บทที่ 4 อะไรเอ่ย..ไม่เข้าพวก
“จะไปไหนหนู?” จะไปไหนหนู ถ้าเป็นเวลาอื่นคงภูมิใจอยู่หรอกที่มีคนมาทัก ว่าเธอหน้าเด็ก อายุยังไม่ถึงสิบแปดขวบดี แต่ตอนนี้เธออยากนั่งพักและขอกินน้ำเย็น ๆ สักอึกใหญ่ ๆ เพื่อดับความกระหาย แต่การ์ดร่างยักษ์สองคน ยังขวางทางอยู่อีก!
“ดูบัตรประชาชนไหม ฉันอายุจะเข้าสามสิบแล้วนะ ถอยไปได้แล้วฉันจะเข้า!” จริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่คนขี้โมโหนะ แต่ตอนนี้มันเหนื่อย เลยเผลอตวาดออกไปเสียดังลั่น แถมยังโกหกคำโตว่าอายุจะสามสิบแล้วด้วย ไม่สนคนที่เดินเข้า-ออกบริเวณทางเข้าเลยสักนิด
“แต่งตัวไม่ให้เกียรติสถานที่เลยนะแม่คุณ เสื้อเชิ๊ต กับกางเกงยีน น่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้รองเท้าผ้าใบ กับกระเป๋าเป้ใบเขื่องของเจ๊น่ะ มันดูตลก ใครเขาจะคิดว่ามาวางระเบิด หรือมาปล้นซะล่ะมากกว่า ไปเดินสวนลุมเลยไป๊ ช่างไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย นี่จะบอกอะไรให้เอาบุญนะเจ๊ ที่แบบนี้เขาต้องโน่น กระโปรงสั้นเสมอหู เสื้อเกาะอก หรือไม่ก็สายเดี่ยว รองเท้ารึก็ต้องสูงแหลมสวยโชว์น่องขาว ๆ เนียน ๆ โน่น อย่างเจ๊เนี่ยยังกะจะมาปล้น เอ..หรือว่าแอบเอาระเบิดซุกซ่อนมาจริง ๆ วะ ไหนขอค้นหน่อยซิ” น้ำเสียงข่มขู่ แกมเหยียดหยันหลุดออกมาจากปากมอม ๆ หนวดเฟิ้มของการ์ดร่างสูงทะมึนตรงหน้าเล่นเอาธารใสโมโหปรี๊ดขึ้นมาทันที พลางเบี่ยงตัวหลบมือหนา ที่ดูว่าท่าจะหยาบกร้าน น่าขยะแขยง มันยื่นมือหมายจะคว้าตัวเธอเพื่อค้นของในกระเป๋าเธอจริง ๆ ร่างเล็กคว้าหมับเข้าที่สายสะพายเป้แน่น ส่ายหน้าดิก ขาซ้ายก้าวถอยหลังเพื่อเตรียมตั้งท่า หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้วิ่งหนีทัน!
“เฮ๊ย! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ! แล้วการแต่งตัวของฉันมันผิดมนุษย์มนาตรงไหน นี่สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน แถมเป็นผับเถื่อน ๆ เท่านั้นแหละ นี่ถ้าฉันไม่นัดเพื่อนไว้จ้างให้ฉันก็ไม่มายืนเสวนากับพวกนายให้มากความหรอกนะจะบอกให้” ธารใสวีนแตกออกไปอย่างลืมตัว ก็มันเหลืออดจริง ๆ นี่นา พูดออกมาได้ว่า เธอแต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่ เฮอะ! อยากจะร้องออกมาเป็นภาษาต่างดาวเสียจริง ๆ เลย สาวร่างเล็กยืนเท้าสะเอว เชิดใบหน้าที่มันย่องขึ้นประจันกับสองการ์ดตัวใหญ่ยักษ์อย่างไม่กลัวเกรง ก่อนจะมีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาประหนึ่งว่า จะช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาตรงหน้า
“เอ่อ..ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง ถ้าคุณอยากเข้าไปสนุกข้างในจริง ๆ พอจะมีทางออกนะครับ ฝั่งตรงข้ามมีที่รับฝากของ และให้เช่ารองเท้าอยู่ ถ้ายังไง เชิญคุณจัดการทางโน้นก่อนได้นะครับ ทางเรายินดีต้อนรับลูกค้าอยู่แล้ว ถ้าทำตามกฎ” บุรุษที่สาม ก้าวออกมาจากมุมมืดข้างในผับ น้ำเสียงนอบน้อมนั่นน่าฟังกว่าไอ้ถึกสองตัวนี่เป็นไหน ๆ
“ว่าไงเจ๊ จะเอาแบบไหนบอกมา ถ้าไม่ทำตาม ก็สมควรถอยกลับออกไปดี ๆ ดีกว่า ก่อนที่ผู้จัดการใหญ่จะมาลากตัว แล้วไล่เจ๊ออกจากหน้าร้าน รบกวนลูกค้าคน อื่นเขา”
“ไม่ มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย แล้วฉันก็จะเข้าทั้งแบบนี้ ใครจะทำไม นี่เอาบัตรประชาชนไปดูซะให้เต็มตา คำนวณวัน เดือน ปีเกิด ดี ๆ นะบวกลบ เลขถูกหรือเปล่า ตอนนี้ ฉันอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ วันนี้ ไม่สิ..มันจะครบตอนเที่ยงคืน รู้เอาไว้ซะ อ๊ะ!!” ยังพูดไม่ทันขาดคำดี ธารใสรู้สึกว่าตัวเธอลอยได้ และเริ่มถอยหลังห่างมาจากหน้าร้าน แล้วมาหล่นตุ้บอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผับดังกล่าว เธอรู้สึกมึนงงเล็กน้อยจากแรงกระแทกโดนกำแพงหนาด้านหลัง ธารใสรู้สึกเจ็บจุก และแค้นเคืองกับการกระทำอันป่าเถื่อนของการ์ดร่างยักษ์พวกนั้น พยายามระงับอารมณ์ที่เดือดปุด ๆ แทบทะลุปรอทให้ตัวเองใช้สติ แก้ปัญหาเหมือนที่เคยผ่านมา หายใจเข้า พุทธ หายใจออกโธ (โทร) ตู๊ด..ตู๊ด.. ปิ๊ง!! มาแล้ว ตัวช่วยของเธอ ธารใสควานหาโทรศัพท์ แล้วรีบกดรับทันที พลางกรอกเสียงลงไปอย่างร้อนรน
“เจ๊ ช่วยด้วย เขาไม่ให้หนูเข้าไป” เงียบ..
“เจ๊..เจ๊ พี่จ๊อด ก้อง ได้ยินฉันไหม ฮัลโหล ๆ” ธารใสแปลกใจในบัดดล ที่ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย ทั้งที่ในมือถือยังมีสัญญาณการต่อสายอยู่ ก่อนจะเพ่งมองโทรศัพท์เจ้าปัญหานั่นอีกครั้ง และก็อีกครั้ง ใกล้เสียจนหน้ามันย่องของเธอแทบจะฝังเข้าไปในหน้าจอเครื่องมือสื่อสารนั่นเต็มทีแล้ว “What? ..Who are you? Ethan..hello why is the female voice”
ธารใสงงเป็นไก่ตาแตก เพิ่งรับรู้เดี๋ยวนั้นเองว่าโทรศัพท์นี่ไม่ใช่ของเธอ เพราะเธอไม่มีเพื่อน หรือคนรู้จักเป็นชาวต่างชาติเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย และก่อนที่จะได้ทำสิ่งใด กับเหตุกาณ์นี้ต่อ ก็ให้รู้สึกว่าใต้ร่างของเธอ ไม่สิ..ใต้ก้นเธอต่างหาก มันมีอะไรขยับยุกยิก อ๊าย!! ไม่นะ อย่าบอกว่าเธอนั่งทับหมาแถวนี้อยู่ ไม่ ๆ ฉันกลัวหมาที่สุดในโลก ช่วยด้วย!! ฉับพลันทันใด ก่อนที่เสียงกรีดร้องของเธอจะเล็ดลอดออกมา ธารใสรู้สึกได้ว่า มีมือหนาใหญ่ประกบหมับเข้าที่ปากและจมูกของเธอแทบหายใจหายคอไม่ออก แถมยังถูกร่างใหญ่กำยำพลิกตัว คล่อมร่างเล็กจ้อยของเธอ ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะพยุงตัวลุกขึ้นหิ้วร่างเล็กกระจิ๋วหลิวของเธอ เข้าไปในซอกหลืบมืดทึบข้างถนน ฝั่งตรงข้ามกับผับที่เธอและเพื่อนนัดกันไว้ ตามติดด้วยร่างสูงใหญ่นั่น ใช้ลำตัวแข็งแกร่งบังคับกลายๆ ให้ร่างยืนแนบกับเธอจนติดกับกำแพงหินหยาบด้านหลัง ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเบิกโพลง ธารใสตื่นกลัวสุดขีด หัวสมองคิดคำนวณว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี สายตาของเธอเหลือบขึ้นไปมองไอ้โจรร่างยักษ์ให้เต็มตา หากแสงไฟที่ส่องมากระทบกับร่างของมัน ทำให้เธอมองเห็นไม่ถนัดนัก และจากจุดที่อยู่เป็นมุมอับ หากไม่เพ่งมองดี ๆ แล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่ใครจะสามารถมองเข้ามาเห็นได้โดยง่าย
จบกันชีวิตสาว โสด บริสุทธิ์ของนางสาว ธารใส ศิลปการกรสกุล เธอจะตายก่อนวัยเบญจเพสจริง ๆ น่ะหรือ เหลือเวลา อีกตั้งเป็นชั่วโมงนะกว่าจะครบกำหนด จริง ๆ เพราะเธอเกิดตอนเที่ยงคืนพอดี ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตาย พ่อ แม่ พี่น้อง ก็ยังไม่ได้บอกลาเลย กะเอาไว้ว่าจะไปหาท่านช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีนี้ ฮือ ๆ น้ำตาเม็ดโต ค่อย ๆ ร่วงเผาะออกมาโดยไม่รู้ตัว ความกลัวสุดขีดของคนอาจถึงขั้นเป็นลมหมดสติได้ ถ้าหากเป็นคนทั่วไป
แต่เธอ ธารใส คือสายน้ำใสที่ไหลลื่น เธอต้องเอาตัวรอดได้แน่!! คิดสิ คิดว่าจะทำยังไง ทันใดนั้นหูของเธอได้ยินฝีเท้าของคนหลายคน วิ่งผ่านมาทางนี้ ไม่น่าจะต่ำกว่า สามถึงสี่คน และได้ยินพวกนั้นพูด “นั่น.. ฉันเห็นไปทางนั้น อ้าว! หายไปแล้ว..โธ่เว้ย อดได้ข่าวเลย บ้าชิบ! แยกย้ายกันตามหาต่อ ไปเร็ว!” อย่า! อย่าเพิ่งไป ช่วยฉันด้วย! รอก่อน ธารใส ร้องออกมาในใจ พยายามดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดพ้นจากอุ้งมือหนา แต่ไอ้โจรบ้านี่ ไม่ได้รัดร่างเธอแน่นในตอนแรก