ตอนที่ 13 พูดไม่รู้เรื่อง
หลังจากคะนิ้งได้ยินคำพูดนั้นทั้งหมดเธอก็ต้องกลับมาคิดใหม่ และคิดว่าควรไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผ่านไปไม่กี่นาทีเธอก็กลับเข้าห้องไป ติณห์มองมาแล้วก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าเธอเดินมามือเปล่า ไม่มีของสักชิ้นติดตัว ทั้ง ๆ ที่ตนใช้เธอให้ออกไปซื้อของ และทำไมถึงกลับมาไวขนาดนั้น
"ไหนล่ะของที่ฉันสั่ง"
"ไม่มี ฉันลืมเอากระเป๋าตังค์ไป" คะนิ้งตอบเสียงเรียบนิ่งแม้หัวใจของเธอจะไหวสะท้านด้วยความรู้สึกปวดแปลบ ดวงตากลมเศร้าหมองที่ไม่สามารถปกปิดได้มองชายหนุ่มสลับกับแฟนสาวของเขา ก่อนจะเบนหลบมองไปจุดอื่น เพราะทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ไหว
ติณห์ที่กำลังกระหนุงกระหยิ่มกับแฟนสาวอยู่ถอนหายใจอย่างหนักอก คำพูดคำจาติดแข็งกระด้างจึงเอ่ย "ทำไมแกขี้ลืมแบบนี้ฮะ! รีบไปเอาแล้วไปซื้อให้ฉันสักทีเถอะ"
เขารีบร้อนอยากเข้ากิจกรรมกับคนรักจะแย่แล้ว ตัณหาที่บังหน้าบังตาทำให้ติณห์ไม่อาจยับยั้งอารมณ์โทสะของตนได้เมื่อไม่เป็นดั่งใจ
คะนิ้งกลับยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ฝ่ามือเรียวเล็กกำเข้าหากันแน่นเพื่ออดทนอดกลั้นอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดใส่หน้าคนทั้งสอง นินทาอะไรเธอไว้เธอรู้หมดแล้ว เลิกแสร้งทำหน้าตายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที
ริมฝีปากอวบเม้มแน่นนั้นค่อย ๆ เผยอขึ้นตอบโต้ "นายไปซื้อเองเถอะ ฉันไม่ว่างต้องรีบแต่งตัวไปทำงานต่อ"
"คะนิ้ง!" เสียงทุ้มแข็งกร้าวได้แต่เรียกตามหลังสาวเจ้า ทันทีที่กล่าวจบประโยคคะนิ้งก็รีบสาวเท้ากลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป ทิ้งให้ใครบางคนอารมณ์มาคุ แม้แต่แฟนสาวที่เขาคลั่งรักคลั่งหนาก็ยังถูกพาล
"พี่ติณห์คะ"
"พลอยอย่าเพิ่งพูดอะไรได้ไหม"
ทำเอาพลอยปภัสจำต้องเลิกเซ้าซี้เขา เดิมทีหล่อนมักจะเข้าไปออดอ้อนออเซาะ หากคราวนี้ต้องถอยออกมาอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์เพียงลำพัง ในใจหล่อนนึกโกรธเคืองตัวต้นเหตุไม่น้อย เป็นแค่เพื่อนแท้ ๆ กลับริอ่านเรียกความสนใจเกินเพื่อน อีกทั้งตั้งตัวงี่เง่าใส่แฟนหล่อน
ใครเขาก็ดูออกว่ารุ่นพี่สาวอยางคะนิ้งคิดไม่ซื่อกับติณห์
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ทางด้านติณห์จึงหันหน้ากลับไปคุยกับคนนั่งข้าง สีหน้าเขายังคงตึงเครียด คิ้วขมวดเป็นปมไม่ยอมคลาย "พลอย พี่ว่าวันนี้พลอยกลับไปก่อนได้ไหม"
