติณห์ยอมบอกเรื่องตัวเองให้เธอฟัง จึงรู้ว่าเขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของดร.อลัน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสูงสุดของมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ เขากับเธออายุไล่เลี่ยกัน เพียงแต่ติณห์เกิดก่อนเธอถึงสามเดือน เขาเรียนบริหารธุรกิจ ส่วนเธอเรียนเอกภาษาอังกฤษด้านการสื่อสาร
อีกฝ่ายเพิ่งกลับจากปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง ส่วนเธอเพิ่งกลับจากที่ทำงาน ชีวิตของคนสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่โชคชะตากลับเหวี่ยงให้มาเจอกัน และได้รู้จักจเกิดเป็นความสนิทสนม
ติณห์เป็นถึงลูกหลานผู้มีชื่อเสียงหลายคน แถมยังหน้าที่การงานดีอีก คงไม่ทำเรื่องไม่ดีต่อเธอหรอก...
จากนั้นคะนิ้งก็ได้ข้อสรุป เธอตัดสินใจภายในคืนนั้นเลย พร้อมกับขนสัมภาระตัวเองขึ้นรถกลับคอนโดไปกับติณณ์
ไม่รู้ชายหนุ่มเป็นคนอัธยาศัยดี หรือต้องการทาสรับใช้ แต่การที่เขาเสนอบอกให้เธอไปอยู่คอนโดส่วนตัวกับเขาเสียก่อนหากยังไม่มีที่ไปจริง ๆ อย่างไรคอนโดก็มีสองห้องนอนแยกจากกัน มีความเป็นส่วนตัวให้ และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
เขาไม่เคยมีความคิดไม่ดีต่อเธอ แถมยังปากเสียหาว่าเธอผอมแห้งแรงน้อย แค่เห็นหน้าก็พลอยทำให้หมดอารมณ์แล้วล่ะ อีกทั้งยังบอกเหตุผลที่ช่วยเหลือเธอนั้นเพราะเห็นไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเกิดความสงสาร คอนโดที่ให้เธอย้ายเข้ามาอยู่นาน ๆ ทีติณห์ถึงแวะมาที่นี่ เนื่องจากเขามีบ้านหลายหลังเลยไป ๆ กลับ ๆ ค่ำไหนก็นอนนั่นเสียเลย ให้คนมาอยู่คงดีกว่าปล่อยให้ห้องโล่งเหมือนห้องร้าง
กระนั้นคะนิ้งก็ต้องทำอาหาร ทำงานที่อาจารย์สั่งแม้เรียนคนละสาขาคณะก็ตามเธอกลับต้องทำแทนเขา และซักรีดเสื้อผ้าให้ติณห์ก็เป็นหน้าที่ของเธอ เธอทำทุกอย่างเพื่อแลกกับการอยู่คอนโดฟรี ค่าน้ำค่าไฟฟรี แถมบางวันติณห์เกิดคึกอะไรขึ้นมาไม่รู้ก็จัดการเลี้ยงข้าวอีก ประหยัดเงินใตกีพเป๋าตัวเองไปอีกมื้อ
หญิงสาวมีแพลนในอนาคต จนเกิดคิดการใหญ่เอาไว้แล้วล่ะ ระหว่างอยู่ที่นี่เธอยังคงรับจ๊อบเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารอยู่เช่นเดิม ก่อนจะเรียนจบอีก 4 ปีข้างหน้า
อย่างน้อย ๆ เธอต้องมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้างแหละวะ!
"ฉันขอถามอะไรแกหน่อยสิ" จู่ ๆ ชายหนุ่มแต่ก้มหน้าก้มตาไถไอแพดก็เงยขึ้นละสายตาขึ้นมามองเพื่อนสาวเมื่อมีเรื่องอยากรู้
"นายจะถามอะไรอีกล่ะ" คะนิ้งตอบกลับ เดินไปหยิบไม้ม็อบมาถูพื้น เธอกำลังทำความสะอาดห้องที่เละเทะเพราะเมื่อคืนติณห์พาเพื่อนคณะบริหารมาสังสรรค์กันที่นี่ พอดื่มเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ ภาระเลยถูกโยนมาให้เธอ
"ฉันเห็นแกเอาแต่ทำงาน วัน ๆ ไม่คิดจะออกเดทกับหนุ่มที่ไหนบ้างหรือไงวะ" เลิกคลาสเรียนคะนิ้งก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานที่ร้านอาหาร ส่วนวันหยุดวันเสาร์กับวันอาทิตย์เธอก็ไม่เคยออกไปไหน เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง เวลาว่างของเธอคงเป็นการนอนข้ามวันข้ามคืนแทนการออกไปเที่ยว หรือช็อปปิ้งอย่างผู้หญิงคนอื่นกระมัง ทำให้ติณห์รู้สึกเบื่อหน่ายกับวงจรชีวิตที่แสนราบเรียบเกินไปของเพื่อนสาว
"ไม่นะ ฉันยังไม่อยากมีใคร อยากเหนื่อยแค่กับงานก็พอแล้ว" อีกอย่างเธอยังคงคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับใครทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้าหา เธอจัดได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยแหละ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หมายตาไม่น้อยเชียว
แต่เรื่องความรักเธอยังไม่คิดจะมี ไม่โหยหามันด้วยซ้ำ เพราะตราบใดที่ตัวเองยังทำตามความฝันไม่ได้ เธอคงไม่คิดอยากมีใครไปอีกนาน
"โอ้ย จะบ้าปะ ความรักไม่ได้ทำให้ใครต้องเหนื่อยซะหน่อย" ติณห์ประท้วง
"ฉันหมายถึงคนต่างหาก"
"ยังไง"
"ก็พอเวลามีแฟน มันจะมีบางช่วงเวลาที่เราไม่เข้าใจกัน มีทะเลาะกัน เกิดความเสียใจ ฟุ้งซ่านต่าง ๆ นานาจนบั่นทอนจิตใจกัน นั่นแหละสิ่งเหล่านี้มันทำให้เหนื่อย"
"คิดเยอะไปปะแกน่ะ"
"ไม่เยอะหรอก แล้วยิ่งฉันรู้จักกับนาย ฉันก็คิดได้ทันทีว่าไม่ควรมีแฟนอย่างยิ่ง เพราะขนาดนายเป็นแค่เพื่อนฉัน นายยังเอาแต่ใจ บางทีงี่เง่า บางทีก็ไม่ค่อยฟังอะไรใครด้วย พูดตรง ๆ คือผู้ชายชอบยึดความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งแม้บางครั้งเขาคิดผิด"
"แต่ถ้ารักถูกคนมันไม่มีคำว่าเหนื่อยหรอกนะ"
"แล้วจะรู้ได้ไงว่ารักถูกคนไม่ถูกคน กว่าจะรู้คงเสียใจไปตั้งกี่รอบแล้วมั้ง ขนาดฉันกับนายกว่าจะรู้นิสัยกันจริง ๆ ก็แทบประสาทจะแดก!"
"ในสายตาแกฉันแย่ขนาดนั้นเลยดิ"
"เออสิ ถ้ามีแฟนแบบนาย ฉันขอโสดไปทั้งชาติยังดีกว่า วาสนาใครไม่รู้นะ แต่จะเป็นวาสนาฉันมากเลยล่ะถ้าแฟนฉันในอนาคตไม่มีนิสัยแบบนาย" คะนิ้งพูดหยอกเย้าเพื่อนตามประสา เธอหัวเราะออกมาเมื่อเผลอคิดว่า หากในอนาคตแฟนหนุ่มของเธอมีนิสัยคล้ายคลึงติณห์จะเป็นอย่างไร คงปวดหัวแย่เลย
"หึ..." คนฟังกลับยกยิ้มมุมปาก พลางหัวเราะแห้งใส่
"อ้าว แล้วนี่นายจะไปไหน" คะนิ้งทักท้วงเมื่อเพื่อนหนุ่มเข้าไปอาบน้ำในห้องสักพักใหญ่ ก่อนจะปรากฎตัวให้เห็นอีกครั้งครั้นเขาแต่งตัวเสร็จสรรพ
"ไปดื่มกับเพื่อนร่วมคณะ"
"นายคิดจะอยู่ติดห้องสักวันไหมเนี่ย!" หญิงสาวบ่น แล้วส่ายหัวด้วยความเอือมระอา ตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมห้องกับติณณ์
ไม่มีสักวันเลยที่เขาจะอยู่ติดห้อง ถ้าไม่ออกไปสังสรรค์ตอนดึกกับเพื่อนอีกกลุ่มก็มักจะไปออกเดทพาสาวไฮโซที่ไหนบ้างไม่รู้ไปทานข้าวเย็น แล้วไปไหนต่อไหนกันข้อนี้เธอไม่อาจทราบ เพราะไม่เคยถาม และไม่อยากรู้หรอก ติณห์ชอบตอบคำถามแบบกวนตีน สนุกทุกครั้งที่ก่อกวนประสาทเธอจนคลั่งได้สำเร็จ
"บ่นอย่างกับเป็นแม่ฉัน เอ๊ะไม่ใช่สิ อย่างกับเป็นเมียฉัน!" ติณห์เริ่มหนวกหูเสียงแว๊ด ๆ นั่น
"ฉันถาม ไม่ได้บ่นสักหน่อย แล้วนี่ตกลงไปดื่มเหล้าอีกแล้วเหรอ"
"อืม"
"ตับไตนายนี่สู้ชีวิตดีแฮะ!" รสชาติเหล้าไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลย คะนิ้งเคยดื่มครั้งถึงสองครั้งตอนที่นัดรวมกลุ่มกับรุ่นพี่สายรหัส จากนั้นเธอก็ไม่คิดจะแตะต้องมันอีกเลย เพราะไม่ใช่รสชาติที่เธอชอบ
ต่างจากติณห์ที่ติดดื่มอย่างหนัก หนักแค่ไหนน่ะเหรอ คงถึงขั้นสั่งไวน์จากเมืองนอกมาแช่ไว้ในตู้เย็น พอตื่นเช้าก็เปิดดื่มวันละขวดสองขวด แทบจะดื่มแทนน้ำเปล่าไปแล้วแหละ
เครื่องสุขภาพติณห์ไม่สนใจหรอก จะเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง!
"ช่วยไม่ได้ก็หัวใจฉันมันพัง มันต้องการเหล้าย้อมใจ!"
"หัวใจแกเป็นอะไรอะ"
"มันอกหักไง โดนผู้หญิงหักอกมา!"
คะนิ้งถึงกับร้องโอดครวญใส่ คราแรกคิดว่าติณห์เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจอะไรเทือกนั้น แต่ที่ไหนได้ เขาอกหักต่างหากล่ะ
ว่าแต่ใครหักอกคุณชายผู้แสนเพียบพร้อม แถมเอาแต่ใจกันนะ?
ความฉงนใจยังไม่ทันถูกตั้งคำถามด้วยซ้ำ ติณห์กลับปั้นหน้าตึงแล้วเดินกระทืบเท้าเหมือนเด็กที่กำลังโกรธจากไปซะแล้ว
อะไรของเขา อกหักจนเสียทรงเลยหรือไง!