บทที่ 2 สาวห้าว แอนด์เดอะ แก๊ง
บทความด้านบนจบลงแล้ว หากนิ้วเรียวกลับเลื่อนเมาส์ลงมาเรื่อย ๆ ไม่หยุด เมื่อหางตาสะดุดเข้ากับภาพนิ่งของนายแบบคนดังกล่าว จากที่แค่จะแอบมองผ่านๆ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตกลับยิ่งจ้องจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เขม็ง ราวกับดวงตาคู่นั้นสะกดให้เธอไม่สามารถเลื่อนผ่านไปได้ง่าย ๆ ธารใสลอบกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง ทำไมรู้สึกว่านิ้วชี้ด้านขวาถึงได้ดื้อดึงปานนี้ ประหนึ่งมีผีสิงให้มันค่อย ๆ เลื่อนผ่านหน้านายแบบคนนั้นอย่างเอื่อยเฉื่อยราวกับจะเอกซเรย์ ภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้นเท่านั้น สายตาอ่านกินค่อย ๆ ละเมียดรายละเอียดภาพนิ่งอย่างตั้งใจ
ภาพเกือบเปลือยของผู้ชายหุ่นล่ำ เจ้าของเรือนร่างกำยำ ไม่มีเสื้อผ้าปกปิดแม้สักชิ้น นอกจากตัวหนังสือคาดทับช่วงกลางลำตัวไว้เท่านั้น ใบหน้าคมเข้มของชาวต่างชาติเชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเทาคมดุจ้องตรงมาข้างหน้าราวกับกำลังสะกดหัวใจคนที่เผลอมองตอบ เพื่อละลายคนดูให้แดดิ้นไปตรงนั้น ใบหน้าชายหนุ่มดูโดดเด่นจากทรงผมสั้นเกรียน จมูกโด่งเป็นสันสวย องค์ประกอบทุกชิ้นส่วนบนใบหน้าของเขาช่างลงตัวและรับกับโครงหน้าแกร่ง ไรหนวดขึ้นครึ้มเกือบทั้งใบหน้า และถูกตัดเล็มให้ดูไม่รกเรื้อจนเกินไป
ปึ้ก!
“โอ๊ย! คอแทบหัก ทุบลงมาได้ไงเนี่ย” เสียงแหวแหลมปรี๊ด สบถออกมาแทบจะทันที เมื่อโดนของแข็งทุบลงบนหัวทุยสวย ตุ้บใหญ่ หากคำนวณจากความหยุ่นนิด ๆ น่าจะเป็น นิตยสารเล่มหนา หรือไม่ก็หนังสือนิยาย ที่คนลงมือคงหยิบฉวยได้จากบริเวณโต๊ะที่รกเรื้อข้างกายเธอ มือเล็กคลำป้อย ๆ บ่นกระปอดกระแปดตามประสา
“ฉันทุบที่หัว ไม่ใช่ที่คอย่ะ ไอ้เต๊กลัว” (มาจาก ไอ้ตัวเล็ก) เสียงห้าวจากหนุ่มร่างใหญ่ใจสาว หากพยายามดัดให้ดู เป็นหญิงขึ้นมาอีกนิดแว๊ดกลับทันทีเช่นกัน
“ฉันให้หล่อนมาวาดภาพปกหนังสือให้ลูกค้านะยะ ไม่ใช่มานั่งเสพสมกายชายหนุ่มหุ่นล่ำบึ้ก น่ากิน..แบบ..นี้ กรี๊ดดดด.. อกอิพุดจะแตกนี่มันอีธาน เบอร์นเนอร์ ว่าที่สามีในอนาคตของฉันนี่ แกไปได้ภาพพวกนี้มาจากไหนน่ะ ไอ้ธาร” เสียงของชายใจสาวไล่โทนเสียงจากสูง ไต่ระดับต่ำและช้าลงเรื่อย ๆ พร้อมกับสายตาอันแหลมคมของนางจ้องมายังภาพที่เธอเผลอเปิดหน้าจอโน๊ตบุ้คค้างไว้ หรือเพราะพับหน้าจอลงไม่ทันเสียมากกว่า พลางทำตาหวานซึ้ง น้ำเสียงหวานหยดย้อย นัยน์ตาชวนฝันประหนึ่งได้พบชายผู้เป็นที่รัก ก่อนจะจิกตาลงมาจ้องหล่อนเขม็งในช่วงท้ายประโยค
คนอะไรเหมาเอาว่าเขาเป็นว่าที่สามีตัวเองซะงั้น ก็เล่นเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงก่อนทำไม ข้อมูลที่ธารใสนั่งละเลียดเชยชม เอ๊ย! อ่านชีวประวัติของนักร้องหนุ่ม รวมทั้ง ภาพสยิวกิ้ว โชว์รูปร่างเกือบเปลือย อวดมัดกล้าม ทั่วทั้งตัว เสียแค่มีตัวหนังสือมาคาดทับ ส่วนลี้ลับไว้เท่านั้น!
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณพี่พุด ธารแค่กำลังอ่านข้อมูลของลูกค้าที่ให้มา เค้าเป็นรุ่นน้อง ของรุ่นน้อง ของรุ่นน้อง อีกที เรียกง่าย ๆ ก็รุ่นน้องเหลน รึโหลนเนี่ยแหละ อาจารย์ให้ทำรายงาน บุคคลที่ประทับใจ แถมแนบภาพมาด้วย เค้าให้ช่วยจัดหน้า ทำเวิร์คอาร์ตให้ ก็แค่นั้นเอง” ไม่ได้อู้เสียหน่อย แต่แค่เผลอจ้องอิมัดกล้าม ล่ำ ๆ นั่นนานไปนิด สาบานได้ว่า ไม่ได้มองต่ำกว่านั้นเลย!
“แล้วมันหน้าที่หล่อนหรือยะ ไอ้จ๊อด มันไปไหน ทำไมไม่โยนงานให้มันไปทำซะ แล้วนี่งานวาดภาพปกของหล่อนน่ะไปถึงไหนแล้ว ลูกค้าทวงมาแล้วนะ คอยดูเถอะ ถ้างานแกส่งไม่ทันฉันจะไม่แก้ตัวแทนแล้ว และจะหักเปอร์เซ็นต์ของแกลงอีกด้วย! จำเอาไว้” ยังไม่ทันที่ก้นงามงอนเบ้อเร่อเท่อของนาง ผ่านพ้นขอบโต๊ะทำงานของเธอไปเลยด้วยซ้ำ หัวหน้างานเธอก็หยุดชะงัก หมุนตัวกลับมาคว้าหมับดึงแฟรชไดฟ์ ออกจากโน๊ตบุ๊คของเธอหน้าตาเฉย ก่อนจะสำทับทิ้งท้าย แล้วเดินจากไปราวกับนางพญา ไม่ถงไม่ถามสุขภาพอิแก่ของเธอเลยสักคำ!
“อ้อ! งานที่แกเปิดดูเมื่อกี้น่ะ เอามาให้ฉันทำก็ได้ แค่จัดหน้า เพิ่มอาร์ตเข้าไปอีกนิดๆ หน่อยๆ ก็เสร็จละ”
“อ้าว พี่พุด ไม่ให้พี่จ๊อดทำเหรอ งานแค่นี้ไม่น่าให้ถึงมือพี่ก็ได้มั้งคะ”
“ไม่ได้! นี่ของ ..ของฉัน ใครก็อย่าคิดมาแตะ! อินังชะนีเด็กคนนั้น มันไม่รู้ซะแล้ว ว่ากำลังเล่นกับใคร นั่นว่าที่สามีในอนาคตฉันนะยะ แกด้วย ไอ้ธารถ้ายังอยากทำงานกับเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างที่นี่ รีบลบภาพของ อีธาน เบอร์นเนอร์ที่จอคอมฯแกออกให้หมด แล้วห้ามเอาเก็บไปฝันหวานด้วย เข้าใจไหม!” เป็นอีกรอบของวันนี้แล้ว ที่หัวหน้างานของเธอกดจิกส่งสายตาพิฆาตให้ ท่าจะเป็นเอามากนะเจ้านายเรา นี่ขนาดไม่เคยเจอตัวเป็น ๆ ยังขนาดนี้ ถ้าเจอจัง ๆ มิเข้าไปกระโดดปล้ำเค้าทำสามีเลยรึ ฮึ! เพราะอีตาอีธาน เบอร์นเนอร์ นั่นแท้ ทีเดียวเชียว ทำให้บรรยากาศการทำงานวันนี้ของเธอ น่าเบื่อขึ้นมากโข ไหนจะเครียดเรื่องปกที่ลูกค้า จอมเรื่องมาก ติโน่น นี่นั่น ไม่จบสักที วันนี้ว่าจะสะสางเสียหน่อย กลับมาหมดมู้ดเพราะมัดกล้ามล่ำ ๆ นั่นซะนี่
คิดแล้วก็ให้หมั่นไส้ พ่อหนุ่มรูปหล่อมากความสามารถคนนี้นัก เธอไม่ค่อยรู้จักคนดังมากเหมือนเพื่อนสาวคนอื่น ๆ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว อีตานักร้องฝรั่งหัวเกรียนเมืองผู้ดี ไว้หนวดเคราครึ้มเต็มใบหน้า คงคิดว่าหล่อเสียเต็มประดาล่ะสิ ก็แค่ทำให้ดูหล่อเข้มและแมนขึ้นมานิดหน่อยก็เท่านั้น ไม่เห็นจะน่าพิศวาสตรงไหน แล้วยังมีขนบริเวณหน้าอกล่ำสันไล่ลงมากลางลำตัวจนถึง...อี๋....ขนลุก ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า ฉันไม่ชอบคนไว้หนวด และไม่ชอบขนรกๆ ตามตัวนั่นเลยสักนิด ขอเถอะ อย่ามาชอบฉันเด็ดขาดเลยนะ รู้ไว้!
“เสียงดังเอะอะอะไรแต่เช้า น้องธาร อ่ะ พี่ซื้อปาท่องโก๋หน้าปากซอยมาฝาก” พี่จ๊อด หรือขจรเกียรติ โอวาทพร กราฟฟิคดีไซน์รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ชักชวนให้เธอและเพื่อนร่วมรุ่นมาทำงานด้วยอีกคน นั่นก็คือก้องหล้า หัสดิศ เจ้าของร่างสูงที่เดินตามพี่จ๊อดเข้ามาไม่พูดไม่จา แทรกตัวปาดหน้าจ๊อดไป จนถุงปาท่องโก๋เจ้าอร่อย แทบร่วงไปอยู่แทบบาทา เมื่อเข้าไปนั่งประจำที่โต๊ะ เขาก็หยิบงานขึ้นมาทำทันที ก่อนจะเสียบแฟรชไดฟ์ เข้ากับคอมพิวเตอร์ ประหนึ่งรีบมากเพราะเดี๋ยวจะรีบพาหมาที่บ้านไปคลอดลูกเสียอย่างนั้น ธารใส ศิลปการกรสกุล หันหน้ามองสบตากับจ๊อด ราวกับนัดกันไว้ รำพึงรำพันออกมาเบา ๆ แทบจะพร้อมกัน มันจะรีบไปทำห่าอะไรของมันวะ