"ทำไมละคะพี่ติณห์ พลอยตั้งใจจะมานอนค้างที่นี่นะคะ" วันนี้พลอยปภัสเตรียมตัวมาอย่างดี หล่อนไม่ได้มาตัวเปล่าเหมือนครั้งที่แล้วด้วย หญิงสาวยังหอบหิ้วกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ติดมาอีกหนึ่งใบ ซึ่งด้านในนั้นมีข้าวของเครื่องใช้ และชุดนอนเปลี่ยน แต่เขากลับออกปากไล่หล่อน
"พลอยอย่าเพิ่งถามอะไรมากกว่านี้ได้ไหม พี่บอกให้กลับก็กลับไปก่อนสิ" น้ำเสียงของติณห์ทำให้พลอยปภัสจับอารมณ์เขาได้ว่ายังมีความขุ่นเคืองเจืออยู่ไม่น้อย เพราะสาเหตุเกิดจากอะไรหล่อนทราบดี จึงไม่ควรตอแย หล่อนกลัวว่าเขาจะทิ้งหล่อน เหมือนกับที่เคยทำต่อคนอื่น
"ก็ได้ค่ะ" หล่อนรับปากจนติณห์เกือบเบาใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแฟนสาวมีข้อแม้ "แต่พี่ติณห์ต้องไปส่งพลอยที่บ้านนะคะ"
"พลอย! ชีวิตพี่มีเรื่องให้จัดการเยอะมากพอแล้วนะ อะไรที่ไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นพลอยควรทำนะ" แม้ถ้อยคำเขาคล้ายบอกเพราะหวังดี แต่พลอยปภัสไม่คิดเช่นนั้น ติณห์กำลังพูดอ้อม ๆ ว่าหล่อนเรียกร้องเกินไป ทั้ง ๆ ที่เขาเคยบริการไปรับไปส่งหล่อนที่บ้านทุกวันไม่เห็นบ่นสักคำ และคนเป็นแฟนกัน การไปรับไปส่ง ดูแลกันเอาใจกันเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่หรือไง
"พี่ติณห์จะให้พลอยนั่งรถกลับเองเหรอคะ"
"ใช่ พลอยกลับเองก่อนเถอะนะ"
"ค่ะ ถ้าพี่ติณห์ต้องการแบบนั้นก็ได้ค่ะ" แววตาที่หล่อนมองแฟนหนุ่มเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ตัดพ้อน้อยใจกับการกระทำหมางเมินของอีกฝ่าย
ติณห์รู้ว่าหล่อนงอน แต่ยามนี้เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ตัวเองได้ขนาดนั้น เกรงว่าถ้าหล่อนยังประชดประชันเขาต่อ อาจจะต้องเสียความรู้สึกเพราะเผลอพูดไม่คิดอาจทำร้ายจิตใจหล่อนก็ได้
"มันไม่ใช่เวลาจะมาประชดนะพลอย แต่วันนี้พี่อยากจัดการปัญหากับเพื่อน เลยไม่อยากให้พลอยต้องลำบากใจมาได้ยินอะไร..."
"ปัญหาอะไรคะ เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอคะ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพี่ติณห์ พลอยมีสิทธิ์รู้ไม่ใช่เหรอคะ" หล่อนประท้วงถาม ไม่เข้าใจมาก ๆ เขาทำตัวมีความลับคล้ายว่าปกปิดบางสิ่งอยู่ เหตุนี้ถึงทำให้หล่อนเริ่มไม่ไว้ใจติณห์ และคะนิ้งที่อ้างว่าเป็นแค่เพื่อนสนิท
"แต่มันไม่ใช่ทุกเรื่องไงพลอย ถ้าขืนยังไม่ยอมกลับ พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ พี่จะไม่คุยกับเราแล้วนะ!"
"พี่ติณห์! อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ"
พลอยปภัสยอมขนของกลับแต่โดยดี แม้อันที่จริงหล่อนอยากอยู่ต่อสักคืน เดิมทีหล่อนมั่นใจว่าตัวเองกำลังคุมเกมสามารถควบคุมเขาได้ ตอนนี้หล่อนรู้ซึ้งแล้วว่ากำลังเป็นฝ่ายตามเขาต่างหาก...หล่อนหมายปองติณห์ตั้งแต่แรกพบที่มหา'ลัยแล้วล่ะ
ติณห์พ่นลมหายใจผ่านรูจมูกอีกครั้ง ลุกขึ้นจากโซฟายืนเท้าสะเอว สายตาจ้องไปที่บานประตูห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งปิดเงียบมาสักพักใหญ่ เขาสืบเท้าตรงไปเปิดมัน พร้อมยัดตัวเองเข้าไปด้านใน กลับไปพบตัวเธอ ก่อนได้ยินเสียงสายน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นกระเบื้องบางบอกว่าอีกฝ่ายกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่
ติณห์พยายามระงับอารมณ์ฉุนเฉียว แล้วเดินไปนั่งรอที่ปลายเตียงนอนอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก คะนิ้งหยุดชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในห้องนอนเธอ มือเล็กกระชับกอดผ้าขนหนูตัวเดียวที่ปกปิดร่างกาย แววตากลมไหวระริกอย่างไม่ไว้ใจ
"นะ นายเข้ามาในห้องฉันทำไมติณห์"
"ยังต้องถามอีกเหรอ" สุ้มเสียงทุ้มตอบ
"แล้วมันเรื่องอะไรฉันจะรู้ด้วยไหม" เธอไม่มีเวลาทะเลาะด้วยหรอกนะ อีกไม่กี่ชั่วโมงจะต้องออกไปทำงานที่ร้านอาหารต่ออีกด้วย ความไม่ไว้วางใจครั้นติณห์ยังคงยืนเพ่งเล็งเธอไม่วางตา ทำให้เธอรีบเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดคลุมมาสวมใส่ปกปิดส่วนวับ ๆ แซม ๆ
"วันนี้แกทำตัวไม่ดี สั่งอะไรก็ไม่ได้ ทั้งที่แกเคยยอมทำตามที่ฉันสั่งตลอด มันเกิดอะไรขึ้นคะนิ้ง" ความเคยชิน คะนิ้งเคยยอมติณห์จนอีกฝ่ายมักจะเอารัดเอาเปรียบเธอ แต่พอมาวันหนึ่งเธอเริ่มต่อต้าน นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบใจ
"ไว้ค่อยคุยได้ไหม นายออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ ฉันขอเวลาแต่งตัวก่อน" เธอไม่สะดวกคุยตอนนี้
"แต่ฉันต้องการเคลียร์ให้มันรู้เรื่องตอนนี้"
"เอ๊ะ!" หญิงสาวขึ้นเสียงเมื่ออีกคนเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง "ออกไปก่อนเถอะนะติณห์ ไม่เห็นเหรอว่าฉันอยู่ในสภาพแบบไหน"
"เออก็เพราะเห็นไงเลยไม่ออก" ติณห์ไม่ชอบคนแข็งกระด้าง ทำตัวอวดดีใส่ แต่คะนิ้งก็ยังเลือกที่จะทำสะกิดต่อมอารมณ์เขา "จะอายทำไม จะทำอะไรก็ทำไปดิ ฉันก็จะพูดเรื่องที่อยากพูดไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลา"
"ไม่ได้ ฉันต้องการพื้นที่ส่วนตัว" เธอรีบคัดค้าน
"เรื่องมากซะจริง จะอะไรกันนักกันหนาทำทีเป็นหวงของหวงร่างกาย โธ่! เธอลืมไปแล้วเหรอคะนิ้งว่าฉันเห็นของเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้วไม่รู้กี่ครั้ง มีอะไรต้องให้อายที่จะต้องเสียหายอีกหรือไง!"
คนปากเสียส่ายหน้าเบื่อหน่าย