ตอนที่ 7: กลิ่นกุหลาบในสายฝน
วันพุธ, 15:30 น.
บนรถยนต์ของมีนา
สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ที่ปัดน้ำฝนหน้ารถของมีนาทำงานอย่างหนัก ปัดเป่าม่านน้ำที่บดบังทัศนวิสัยออกไปเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสียงของมันดังประสานไปกับเสียงฝนที่กระทบหลังคารถและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ จากวิทยุ แต่สำหรับคนสองคนที่นั่งอยู่ในรถ บรรยากาศกลับเงียบสงัดราวกับอยู่ในสุญญากาศ
มีนาเหลือบมองเพื่อนรักที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ เป็นครั้งที่สิบ ตะวันยังคงนิ่งไม่ไหวติงตั้งแต่ที่พวกเธอเดินออกมาจากคอนโดของนนท์ เสื้อผ้าของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน แต่เธอก็ดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความหนาวเย็นนั้นเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปเบื้องหน้า มองทะลุผ่านม่านฝนไปยังถนนที่ว่างเปล่า แววตาคู่นั้น... ว่างเปล่าจนน่ากลัว
มีนาไม่รู้จะพูดอะไรดี คำปลอบใจแบบไหนที่จะสามารถเยียวยาบาดแผลที่สาหัสขนาดนี้ได้? เธอจึงทำได้แค่ขับรถต่อไปเงียบๆ ตั้งใจว่าจะพาเพื่อนรักกลับไปพักผ่อนที่คอนโดของเธอให้เร็วที่สุด
แต่แล้ว ตะวันก็เป็นฝ่ายขยับตัวก่อน เธอยกมือขึ้นมาปาดหยดน้ำฝนออกจากใบหน้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหันมามองมีนา
"มีนา..." เธอพูดขึ้นเป็นครั้งแรก เสียงของเธอไม่สั่น ไม่สะอื้น แต่มันกลับราบเรียบจนผิดปกติ "...ขอบใจนะ"
"ตะวัน..." มีนาพูดอะไรไม่ออก
"เราไม่เป็นไรแล้ว" ตะวันพูดต่อ "เราแค่... ต้องกลับไปตั้งหลัก"
คำพูดของเธอดูมีสติและเข้มแข็งเกินกว่าคนที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา ซึ่งนั่นกลับทำให้มีนายิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
เมื่อรถมาถึงคอนโดของตะวัน มีนาก็รีบจอดและประคองเพื่อนลงจากรถ ตลอดทางขึ้นลิฟต์และเดินไปยังหน้าห้อง ตะวันยังคงเงียบขรึมและเคลื่อนไหวเหมือนคนไร้ความรู้สึก
"คืนนี้เราจะอยู่เป็นเพื่อนเธอนะ" มีนาบอกขณะที่ไขกุญแจเข้าไปในห้อง
"ไม่ต้องหรอก" ตะวันตอบ "เราอยากอยู่คนเดียว... ได้โปรดนะมีนา เราอยากพักผ่อน"
มีนามองเข้าไปในดวงตาของเพื่อน มันเป็นดวงตาที่เธอไม่คุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากจะขัดใจตะวันในตอนนี้ "ก็ได้... แต่เธอต้องสัญญากับเราก่อนนะว่าจะไม่คิดสั้น สัญญาได้ไหม"
ตะวันพยักหน้าช้าๆ "สัญญา... เราไม่ทำอะไรโง่ๆ หรอก"
มีนาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมถอยออกมา "โอเค... งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อยาแก้ปวดหัวกับของกินร้อนๆ มาให้ที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่างนะ เธอรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลย เดี๋ยวจะไม่สบาย"
ตะวันพยักหน้ารับอีกครั้ง มีนาจึงเดินจากไปพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในใจ
19:00 น.
คอนโดของตะวัน
ประตูห้องปิดลง ทิ้งให้ตะวันอยู่ตามลำพังกับความเงียบอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้... มันไม่ใช่ความเงียบที่ว่างเปล่าอีกต่อไป
เธอไม่ได้ทรุดตัวลงร้องไห้ เธอไม่ได้นั่งนิ่งด้วยความสิ้นหวัง แต่เธอกลับเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออกแล้วเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำอุ่นชะล้างร่างกาย เธออาบน้ำอย่างมีสติ สระผม และแปรงฟัน เหมือนเป็นวันปกติธรรมดาวันหนึ่ง
หลังจากสวมชุดอยู่บ้านที่เป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขายาวสีเทาเรียบๆ เธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ความรู้สึกหนาวเหน็บจากความเสียใจได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ถูกแทนที่ด้วยบางสิ่งที่ชัดเจนและมีพลังมากกว่า... ความมุ่งมั่น
เธอเดินไปที่โต๊ะทำงานเล็กๆ ของเธอแล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมา
แสงสว่างจากหน้าจอสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ นิ้วมือที่เคยสั่นเทา บัดนี้กลับพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ดอย่างมั่นคงและรวดเร็ว
หน้าแรกที่เธอเปิดคือ Google
คำค้นหาแรก: "กชกร จิระสกุล"
เธอไล่ดูผลการค้นหาทั้งหมดอย่างเป็นระบบ
เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ลิงก์อิน... เธอเปิดทุกอย่างขึ้นมาในแท็บใหม่ เธอพบข้อมูลเรื่องประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน สถานะความสัมพันธ์ที่ขึ้นว่า "โสด" และรูปภาพมากมายที่แสดงให้เห็นไลฟ์สไตล์ของพี่ก้อย
เธอพบว่าพี่ก้อยชอบไปทานอาหารร้านหรูคนเดียวในคืนวันศุกร์ ชอบไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ๆ คอนโดของเจ้าตัวในตอนเช้าวันเสาร์ และที่สำคัญ... เธอเลี้ยงแมวเปอร์เซียสีขาวอยู่หนึ่งตัวที่ดูเหมือนเธอจะรักมันมาก
ตะวันคัดลอกข้อมูลทั้งหมดลงในไฟล์เอกสารใหม่ที่เธอสร้างขึ้น ตั้งชื่อไฟล์ง่ายๆ ว่า "เป้าหมาย"
เป้าหมายคนต่อไป: "ณัฐวุฒิ พงษ์ไพศาล"
ข้อมูลของนัทหาง่ายกว่ามาก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่เล่นโซเชียลมีเดียแทบทุกอย่าง เธอพบว่าเขาชอบเล่นเกมออนไลน์จนดึกดื่น ชอบสั่งอาหารเดลิเวอรี่จากร้านเดิมๆ และกำลังคบหาอยู่กับแฟนสาวที่ทำงานอยู่คนละบริษัท
เป้าหมายคนสุดท้าย: "นนทวัฒน์ อัครเดโช"
หัวใจของเธอไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้วเมื่อพิมพ์ชื่อนี้ลงไป มันมีแต่ความรู้สึกว่างเปล่าที่เย็นชา เธอพบข้อมูลที่น่าสนใจว่านนท์กำลังพยายามจะลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเล็กๆ แห่งหนึ่ง และผู้หญิงผม
บลอนด์คนนั้นก็คือหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทนั้น
ทุกอย่างชัดเจนแล้ว
ตะวันใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และจัดเรียงมันอย่างเป็นระบบ ในหัวของเธอไม่ได้มีความโศกเศร้าหลงเหลืออยู่ มันมีแต่การคำนวณความเป็นไปได้ การมองหาจุดอ่อน และการวางแผน...
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ตะวันรีบปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงแล้วลุกไปเปิดประตู
มีนายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับถุงยาและโจ๊กที่ยังร้อนอยู่
"เราซื้อยามาให้" มีนาพูดพลางยื่นถุงให้ "แล้วก็... กินโจ๊กหน่อยนะ รองท้อง"
"ขอบใจมากนะมีนา" ตะวันรับของมาด้วยรอยยิ้มจางๆ "เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดีเลย กำลังหิวอยู่เหมือนกัน"
มีนามองหน้าเพื่อนที่ดู "ปกติ" ขึ้นอย่างประหลาดใจ "เธอ... ดูดีขึ้นนะ"
"อือ... เราคิดว่าการร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ" ตะวันตอบ "ต้องลุกขึ้นสู้ต่อ"
คำพูดนั้นทำให้มีนาใจชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอดีใจที่เพื่อนรักของเธอกลับมาเข้มแข็งได้เร็วขนาดนี้ "ดีแล้ว! คิดแบบนั้นแหละถูกแล้วตะวัน!"
หลังจากพูดคุยกันอีกพักใหญ่ มีนาก็ขอตัวกลับบ้านไปพร้อมกับความรู้สึกที่เบาใจลงมาก
เมื่อตะวันอยู่คนเดียวอีกครั้ง เธอก็นำโจ๊กที่ได้มาไปทิ้งลงในถังขยะ เธอไม่ได้หิวเลยแม้แต่น้อย
เธอเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองดูข้อมูลของ "เป้าหมาย" ทั้งสามคนที่เธอรวบรวมไว้
แผนการขั้นแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ต่อไปคือการลงมือ
ร่างกายของเธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า... ไม่ใช่ความเหนื่อยจากการร้องไห้ แต่เป็นความเหนื่อยที่เกิดจากการใช้ความคิดอย่างหนักมาตลอดหลายชั่วโมง เธอรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนแล้ว
ตะวันปิดคอมพิวเตอร์ เดินไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิท แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
เธอไม่ได้สวดภาวนา
เธอหลับตาลง... แต่ไม่ใช่เพื่อการพักผ่อน... แต่เพื่อ "ปลดปล่อย"
ลมหายใจของเธอค่อยๆ ยาวและสม่ำเสมอขึ้น ร่างกายที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งสนิท...
และในความมืดข้างเตียงนอนนั้นเอง อากาศเริ่มบิดตัวเป็นระลอกคลื่นจางๆ เหมือนไอร้อนที่ลอยขึ้นจากพื้นถนนในตอนกลางวัน มันค่อยๆ รวมตัวกันหนาแน่นขึ้น ก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์... รูปร่างที่เหมือนกับตะวันที่นอนหลับอยู่ทุกประการ
ร่างนั้นค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนสมบูรณ์...
รัตติกาล
เจตภูติในร่างของตะวันลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าและไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เธอหันมองร่างต้นของตัวเองที่นอนหลับอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมา
กลิ่นกุหลาบที่หอมหวลแต่เย็นยะเยือกเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอย่างเงียบเชียบ
รัตติกาลก้าวเดินออกจากห้องนอนโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เธอไม่ได้เดินไปที่ประตูหน้าห้อง... แต่กลับเดินตรงไปยังระเบียงที่ปิดล็อกอยู่
เธอไม่ได้เปิดมัน...
แต่ค่อยๆ เดินทะลุผ่านประตูกระจกนั้นออกไป... ร่างของเธอเลือนลางไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาชัดเจนอีกครั้งบนพื้นระเบียงด้านนอก
เธอยืนอยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร มองลงไปยังแสงไฟของเมืองที่ส่องสว่างอยู่เบื้องล่าง แววตาของเธอมุ่งมั่นไปยังทิศทางเดียว...
ทิศทางที่เป็นที่อยู่ของเป้าหมายคนแรก
การพิพากษา... ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว