บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 ผลักไส

คะนิ้งกลับไปเอาชีทเรียนมาให้ติณห์ได้ทันเวลาก่อนเขาจะต้องเข้าสอบแต่ระหว่างการเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์มาถึงมหา'ลัยมีอุปสรรคหลัก ๆ เลยนั่นก็คือสายฝนที่โปรยปรายตลอดทาง อากาศอึมครึม ท้องฟ้ายามเช้าที่เคยสว่างมีแดดอ่อน ๆ ก็ค่อย ๆ ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆใหญ่จนมืดครึ้ม อาจเป็นเพราะเป็นช่วงพลัดเปลี่ยนฤดูเลยทำให้สภาพอากาศแปรปรวนไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้ คะนิ้งไม่ได้เตรียมร่มมาเสียด้วย และกว่าจะถึงที่หมายปลายทางชุดเสื้อผ้า และผมเพ้าบนตัวเธอก็เปียกชุ่มไปหมด มิหนำซ้ำยังเข้าเรียนคลาสแรกไม่ทันอีกด้วย

"แกเกือบมาช้าแล้วนะ ถ้ามาไม่ทันฉันจะสวดแกยับกว่านี้แน่!" ติณห์เดินออกมารอรับชีทเรียนจากหญิงสาวที่หน้าคณะบริหาร ทันทีที่เห็นร่างบอบบางเดินมาถึงจุดนัดพบ ปากหยักก็ขยับเอ่ยเอ็ดอึง เขารีบกลัวเตรียมตัวไม่ทันสอบ หากผลคะแนนสอบกลางภาคตกรอบล่ะก็มีหวังบิดา และมารดาตัดหางปล่อยวัดแหง ๆ ติณห์ต้องแบกรับความหวังของครอบครัวเพราะเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว เขาจึงจริงจังมากหากเอ่ยถึงการเรียน จนพาลต่อว่าเธอที่เกือบมาไม่ทันเวลา

"นายก็เห็นหนิว่าฝนมันตก ฉันรีบให้แล้วนะ" คะนิ้งยกแขนปาดหยาดน้ำตามพวงแก้ม สะบัดชายกระโปรงกลีบเล็กที่เปียกชุ่มชื้นให้แห้งหมาด ๆ ติณห์กลับไม่สนใจปัญหาของเธอ เขาจับจ้องมองชีทเรียนที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ต่างหาก

"อะไรของแกวะ ชีทมันเปื่อยหมดแล้ว แกนี่มันทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องชะมัดเลยว่ะ!" สภาพชีทกว่ายี่สิบหน้าเปื่อยจนแทบจะขาดจากกันอยู่รอมร่อ เพราะมันตากสายฝนมาพร้อมกับเธอ เขาโกรธจนลมออกหู ใบหน้าโกรธจัดจนแดงก่ำฉับพลัน 

คะนิ้งจึงพยายามอธิบาย เปิดชีทเรียนต่อหน้าเขา "มันยังอ่านได้อยู่นะติณห์ นายอ่าน ๆ ไปก่อนเถอะดีกว่าไม่มีให้อ่านนะ ใครมันจะไปรู้ว่าฝนจะตกว่าตัวเองต้องตากฝนจนชีลเปียกไปด้วย"

"เอาไปทิ้ง" เขาไม่รับชีทจากเธอ แถมยังสั่งเสียงห้วนแข็งจัดบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธที่อยู่ในระดับสูง "แกจะเปียกยังไงก็เปียกไป ฉันไม่สนอยู่แล้ว แต่ชีทเรียนของฉันควรอยู่ในสภาพเดิม!"

"มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วติณห์ อย่าเรื่องมากสิ เอาไปอ่านเถอะ"

"ฉันบอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอาไง แกพูดไม่รู้เรื่องหรือไง!" ติณห์ขึ้นเสียงใส่ ก่อนเดินตึงตังกลับเข้าตึกของคณะไป ปล่อยให้คะนิ้งยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกอยู่ที่เดิม เมื่อก่อนติณห์ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนจนถึงขั้นไร้เหตุผลขนาดนี้ และไม่เคยทำไม่ดีต่อเธอ แต่จู่ ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเพียงข้ามคืน หากเลือกได้เธอคงต้องการติณห์คนเดิมที่รับฟัง และเห็นใจคนอื่นกว่านี้

ท้ายที่สุดแล้วคะนิ้งก็เลือกที่จะกลับคอนโด เพราะสภาพเนื้อตัวเปียกปอนของเธอตอนนี้คงไม่พร้อมเรียน ทำให้เธอขาดเรียนไปอีกหนึ่งวัน เรียนปีหนึ่งยังขาดบ่อยขนาดนี้มีหวังจะจบพร้อมเพื่อนหรือเปล่าเนี่ย

เธออาบน้ำสระผมแล้วเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จสรรพ ก่อนจะหยิบกระปุกยาแก้ปวดลดไข้ขึ้นมา กรอกลงปากหนึ่งเม็ดแล้วดื่มน้ำเปล่าตาม เมื่อกินยาจนเรียบร้อยจึงเก็บทุกอย่างเข้าที่เดิม เดินไปนั่งทิ้งตัวลงบนโซฟา ในโสตขบคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยที่เก็บมาคิดจนรกสมอง แต่ทันใดนั้นดวงตากลมก็เบิกกว้างครั้นนึกบางสิ่งออก

"ให้ตายสิ! กินยาตอนนี้ยังทันไหมเนี่ย"

ร่างบอบบางดีดก้นจากโซฟาด้วยความตื่นตระหนก เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยาคุมฉุกเฉินแบบแผงมีสองเม็ดที่ติณห์เคยซื้อให้เธอกินป้องกันการตั้งครรภ์เอาไว้ยังไม่กินสักเม็ด อีกทั้งผ่านมาแล้วหลายวันถ้านับรงมกับวันนี้ก็น่าจะครบวันที่สี่แล้ว

ไม่ได้เด็ดขาด เธอจะพลาดเพราะความสะเพร่าของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้กินยาคุมกำเนิดตอนนี้ยังทันหรือเปล่า หากตามที่แพทย์แนะนำมันคงสายไปแล้วล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นกินไว้ก่อนดีกว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนั่นแหละ

"สวัสดีค่ะพี่คะนิ้ง" พอถึงเวลาเลิกคราสเรียนในช่วงบ่าย หลังบานประตูหน้าห้องเปิดออกเสียงใสของพลอยปภัสก็ดังขึ้นเอ่ยทักทายเธอ พร้อมรอยยิ้มอาบยาพิษที่ประดับบนใบหน้าใสซื่อนั้น คนที่กำลังจัดของในห้องให้เข้าที่เข้าทางก็เงยหน้าขึ้นมอง พยักหน้ารับเบา ๆ 

"จ้า"

"พี่ติณห์คะ อย่าลืมเรื่องที่พี่ติณห์รับปากไว้กับพลอยเชียวนะ" หล่อนหันไปกำชับแฟนหนุ่ม สองมือยังควงแขนแกร่งไม่ยอมปล่อยห่าง แสดงความเป็นเจ้าเข้าของประหนึ่งจงอางห่วงไข่

ติณห์เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อแฟนสาวเตือนอีกครั้ง เขาพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ราวกับคนไม่มีทางเลือก อีกคนก็แฟน ส่วนอีกคนก็เพื่อนสนิท 

"ครับ พี่ไม่ลืมหรอก เดี๋ยวพี่จะคุยกับเพื่อนพี่เอง"

"ดีค่ะ" พอได้รับคำตอบน่าพึงพอใจหล่อนจึงเขย่งเท้าเพื่อหอมแก้มเขาข้างหนึ่ง เพียงเท่านั้นก็สามารถทำให้หัวใจติณห์พองโตได้ไม่ยาก สมกับที่เขาตามจีบ รู้สึกว่าการได้ครอบครองพลอยปภัสเป็นอะไรที่แสนจะคุ้มค่า 

"มีอะไรเหรอ" จัดของเสร็จคะนิ้งเลยสืบเท้าตรงมาหาทั้งสองคน เธอถามอย่างงุนงง เพราะเมื่อครู่ได้ยินพวกเขา พูดคำว่าเพื่อนอะไรสักอย่าง และนั่นอาจจะหมายถึงเธออยู่ในบทสนทนาด้วย

"ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับแก"

"อืม ว่ามาสิ" มีอะไรที่เธอต้องเตรียมใจรับให้ไหวอีกอย่างนั้นหรือ คงไม่มีสิ่งใดเจ็บไปกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้กระมัง เธอคิดในแง่ดีไว้

"ไว้จะคุยทีหลัง แต่ตอนนี้ฉันวานให้แกไปซื้อของให้หน่อย"

"ใช้ฉันอีกแล้วนะ!" ไม่ถามเธอสักคำว่านั่งรถตากฝนตอนเช้าเป็นยังไงบ้าง เป็นห่วงกลัวเพื่อนคนนี้ล้มป่วยหรือเปล่า เอะอะเห็นหน้าก็เรียกใช้ เห็นเธอเป็นเพื่อนหรือนางทาสกันแน่ เธอชักไม่แน่ใจแล้ว

"แกมีความผิดอยู่นะอย่าลืมสิ ทำชีทเฉลยข้อสอบฉันเปื่อยแล้วหนึ่ง!" ติณห์ยังไม่หายโกรธ มือแกร่งยกขึ้นชี้หน้าคาดโทษหญิงสาวตรงหน้า 

"มันไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย"

"แต่ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบ"

คะนิ้งเออออไปตามน้ำเพื่อปัดปัญหา ขืนยังยืนเถียงกันต่ออยู่แบบนี้ ดีไม่ดีซาตานอาจเข้าสิงอีกก็ได้ "เอาเถอะ แกจะให้ฉันไปซื้ออะไรก็ว่ามา"

"ฝากซื้อถุง"

เธอถอนหายใจโล่งอก ที่แท้ก็แค่ถุงธรรมดา "นายจะซื้อถุงหิ้วมาทำอะไรอะ"

"ฉันบอกแกเหรอว่าถุงหิ้ว"

"แล้วถึงอะไร" คิ้วเธอถึงกับขมวดทบทวนคำพูดนั้นอีกครั้ง

"ถุงยางอนามัย" ติณห์บอกเสียงเรียบนิ่งติดเย็นชา ไม่เนียมอายเลยสักนิด แต่กลับเป็นคะนิ้งอึ้งทึ่งเสียเอง

"..." พูดมาได้ไม่อาย มันสมควรใช้เธอไปซื้อหรือไง และคงไม่ต้องเดายากว่าเขาจะเอามาใช้กับใคร

"พอดีฉันลืมซื้อเข้ามาด้วย ขี้เกียจออกไปอีกรอบ ยังไงฝากแกไปซื้อให้ด้วย"

"พี่ติณห์ใส่ไซส์ห้าสิบหกนะคะ" พลอยปภัสพูดเสริม มุมปากเหยียดยิ้มเยาะซ้ำเติมคนฟัง ผู้หญิงด้วยกันย่อมดูออกว่าคะนิ้งคิดไม่ซื่อกับแฟนหนุ่มของหล่อน

"รู้ด้วยเหรอ" ติณห์หยอกเย้ากลับ

"รู้สิคะพลอยสัมผัสมันบ่อยจนจำขนาดได้แล้ว"

คะนิ้งแทบอยากโก่งคออาเจียนเสียงตรงนั้นให้มันรู้แล้วรู้รอด พูดออกมาได้ยังไงต่อหน้าคนอื่น เรื่องกาม ๆ ควรเก็บไว้คุยกันสองคนมากกว่านะ หรือที่กล้าป่าวประกาศต่อหน้าเธอเป็นเพราะจงใจเล่นงานหัวใจเธอให้เจ็บช้ำกันแน่?

ทันใดที่คะนิ้งเดินออกไปพ้นประตูห้อง เขาแน่ใจว่าเธอคงไม่ได้ยินหรอก ชายหนุ่มจึงเอ่ยพูดกับแฟนสาว "ถ้าพี่ทำตามที่พลอยต้องการแล้ว พลอยจะให้รางวัลอะไรพี่ครับ"

พลอยปภัสหัวเราะร่า รอยยิ้มหวานแต่งแต้มเต็มพวงแก้ม เจ้าหล่อนเอียงศีรษะซบแผงอกแกร่ง คลอเคลียเบา ๆ อย่างออดอ้อนน่าเอ็นดูอย่างกับแมวน้อยของเขา "ทุกอย่างที่พี่ติณห์ต้องการเลยค่ะ แต่ต้องรอดูก่อนว่าพี่ติณห์จะเชิญเพื่อนสาวของพี่ออกไปอยู่ที่อื่นได้จริงตามที่พูดไหม"

"ได้อยู่แล้ว" เขายืนยัน แม้คราแรกยังเกรงใจไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ ต่อหน้าคะนิ้งว่าเขาเองก็อยากให้เธอย้ายออกไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่วันแรกที่เขาคบพลอยปภัสเป็นแฟน แต่ยังไม่มีโอกาศได้คุยเรื่องนี้จริง ๆ จัง ๆ จนกระทั่งวันก่อนคะนิ้งก็มีความคิดเดียวตรงกับเขา เธอต้องการจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เขาเลยไม่ยื้อเธอเอาไว้ ไม่ห้ามหรอก เพราะยังไงเขาก็ยังสามารถไปมาหาสู่เธอได้ตลอดไม่ว่าเธอจะอยู่ไหน ส่วนใดของประเทศ

"ถ้าคราวนี้พี่ติณห์ไม่กล้ายอมบอกให้เพื่อนพี่ไปอยู่ที่อื่นล่ะก็ พลอยจะงอนพี่ให้หนักเลย"

"พี่กล้าแล้วครับ เดี๋ยวคะนิ้งกลับมาจากซื้อของพี่จะสั่งให้มันเก็บเสื้อผ้าเตรียมหาห้องใหม่อยู่เลย"

และบทสนทนาของทั้งสองคนก็เสียงดังพอที่จะเล็ดลอดพ้นกรอบประตูหน้าห้องออกไปให้คนที่เดินวนกลับมาเพราะลืมหยิบเงินสดติดมือมาด้วยได้ยินเข้าเต็ม ๆ สองหู หัวใจรู้สึกปวดหนึบจนต้องยกฝ่ามืออุ่นขึ้นมากุมบริเวณหน้าอก 

แท้จริงแล้วติณห์ไม่ได้ต้องการให้เธออยู่ตั้งแต่แรก

เขาอยากผลักไสเธอออกไปให้พ้นจากชีวิตเขาแทบแย่

แล้วเธอต้องทนอยู่ ยอมให้เขารังแกไปอีกทำไม...อยากให้ไปเธอก็จะไป!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel