บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 แฮ้ปปี้ เบริ์ดเดย์ทู้ยู

บริษัท อาร์ตแอนเวริ์คชอปไทย เจ้าของคือคุณพุทธชาด รอดรักษา เปิดบริการรับออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ทั้งประเภทปกหนังสือเรียน นิตยสาร วารสาร ตลอดจนจัดวางองค์ประกอบของแต่ละหน้าในหนังสือ นามบัตรหรูๆ โปสเตอร์สวยๆ ทั้งแบบติดนอกสถานที่ สื่อโฆษณาในร่มและกลางแจ้ง หรือโปสเตอร์สำหรับโฆษณาในหนังสือขนาดเล็กเท่าไม้ขีดไฟไล่ไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าฝาบ้าน โบรชัวร์ แคตตาล๊อคสินค้า โลโก้สินค้า บริษัทหรือองค์กรที่ไม่เหมือนใคร หรือแม้กระทั่งออกแบบลายสกรีนบนเสื้อสุดเท่สำหรับงานทุกประเภท

จะว่าไปแล้ว พนักงานในบริษัท (ยักษ์ใหญ่) ที่เจ๊แกอ้างไปก่อนหน้า แค่พูดอำเล่นเท่านั้น พี่พุด หรือพุทธชาด เป็นชาวสุราษฎ์ธานี พ่อแม่เป็นเจ้าของฟาร์มไก่ไข่ หลังจากที่จบมาได้เพียงครึ่งปี พี่แกไม่อยากรบกวนทางบ้าน จึงเก็บเงินที่ฝ่ายนั้นส่งเสียช่วงเรียน บวกกับเงินเก็บจากการรับจ๊อบเขียนภาพ และออกแบบโฆษณา ให้กับบริษัทใหญ่ ๆ พี่พุดเป็นผู้บุกเบิกเปิดบริษัทมาพร้อม ๆ กับ พี่จ๊อด สมัยที่หล่อนยังเรียนไม่จบดี ด้วยความที่เงินทุนอันน้อยนิด จึงสามารถจ้างพนักงานได้ไม่เกิน 4-5 คน รวมแม่บ้าน ที่เจ๊ใหญ่จ้างรายวัน บางครั้งก็ให้หยุดเสาร์อาทิตย์ไปเลย

บริษัท อาร์ตแอนเวริ์คชอปไทย เช่าอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 คูหา ชั้นล่างเป็นห้องโถงกว้าง จัดไว้เพื่อรองรับลูกค้าไว้ซ้ายมือ ซึ่งนั่นก็คือห้องทำงานของเจ้าของบริษัทมีกระจกแบ่งกั้น เป็นการส่วนตัว ส่วนมุมขวา มีโต๊ะทำงานเก่า ๆ สามตัว มีคอมพิวเตอร์พีซี รุ่นพระเจ้าเหา วางตั้งไว้แต่ยังใช้งานได้ดีเยี่ยม ลึกเข้าไปด้านในสุด เป็นห้องครัวและห้องพักเบรค รวมห้องน้ำเรียบร้อย ส่วนชั้นสองเป็นที่ซ่องสุม เอ๊ย.. เป็นที่เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เผลอ ๆ เป็นที่ซุกหัวนอน เผื่อบางวันต้องเร่งส่งงานกันหามรุ่งหามค่ำ

ดังนั้นบนชั้นสอง จึงถูกแบ่งกั้นเป็นห้องพักชั่วคราว มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำเสร็จสรรพ มุมห้องมีเตียงนอนขนาดห้าฟุต หมอนเน่าสามสี่ใบ ที่นอนที่ถูกใช้งานมาจนโชกโชน แต่ที่ใหม่อยู่เสมอคือ ผ้าปูที่นอน และปลอกหมอน ซึ่งคนที่คอยเปลี่ยนอยู่ทุก ๆ สองวัน ไม่ใช่แม่บ้าน หากเป็น หนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อตี๋ ขาวสะอาด ราวกับคุณหนูอย่างก้องหล้า จนบางครั้ง เธอเองยังมีความกังขาในพฤติกรรมของเขา แทบอยากจะสะกดรอยตามไปให้ถึงบ้าน แต่ก็ไม่เคยตามทันเลยสักครั้ง ในกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกัน ก้องหล้านับว่าป๊อปมากในสมัยเรียน ด้วยบุคลิกที่สูงสง่า ขาว ตี๋ แต่เป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร ติดจะขรึมเล็กน้อย เลยไม่มีสาวใดกล้าเข้าใกล้ ก้องหล้ามาสนิทกับเธอในช่วงปีสุดท้ายก่อนจบ และขอมาทำงานกับเธอ เมื่อทราบว่า พี่จ๊อดชักชวนให้มาทำงานด้วย

ในช่วงแรกที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ พี่พุด กะจะเคลมก้องหล้า เมื่อครั้งหนึ่งไปเลี้ยงฉลองเสร็จงานโปรเจคใหญ่สำหรับเรา แต่คงเล็กสำหรับบริษัทใหญ่ ๆ พี่พุดเมาได้ที่ กำลังจะทำรุ่มร่าม ปล้ำจูบก้องหล้า เลยโดนหมัดสวนกลับเข้าที่ปลายคาง แล้วเตะซ้ำเข้าที่กลางลำตัว พี่พุดที่ว่าตัวสูงใหญ่ ค่อนข้างหนา ยังล้มทั้งยืน ต้องหามส่งโรงพยาบาลกันอย่างทุลักทุเล แถมได้นอนหยอดข้าวต้มไป สามวันสามคืน กว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ หลังจากนั้น พี่พุดสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่ยุ่งกับก้องหล้าอีกจนวันตาย แถมก้องหล้ายังไม่เกรงกลัวยังตอกกลับไปด้วยว่า ถ้าขืนพี่ยุ่งกับผมอีกก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

หน้าที่ของแต่ละคนในบริษัทแทบแยกไม่ออก เลยว่าใครทำหน้าที่อะไร แต่ที่แน่ ๆ หากมีโปรเจคใหญ่ ๆ เข้ามา ทุกคนสามารถทำงานแทนกันได้หมดตั้งแต่ กราฟฟิคดีไซน์ จัดทำเวริ์คอาร์ต ตัดต่อวิดีโอ แมสเซนเจอร์ ตลอดจนแม่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่พี่พุดที่เป็นเจ้าของ ยังต้องทำหน้าที่ การตลาด ประชาสัมพันธ์ และเป็นธุรการ ไปหาซื้อ อุปกรณ์ในงานเขียนด้วยซ้ำ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่จ๊อด เจ๊ เอ๊ย! พี่พุดแก หวงของน่ะค่ะ” ปากพูดไป แต่ตาเจ้ากรรม กลับเหลือบลงไปมองภาพบาดตา ที่ยังโชว์หราอยู่หน้าจอโน๊ตบุ้คที่เธออุตส่าห์แบกมาจากบ้าน เพื่อใช้งานควบคู่กับ พีซีรุ่นเก่าบนโต๊ะตัวเอง

“อ๊าย! เกือบลืมแน่ะ พี่จ๊อด เจ๊เขาให้หนูลบภาพว่าที่ เอ๊ย! ภาพในคอมฯนี่ออก เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าแกมาเห็น เอาธารตายแน่”

“หืมมม เฮ๊ย ๆ อย่าเพิ่งลบ ขอดูหน่อยซิ โห ผู้ชายเฮียไรวะ แม่....ซิกแพคโคตรเฟิร์มเลยว่ะ มันไว้หนวดไว้เครายังไงของมันวะ สวยเชียว กูไว้ทีไร ทำไมเหมือนโจรเลยวะ” พี่จ๊อดสบถออกมาอย่างหยาบคาย ตามประสาหนุ่มอารมณ์ศิลป์ซึ่งเธอเองก็ชินเสียแล้ว

“เฮ๊ย เบา ๆ สิพี่จ๊อดพูดดังไปทำไม เดี๋ยวพี่พุดก็รู้หรอกว่าธารยังไม่ลบรูปน่ะ”

“เธอชอบแบบนี้เหรอธาร” เสียงทุ้มต่ำแทรก เข้ามาระหว่างบทสนทนาของเธอกับพี่จ๊อด ใบหน้าของก้องหล้า อยู่ใกล้ธารใสแค่สองเซ็นต์เท่านั้น ก่อนจะหันมาจ้องหน้าเธอ แวบหนึ่งหญิงสาวสังเกตเห็นแววตาคล้ายตำหนิ หรือไม่พอใจอะไรบางอย่างจากนัยน์ตาคู่นั้น ก่อนที่ร่างของก้องหล้า จะยืดตัวเต็มความสูง จากการก้มลงมาดูภาพยั่วกิเลสตัณหา ชะนี เก้งกวางทั้งหลาย ก้าวถอยหลังกลับลงไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองแบบกระแทกกระทั้น และหันหน้าเข้าหาจอคอมฯโดยไม่สนใจอะไรตามปกติวิสัยของเขาตามเคย อยากจะบ้า วันนี้เป็นวันอะไรของเธอเนี่ย เจอแต่คนหงุดหงิดใส่ เซ็งชีวิตจริงเลย

“แฮ้ปปี้ เบริ์ดเดย์ทู้ยู.. แฮ้ปปี้ เบริ์ดเดย์ทู้ยู ..แฮ้ปปี้ เบริ์ดเดย์.. แฮ้ปปี้ เบริ์ดเดย์ แฮ้ป..ปี้.. เบริ์ด..เดย์..ทู้..ยู เย้!!สุขสันต์วันเกิดนะไอ้เต็กลัว (ไอ้ตัวเล็ก) มาๆ เป่าเทียนเลยดีกว่า” ให้มันได้แบบนี้ทุกทีสิน่า พี่พุดเมาแล้วรั่ว หมดมาดหัวหน้างานกันพอดี ก็รู้อยู่หรอกว่าวันนี้นัดกันไว้แล้ว ว่าจะมากินเลี้ยงฉลองครบรอบวัยเบญจเพสของเธอ แต่..เธอไม่สนุกด้วยเลยสักนิด ไม่ได้อยู่ในอารมณ์สุนทรีย์เสียแล้ว ตอนนี้มันมีแต่เดือด กับเดือดเท่านั้น! เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่เธอจะสามารถเข้ามาในนี้ได้นั้น มันทำให้เธอหัวเสียสุด ๆ เรียกว่าที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่เช้าของวันเลยก็แล้วกัน วันนี้เป็นวันนัดส่งงานให้ลูกค้าผู้มากเรื่องรายเดิม กว่าจะแก้งาน แถมต้องออกไปส่งงานด้วยตัวเองเพราะลูกค้าต้องการตรวจรับงานตัวต่อตัว ไหนจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคทั้งรถรา ที่ติดยาวเหยียด

กว่าจะหอบสังขารกลับมาถึงที่นัดหมายก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ใจจริงเธออยากจะบอกยกเลิกนัดกินเลี้ยงไปเสีย เพราะแทบจะหมดอารมณ์ที่จะเข้ามาแดนซ์ให้หนำใจจากที่ตรากตรำ คร่ำเคร่งกับงานสุดหินที่ต้องส่งให้เสร็จก่อนวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ มันน่าโมโหไหมล่ะที่เจ้าของงานวันเกิดต้องหอบชิ้นงานที่เหลือ กลับมาด้วย เมื่อเธอพกงานไปเผื่อลูกค้าให้ตัดสินใจเลือกงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งไป

เสื้อผ้า หน้าผม ไม่โอเค เนื่องจากเสื้อเชิ๊ต กางเกงยีนสีซีด ขาดรุ่ยตามสไตล์วัยรุ่น รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ บวกกับใบหน้าที่มันย่อง ยิ่งกว่ายัยเพิ้งข้างถนนเสียอีก แถมแบกเป้ใบเบ้อเริ่ม นี่หรือคือมาดเจ้าของงานวันเกิด! ความซวยในวัยเบญจเพสของเธอยังไม่จบเท่านั้น เพียงแค่จะก้าวขาเดินเข้าผับ หลังจากที่โทรเข้าไปหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่ข้างในแล้ว เพื่อฉลองวันเกิดให้แก่เธอ ซึ่งก็ไม่มีใครมากมายหรอก ก็แค่พี่พุด พี่จ๊อด กับก้องหล้า เท่านั้น การ์ดที่อยู่หน้าผับก็กักตัวเธอไว้ โดยใช้ร่างกายสูงใหญ่กำยำบดบังเรือนร่างเล็กจิ๋วของเธอเสียมิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel